เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 230 พวกเราไม่เคยคบเป็นแฟนกันจริงจังมาก่อน
เหลิ่งรั่วปิงอาบน้ำและเข้านอนแล้ว
หนานกงเยี่ยเหม่อมองแผ่นหลังของเธอ ปลดกระดุมเสื้อ เดินเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนเป็นชุดนอน เดินไปที่เตียง ขณะที่เขาเลิกผ้าห่มขึ้นมา เสียงของเหลิ่งรั่วปิงดังขึ้นที่ข้างหู ”คุณหนานกงเยี่ย คุณคิดว่าเราสองคนยังนอนด้วยกันได้เหรอคะ”
“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันให้ใบหย่ากับคุณแล้ว ถึงแม้คุณจะไม่ได้เซ็น แต่ก็หมายความว่าความสัมพันธ์ของเราจบไปแล้ว พวกเราควรจะแยกกันอยู่”
หนานกงเยี่ยถอนหายใจเบาๆ นั่งอยู่ที่เตียง ”ที่รัก พวกเราคุยกันหน่อยได้ไหมครับ”
“คุยอะไรคะ นอกจากเรื่องหย่า ฉันไม่มีอะไรอยากจะพูดกับคุณ”
หนานกงเยี่ยก้มหน้าลง มองดูเหลิ่งรั่วปิงที่นอนหันข้าง พยายามบังคับตนเองไม่ให้โอบกอดเธอ ”ผมรู้ว่าคุณแค้นใจ แต่คุณลองคิดถึงความรู้สึกของผมหน่อยได้ไหม จู่ๆ ก็มีเรื่องในอดีตโพล่งขึ้นมากะทันหัน จนผมทำตัวไม่ถูก นั่นไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อย ผมรักคุณ รักมากกว่าชีวิตของตัวเอง แล้วคุณจะให้ผมปล่อยคุณไปได้ยังไง”
เหลิ่งรั่วปิง ”…”
ใช่ เธอเข้าใจหลักการนี้ แต่การเลือกเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองมีความผิดบาป ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้จะไม่มีความแค้นพวกนี้ ซือคงอวี้ก็เป็นอุปสรรคที่เธอข้ามผ่านไปไม่ได้ เพื่อแลกกับชีวิตของอาเธอร์ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องไปจากเขา
ความเย็นชาของเหลิ่งรั่วปิงอ่อนโยนลงมาก รังสีเย็นยะเยือกก็จางหายไป เธอรู้ดี เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของเขา เขาเองก็เป็นผู้ชายที่น่าสงสาร
อารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยสัมผัสได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงดีใจเล็กน้อย นอนอยู่ข้างเธอ ยื่นมือไปลูบผมของเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ ”ที่รักครับ เราเดินข้ามผ่านอุปสรรคมากมายมากว่าจะได้รักกัน คุณอย่ายอมแพ้ง่ายๆ ได้ไหมครับ ความแค้นของคนรุ่นก่อน พวกเราไม่ควรแบกรับเอาไว้ พวกเรารักกัน ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ดีไหมครับ”
“ไม่ดี!” เหลิ่งรั่วปิงหันกลับมาด้วยความโมโห เผชิญหน้ากับหนานกงเยี่ย ”ไม่ดีเลยสักนิด อยู่กับคุณ มีแต่จะทำให้ฉันรู้สึกผิดบาป” น้ำตาไหลลงมาอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้
มือใหญ่ของหนานกงเยี่ยจับหน้าเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ นิ้วอุ่นของเขาลูบจับเธอด้วยความรักและทะนุถนอม ”ที่รักครับ ตอนที่พวกเราอยู่ใต้ซากปรักหักพัง คุณเคยบอกผม หลังจากนี้คุณจะรักผม คุณลืมไปแล้วเหรอครับ ผมเกลียดที่ตัวเองมีพ่อแบบนั้น แต่ผมเลือกไม่ได้ ถ้าคุณไปจากผม ผมต้องตายแน่ๆ ต้องตายแน่ๆ”
เธอไปจากเขา เขาต้องตาย!
