เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 228 การคบกับเขามันเป็นความผิดบาป
หนานกงเยี่ยเงียบอยู่พักหนึ่ง ”ผมไม่ได้ต้องการทำอะไร ผมแค่อยากให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
“หึ!” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ ”คุณคิดว่าฉันจะอยู่กินกับลูกชายของศัตรูเหรอคะ”
ภายในใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกเจ็บปวด สีหน้าของเขากลับนิ่งสงบ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ ริมฝีปากพยายามคลายยิ้ม ”ที่รัก ผมบอกแล้ว ผมไม่เป็นหนานกงเยี่ยก็ได้ และผมก็ตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับใครคนนั้นได้ ผมขอเป็นแค่สามีที่ดีของคุณก็พอแล้ว”
พวกเขาไม่เคยเป็นเหมือนพ่อลูก การที่เขาทิ้งทุกอย่างไปแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย แต่ถ้าต้องเสียเหลิ่งรั่วปิงไปเพราะเรื่องนี้ เขาทำไม่ได้ เธอคือชีวิตของเขา
“ได้ ถ้าอย่างนั้นในฐานะสามีของฉัน ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันแก้แค้น คุณทำได้ไหม”
“นอกจากฆ่าเขา เรื่องอื่นผมยินดีทำทั้งหมด คุณอยากทำลายตระกูลหนานกง ผมจะช่วยคุณวางแผนด้วยตนเอง หรือไม่ก็โอนทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหนานกงให้กับคุณก็ได้”
เหลิ่งรั่วปิงหยิบจานตรงหน้าขึ้นมาแล้วโยนไปที่หนานกงเยี่ย อาหารบนจานไหลลงมาจากไหล่กว้างของหนานกงเยี่ย ”ไม่ฆ่าเขา แล้วจะเรียกว่าแก้แค้นได้ยังไง!” รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกป๊อปปี้บนภูเขาน้ำแข็ง ”คุณหนานกงเยี่ย คุณมีสิทธิ์อะไรถึงได้คิดสวยหรูแบบนี้ ฆ่าศัตรูของฉันไม่ได้ ทั้งยังให้ฉันอยู่กับคุณ คุณมีสิทธิ์อะไรคะ”
หนานกงเยี่ยไม่ได้สนใจเศษอาหารบนตัว เงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งรั่วปิง ”เรากลับบ้านกันเถอะ” พูดจบ ไม่สนใจการขัดขืนของเหลิ่งรั่วปิง ดึงมือเธอแล้วเดินออกไป
แน่นอนว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ยอม เธอทุบตีเขาอย่างแรง หนานกงเยี่ยยืนนิ่ง ปล่อยให้เธอทำร้าย เพียงแต่มือที่จับข้อมือของเธอเอาไว้ เขาไม่ยอมปล่อย
เหลิ่งรั่วปิงตีเขาจนกระทั่งหมดแรง มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความจนปัญญา ก่อนหน้านี้ซือคงอวี้บีบเธอกลับซีหลิง เธอเสียใจ เจ็บปวด ทิ้งเขาไม่ลง ไม่รู้จะบอกลาเขาอย่างไร แต่ตอนนี้ เธอหมดหวังแล้ว ไม่ว่าเธอจะรักหรือไม่รักหนานกงเยี่ย เธอก็กลับไปอยู่เคียงข้างเขาไม่ได้อีกแล้ว
เธอเป็นคนแบบนี้ เลือกที่จะรักก็รักจนสุดหัวใจ เลือกที่จะตัดใจก็จะตัดทุกอย่างทิ้งทั้งหมด ไม่เคยอืดอาดยืดยาด ตอนนี้ เธอตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับหนานกงเยี่ย ไม่เจ็บปวด ไม่ยุ่งเกี่ยว อนาคตข้างหน้าจะเสียใจหรือไม่ ตอนนี้เธอไม่อยากคิดทั้งนั้น เวลานี้ เธอมีแค่ความคิดเดียวซึ่งก็คือแก้แค้น
ทุกครั้งที่นึกถึงสภาพทุกข์ทรมานของพ่อ ไฟแค้นในใจเธอก็คุกรุ่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ความแค้นทำลายคนเราได้ แต่ก็ทำให้เรากลายเป็นคนเข้มแข็ง ซึ่งเธอเป็นประเภทหลัง
“ทุบตีผมจนพอใจหรือยัง” เสียงของหนานกงเยี่ยนิ่งสงบ ”ถ้ายังไม่พอก็ตีอีกสิ ตีเสร็จเมื่อไหร่พวกเราค่อยกลับบ้าน”
เหลิ่งรั่วปิงสะบัดมือหนานกงเยี่ยทิ้งอย่างแรง แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของเขาได้ ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคนตระกูลหนานกงทุกคน!”
หนานกงเยี่ยยิ้มเศร้า ”ที่รัก พูดตามความจริง ผมเองก็เกลียด ผมเกลียดตระกูลหนานกง เกลียดที่ทำไมผมต้องเป็นหนานกงเยี่ย ดังนั้น ผมไม่เป็นหนานกงเยี่ยแล้ว ผมต้องการอยู่กับคุณ ได้ไหมครับ”
“คุณตัดใจเถอะ คุณหนานกงเยี่ย ฉันไม่มีวันคบกับคุณได้” คบกับเขา เธอรู้สึกผิดกับพ่อของตนเอง ทั้งยังช่วยอาเธอร์ไม่ได้ และยังแก้แค้นหนานกงจวิ้นไม่ได้เช่นกัน
หนานกงเยี่ยมองแววตาเด็ดเดี่ยวของเหลิ่งรั่วปิง และจับมือของเธอแน่น ”ที่รัก ผมจะต้องทำให้คุณเปลี่ยนใจให้ได้ เหมือนเมื่อก่อน ผมจะตามคุณกลับมา ตามจนกว่าคุณจะยอมเปลี่ยนใจ”
เหลิ่งรั่วปิงเบนสายตาหนีด้วยความเย็นยะเยือก ไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก
หนานกงเยี่ยไม่บีบบังคับเธออีกแล้ว จับมือเหลิ่งรั่วปิงเดินลงไปชั้นล่าง ขึ้นรถ แล้วขับกลับไปยังวิลล่าหย่าเก๋อ
ไม่ได้กลับวิลล่าหย่าเก๋อมานาน พ่อบ้านและสาวใช้ที่นี่ดูดีใจมาก แตกต่างจากคฤหาสน์หนานกง พ่อบ้านและสาวใช้ที่นี่ชอบเหลิ่งรั่วปิงมาก และไม่ได้คอยหาเรื่องเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง พ่อบ้านและสาวใช้ที่นี่ล้วนสงบเรียบร้อย
มองดูใบหน้ายิ้มแย้มของทุกคน หนานกงเยี่ยอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย พูดสั่งพ่อบ้าน ”คุณผู้หญิงไม่ได้กินมื้อเที่ยง สั่งให้ห้องครัวทำอาหารที่เธอชอบ”
“ครับ!” พ่อบ้านยิ้มพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นสั่งแม่บ้านให้ทำอาหาร
เหลิ่งรั่วปิงมองดูมือของหนานกงเยี่ยที่จับข้อมือของเธอเอาไว้ พูดประชดประชัน ”มาถึงที่นี่ยังกลัวว่าฉันจะหนีไปอีกเหรอคะ” เขาสั่งให้บอดี้การ์ดจำนวนมาก เฝ้าอยู่ด้านนอกวิลล่าหย่าเก๋อ ดูท่าคงอยากจะจับตาดูเอาไว้
หนานกงเยี่ยปล่อยมือเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ ”ขึ้นไปพักที่ห้องก่อน เดี๋ยวอาหารทำเสร็จผมจะสั่งให้สาวใช้ยกขึ้นไปให้คุณ”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป เธอเดินขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง ส่วนหนานกงเยี่ยเข้าไปในห้องหนังสือ เขามีงานมากมายต้องทำ ตอนแรกคิดว่าการขัดคำสั่งของหนานกงจวิ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะหนานกงจวิ้นไม่เคยสั่งตนได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้น ทำให้เขากับเธอกลายเป็นศัตรูกัน เขาดูออก เหลิ่งรั่วปิงคิดจะไปจากเขาแล้วจริงๆ ความแค้นที่มีมันมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเคยรักกันมาก่อน ตอนอยู่ที่คฤหาสน์เธอคงยิงเขาทิ้งโดยไม่ลังเล
ถึงแม้ทุกอย่างจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขา เหนือการควบคุมของเขา แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปเด็ดขาด เขาไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอ ชีวิตแบบนั้นมันทรมานมาก พบเจอครั้งเดียวก็มากพอแล้ว ตอนนี้ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่ขอแค่เธออยู่ข้างกายเขา เขาก็มีความสุขบนความเจ็บปวดนี้