คำพูดนี้กระแทกหัวใจเหลิ่งรั่วปิงอย่างแรง
แต่เธอต้องช่วยชีวิตอาเธอร์ และเธอก็ต้องแก้แค้นด้วย
น้ำตาของเหลิ่งรั่วปิงพรั่งพรูมากกว่าเดิม เสียงของเธอสะอื้น ”แต่ว่า คุณไม่เข้าใจโลกของฉัน ฉันปล่อยวางความแค้นไม่ได้ แม้ว่าคุณกับฉันจะไม่มีความแค้นมาขวางกั้น พวกเราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้”
ม่านตาหนานกงเยี่ยหดเล็ก เขาจับใจความคำพูดของเธอ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความแค้นมาขวางกั้น เขากับเธอก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาไม่คิดว่าการคัดค้านของหนานกงจวิ้นทำให้เหลิ่งรั่วปิงถอยหนี หรือเป็นเพราะใครคนนั้น?
หนานกงเยี่ยเชยคางเหลิ่งรั่วปิงขึ้นมา ”บอกผม ใครคนนั้นบีบให้คุณไปจากผมใช่ไหม”
“ใช่หรือไม่ใช่แล้วมันเกี่ยวอะไรคะ!” เหลิ่งรั่วปิงผลักมือหนานกงเยี่ยทิ้งอย่างแรง น้ำตาไหลพราก ”คุณคือหนานกงเยี่ย เป็นลูกชายของศัตรู ไม่ว่ายังไงฉันก็รักกับคุณไม่ได้ ระหว่างเราเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้ เหตุผลอื่นๆ ล้วนไม่สำคัญ”
มองดูเหลิ่งรั่วปิงร้องไห้ หนานกงเยี่ยกอดเธอเอาไว้ด้วยความปวดใจ ”พวกเราลองดู ลองดูว่าเราจะข้ามผ่านมันได้ไหม เริ่มตั้งแต่วันนี้ ขอแค่คุณไม่ไปจากผม ให้ผมทำยังไงก็ได้ ไม่ว่าคุณจะมีเงื่อนไขอะไรผมก็ยินดีรับปากทั้งหมด หืม”
ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรเขาก็ตกลงทั้งหมด เว้นแต่ช่วยเธอตามหาและแก้แค้นหนานกงจวิ้น แต่เธอไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ความร่ำรวยของตระกูลหนานกง เธอไม่ต้องการแม้แต่น้อย เธอแค่อยากจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับพ่อแต่เหลิ่งรั่วปิงก็รู้ดี ปัญหาระหว่างเธอกับเขาไม่อาจแก้ได้
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตีไหล่กว้างของหนานกงเยี่ยด้วยความโมโห ระบายความโกรธออกมาโดยไม่มีเสียง
หนานกงเยี่ยไม่หลบและไม่เลี่ยง ปล่อยให้เหลิ่งรั่วปิงทุบตีตามอำเภอใจ จนกว่าเธอจะเหนื่อย เขาถึงโอบกอดเธอเอาไว้ ประทับจุมพิตลงบนแก้มของเธอด้วยความทะนุถนอม ”ผมจะชดใช้ ที่รัก พวกเราอยู่ด้วยกันนะครับ ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ขอแค่เป็นสิ่งที่ผมมี ผมให้คุณได้ทั้งหมด”
เพราะไม่มีเรี่ยวแรง เพราะหมดหนทาง เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ขัดขืนอะไรอีก มีแต่น้ำตาที่รินไหลลงมาไม่หยุด
หนานกงเยี่ยอบอุ่น ทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี เขาอยากใช้ความรักของตนหลอมละลายเธอ อีกเรื่องหนึ่ง เขาอยากมีลูกกับเธอ ถ้าเหลิ่งรั่วปิงท้องเธอก็จะไม่มีวันไปจากเขาอีก
วันที่สอง เหลิ่งรั่วปิงตื่นเช้ามาก ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง เธอก็ลืมตาขึ้นแล้ว เธอมองดูคนที่นอนข้างกายตนเงียบๆ เหมือนไม่วางใจ แม้แต่ตอนนอน เขาก็ยังกอดเธอเอาไว้แน่น แขนแข็งแกร่งของเขาล็อกเอวเธอเอาไว้ เหมือนกลัวเธอจะหนีอยู่ตลอดเวลา
เหลิ่งรั่วปิงมองอยู่นาน ในใจของเธอครุ่นคิดร้อยแปดพันอย่าง ตั้งแต่คืนนั้นที่เมืองไห่ เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขา เธอก็ไม่เคยคิดจะไปจากเขาอีก และยิ่งไม่อยากทำร้ายเขา แต่ว่าตอนนี้…
โชคชะตากลั่นแกล้ง เธอเองก็ทำอะไรไม่ได้ เธอเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่เหนือสรรพสิ่ง
นิ้วมือเรียวยาววาดไปที่คิ้วหนาของหนานกงเยี่ย ลูบไล้โครงหน้าของเขา เขาหล่อไร้เทียมทาน ทั้งยังมีความกล้าหาญ ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างเขา ควรจะคู่กับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ แต่เขากลับมาเจอกับเธอ
รอบตัวของเธอเต็มไปด้วยปัญหา ชีวิตของเธอมีแต่หนี้แค้น ทว่าเขากลับรักเธอแทบเป็นแทบตาย ต้องอดทนกับความทรมานเหล่านี้
หลังจากผ่านไปนานพักใหญ่ เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจเบาๆ นอกจากถอนหายใจแล้ว เธอทำอะไรได้อีก
เหมือนจะได้ยินเสียงถอนหายใจของเธอ หนานกงเยี่ยลืมตาขึ้นช้าๆ ริมฝีปากยกยิ้มอ่อนโยน ”ที่รักครับ”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อวาน แต่เธอนิ่งเฉย ไม่ได้กระตือรือร้นเข้ามาใกล้ และไม่ได้ห่างเหิน ”คุณหนานกงเยี่ยคะ ที่คุณเคยบอกว่า ชีวิตในวัยเด็กของคุณมืดหม่นมาก เป็นความจริงเหรอคะ”
“ครับ” ถึงแม้หนานกงเยี่ยจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน แต่เขาก็ตอบด้วยความจริงจัง ”ผมไม่มีชีวิตในวัยเด็ก ไม่มีความสุข ผมเป็นแค่หุ่นยนต์ นับตั้งแต่วันที่ผมถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลหนานกง ผมก็มีชีวิตอยู่เพื่อตระกูลหนานกง”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอก้มหน้าลง ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา กะพริบตาปริบๆ ขนตางอนยาวสัมผัสกับซอกคอของเขา เธอสงสารเขาจับใจ แต่เธอจำเป็นต้องไปจากเขา ถ้าอย่างนั้นก่อนจะจากกันเธอมอบช่วงเวลาวัยเด็กคืนให้เขายังจะดีเสียกว่า ตอนที่ไป เธอจะได้สบายใจขึ้นเล็กน้อย
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อวาน เธอซบอยู่ในอ้อมกอดของเขาเงียบๆ อีกทั้งเมื่อคืนพวกเขายังทำเรื่องลึกซึ้งกันด้วย แต่หนานกงเยี่ยรู้ดี เหลิ่งรั่วปิงไม่คิดจะเปลี่ยนใจ เขารู้จักเธอเป็นอย่างดี เธอเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แม้ว่าทั้งสองจะรักกันปานจะกลืนกิน แต่สุดท้ายเธอก็ไปจากเขาได้ เธอใจเด็ดมาโดยตลอด เป็นคนไม่ยึดติด คนที่เอาแต่ยึดติดและทรมาน ตั้งแต่ต้นจนจบคือเขามาโดยตลอด
ดังนั้น ความวิตกกังวลของเขาไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่วินาทีเดียว
หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง เสียงของเหลิ่งรั่วปิงดังขึ้น ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันจะลองดูค่ะ”
หัวใจของหนานกงเยี่ยสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ เขาเข้าใจ ลองดูที่เธอพูดถึง คือข้อเสนอที่เขาให้เธอเมื่อคืน
ด้วยเหตุนี้ เขาดีใจมาก เชยคางเหลิ่งรั่วปิงขึ้นอย่างรวดเร็ว ”จริงเหรอครับ” คุณจะลองปล่อยวางความแค้นจริงๆ เหรอครับ
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า ”ระยะเวลาครึ่งเดือน ฉันจะอยู่กับคุณ ลองปล่อยวางความแค้นระหว่างเรา ถ้าเวลานั้นมาถึง ฉันยังคงลืมความแค้นไม่ได้ คุณต้องปล่อยฉันไป”