เขารู้ เหลิ่งรั่วปิงพูดถูก พวกเขาไม่มีเหตุผลให้รักกันต่อไปได้ ความแค้นที่เปื้อนไปด้วยเลือด ไม่อาจข้ามผ่าน เธอมีเหตุผลที่จะเกลียดเขา มีเหตุผลที่จะแค้นตระกูลหนานกง ขอแค่เธอพยักหน้า เขายอมยกทุกอย่างของตระกูลหนานกงให้กับเธอ เพื่อเป็นการชดใช้ แต่เขาก็รู้ดีแก่ใจ ทั้งหมดนั้นไม่ใช่สิ่งที่เหลิ่งรั่วปิงต้องการ เธออยากจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา จากนั้นไปฆ่าหนานกงจวิ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ เพื่อแก้แค้นให้กับพ่อของเธอ
ทว่า เขาทำไม่ได้ เขาไม่อาจปล่อยเธอไปได้
หนานกงเยี่ยนั่่งอยู่ในห้องหนังสือ แต่เขากลับไม่ได้ทำงาน เขานั่งเหม่อลอยอยู่นาน ห้องหนังสือของเขาอยู่ตรงข้ามห้องนอน เขาไม่ได้ปิดประตู แค่เงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นประตูห้องนอนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ มีแค่ประตูที่ขวางกั้น แต่กลับดูห่างไกล
ท่ามกลางความเงียบ เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น คนที่โทรเข้ามาคือมู่เฉิงซี ”หนานกง ออกมาเจอกันหน่อย มาไนท์คลับเฟิ่งหวงไถดีไหม”
หนานกงเยี่ยชำเลืองมองประตุห้องนอน ”ไม่ไป พวกแกไปเจอกันเถอะ” เขาไม่กล้าไป เขากลัวว่าถ้าตนเองออกไปแล้วเหลิ่งรั่วปิงจะหนีไป เขาต้องเฝ้าดูเธอด้วยตนเองตลอดเวลา การหนีไปครั้งนั้น ยังคงทำให้หัวใจของเขาหวาดกลัว
มู่เฉิงซีถอนหายใจ ”เหลิ่งรั่วปิงจะเลิกกับแก?”
หนานกงเยี่ย ”…”
เขาไม่อยากพูด เขาไม่อยากพูดเรื่องนี้แม้แต่น้อย ชีวิตของเขาเหมือนตกลงมาจากสวรรค์ ในตอนเช้าเขายังเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก ตอนนี้กลับอยู่ในขุมนรกที่ร้อนระอุ
“เรื่องระหว่างนายกับเหลิ่งรั่วปิงพวกเราพอจะเดาได้แล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น สู้ออกมาคุยกันดีกว่า ทุกคนช่วยกันคิดหาวิธี” มู่เฉิงซีไม่อยากพูด เพราะเรื่องนี้ เวินอี๋เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด ร้องไห้จนหัวใจของเขาแทบแตกสลาย
หนานกงเยี่ยถอนหายใจ ”ฉันออกไปไม่ได้”
มู่เฉิงซีชาญฉลาดและใจเย็น ทั้งยังเข้าใจหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงเป็นอย่างดี แค่คิดก็รู้แล้วว่าหนานกงเยี่ยเป็นกังวลเรื่องอะไร ”ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกฉันไปหาแกที่วิลล่าหย่าเก๋อ”
หนานกงเยี่ยไม่ได้ปฏิเสธ เขามีเพื่อนไม่เยอะ มีแค่คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงเท่านั้น พวกเขาสี่คนโตมาด้วยกัน เวลานี้ เขาต้องการคนมาช่วยคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาจริงๆ ต้องทำอย่างไรถึงจะจัดการความแค้นนี้ได้ ทำให้เธอยอมอยู่กับเขา
บนโลกใบนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรและไม่เคยมีใครทำให้เขาตัดสินใจยากแบบนี้ มีแค่เหลิ่งรั่วปิงคนเดียวเท่านั้น เธอทำให้เขาฟุ้งซ่าน ฟุ้งซ่านจนทรมานไปหมด แต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น มู่เฉิงซีพาเวินอี๋มาที่วิลล่าหย่าเก๋อ โดยมีพ่อบ้านเป็นคนเดินนำทางเข้ามา มู่เฉิงซีเข้าไปที่ห้องหนังสือของหนานกงเยี่ย ส่วนเวินอี๋ไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง
เวินอี๋มาถึง เหลิ่งรั่วปิงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุทั้งหมด ”เธอมาทำไม”
เวินอี๋ ”พี่รั่วปิง ฉันอยากมาเกลี้ยกล่อมพี่”
“เกลี้ยกล่อมอะไร” เหลิ่งรั่วปิงนิ่งสงบ ”ระหว่างพี่กับเขามีหลายอย่างที่เราทำอะไรไม่ได้ ในที่สุดความแค้นในครั้งนี้ก็ทำให้เราจบลง”
เวินอี๋ ”พี่ไม่รักคุณหนานกงเหรอคะ”
“พี่ไม่ปฏิเสธว่าพี่รักเขา หลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของศัตรู พี่ก็ยังคงรักเขา แต่การรักใครสักคนเราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน การที่พี่คบกับเขามันคือความผิดบาป บางทีทั้งชีวิตนี้พี่อาจจะรักเขาแค่คนเดียว แต่เขาเป็นผู้ชายที่พี่ไม่อาจเลือกได้”
น้ำตาของเวินอี๋เอ่อล้นขึ้นมา ”พี่รั่วปิง ฉันอยากจะบอกว่า พวกเราอยู่กับความแค้นมานานหลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าชีวิตของเราจะมีความสุข เรารักษาความสุขนี้ไว้ไม่ดีหรือคะ” หยุดชะงักไปสองวินาที ”เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น คุณหนานกงเพิ่งจะอายุสิบหก เขาไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย ถึงแม้พวกเขาจะเป็นพ่อลูกกัน แต่คุณหนานกงเยี่ยไม่ควรมารับโทษในความผิดที่พ่อของเขาทำเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนานกงเยี่ยรักพี่มากนะคะ”
“เธอไม่ใช่พี่ เธอไม่เข้าใจหรอก” เหลิ่งรั่วปิงลุกขึ้น ยืนตรงหน้าต่าง มองดูแสงอาทิตย์ตกกระทบชิงช้าในวิลล่า ”พี่เห็นพ่อเจ็บป่วยทรมานนานสามปีด้วยตาตนเอง วาระสุดท้ายของชีวิตท่านผอมจนเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก ตายด้วยความคับแค้นใจ และตัวพี่ก็ต้องหนีมาจากเพลิงไหม้ในครั้งนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหมือนฝันร้าย ที่คอยหลอกหลอนพี่มาตลอดหลายปี ทั้งตัวและหัวใจของพี่เหนื่อยล้าไปหมด ความแค้นและความเจ็บปวดนี้ ฝังรากลึกในใจของพี่มานานกว่าสิบปี ตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้ พี่มีชีวิตเพื่อแก้แค้น ถ้าไม่ได้ล้างแค้น หัวใจของพี่ไม่มีวันสงบสุข”
“ตอนนั้นพี่วางแผนทำให้ทั้งครอบครัวของลั่วเฮิ่งตกนรก พี่คิดว่าตนเองแก้แค้นสำเร็จแล้ว ภาระหนักอึ้งที่บ่าได้หมดลงแล้ว อยากจะตามหาชีวิตที่สงบสุข ดังนั้นพี่จึงยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ออกมาจากองค์กรที่พี่ทำงาน”
“แต่วันนี้ พี่กลับรู้ว่า ตนยังไม่ได้แก้แค้น ศัตรูตัวจริงของพี่ยังมีชีวิตที่สุขสบาย และพี่กลับแต่งงานกับลูกชายของศัตรู พี่เสียใจและเกลียดตัวเองมาก ความแค้นในใจปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเทียบกับในอดีต ความแค้นไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามมันมากยิ่งกว่าเดิม”
“ดังนั้น ถ้าไม่ได้ฆ่าหนานกงจวิ้น ชีวิตนี้พี่ไม่มีวันมีความสุข แต่ถ้าพี่ฆ่าหนานกงจวิ้น พี่กับหนานกงเยี่ยก็ไม่มีวันได้รักกัน”
เวินอี๋กอดเหลิ่งรั่วปิงด้วยความปวดใจ ”พี่รั่วปิง หนานกงจวิ้นมีอำนาจมาก อีกทั้งยังซ่อนตัวมานานหลายปี หาตัวยากมาก พี่จะแก้แค้นยังไงคะ” มองดูทางเดินก้อนหินชั้นล่าง เวินอี๋รู้สึเหมือนเห็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม
“พี่รู้ว่ามันยาก แต่พี่จะตั้งมันให้กลายเป็นเป้าหมายของชีวิต” แววตาเหลิ่งรั่วปิงเป็นประกาย สิ่งที่เธอเห็นคือเธอใช้มีดฟันขวากหนาม
เวินอี๋ ”ถ้าพี่ตามแก้แค้นหนานกงจวิ้น แล้วคุณหนานกงเยี่ยเขา…เขาจะยอมเหรอคะ”