มือของหนานกงเยี่ยสั่นเทาเล็กน้อย เขาไม่อยากเดิมพัน ไม่อยากแพ้ เขาไม่อยากให้มีความเป็นไปได้ๆ ในการจากไปของเธอ
“ถ้าคุณไม่ตกลง ก็ปล่อยฉันไปตอนนี้ ขณะพูด เหลิ่งรั่วปิงผลักแขนของหนานกงเยี่ยทิ้งด้วยความเย็นชา ผละออกจากอ้อมกอดของเขา ลงจากเตียงตามลำพัง เปิดลิ้นชัก หายาคุมหลังจากทำเรื่องอย่างว่า
มองดูเธอควานหายา แววตาหนานกงเยี่ยหลบเลี่ยงเล็กน้อย เมื่อวานเขาไม่ได้สวมถุงยางอนามัย เพราะอยากให้เธอตั้งท้อง แต่เขารู้ว่าเธอจะต้องกินยาคุมแน่นอน ดังนั้น ตอนกลางดึก เขาจึงแอบเปลี่ยนยา
มองดูเหลิ่งรั่วปิงกินยา เขารู้สึกละอายแก่ใจเล็กน้อย เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ความฉลาดของเธอผู้ชายไม่อาจเข้าถึงได้ ความสามารถในการสังเกตของเธอก็ยิ่งน่าตกตะลึง เขากลัวเธอจะดูออก
คงเป็นเพราะเหลิ่งรั่วปิงเอาแต่คิดถึงปัญหาระหว่างพวกเขาที่เกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจยาเท่าไร อีกทั้งเธอคิดว่าหนานกงเยี่ยไม่มีวันเป็นผู้ชายแบบนั้น ที่ปล่อยให้เธอท้องโดยที่เธอไม่ยินยอม ดังนั้น แผนการของหนานกงเยี่ยจึงสำเร็จแล้ว
หลังจากกินยา เหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าไปในห้องน้ำเงียบๆ ไม่มองหน้าหนานกงเยี่ยอีก ความเป็นจริงเธอเองก็รู้สึกละอายแก่ใจ เธอรู้ดี ว่าตนเองปล่อยวางความแค้นไม่ได้ นิสัยของเธอถูกกำหนดให้เธอไม่อาจก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนี้ได้ ดังนั้น เธอจึงโกหก ระยะเวลาครึ่งเดือนนี้ เธอแค่อยากให้เชามีชีวิตที่ดี เพื่อจบเรื่องระหว่างทั้งสองด้วยดี
มองดูประตูห้องน้ำปิดลง หนานกงเยี่ยเหม่อลอย นิสัยของเธอเขารู้ดี เธอไม่มีวันเปลี่ยนตัวเองอย่างแน่นอน เธอขอเวลาเขาครึ่งเดือน เขาต้องยอมรับ หรือไม่ก็ต้องรับความเย็นชาของเธอตั้งแต่ตอนนี้ ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงทำตามการตัดสินใจของเธอ ครึ่งเดือนก็ครึ่งเดือน บางทีครึ่งเดือนนี้เขาอาจจะทำให้เธอท้องก็ได้
ดังนั้น ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงเดินออกมาจากห้องน้ำ หนานกงเยี่ยลุกขึ้นแล้วกอดเธอเบาๆ เขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้น ”ได้ครับ ทำตามที่คุณพูด ให้เวลาพวกเราครึ่งเดือน”
ภายในใจเหลิ่งรั่วปิงหวั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมา เพราะรอยยิ้มของเขาดูระมัดระวังจนเกินไป มันดูต้อยต่ำเมื่ออยู่ตรงหน้าเธอ เขาเป็นราชาที่สูงศักดิ์ ทำทุกอย่างตามที่ตนเองต้องการมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ ตรงหน้าเธอ เขากลับกลายเป็นคนระมัดระวัง แม้แต่หายใจก็เหมือนตั้งใจหายใจเบาๆ
เธอสงสารเขาจับใจ ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาเบาๆ หัวใจของเขาเต้นแรง พุ่งชนหัวใจของเธอ
เหลิ่งรั่วปิงเองก็รู้สึกผิด ตอนที่เธอสูญเสียการมองเห็น เขาบอกว่า เขารักเธอ ไม่ได้รักที่หน้าตาของเธอ แต่รักจิตวิญญาณของเธอ ถึงแม้ความสวยของเธอจะหมดไป หรือแขนหักขาหัก เขาก็จะรักเธอ อีกทั้งหนานกงเยี่ยยังเคยพูดว่า แม้สวรรค์ขวางกั้น ก็ไม่อาจหยุดความรักที่เขามีต่อเธอได้ แต่ว่า เธอไม่ได้มุ่งมั่นเหมือนเขา เธอรักเขา ไม่เท่ากับเศษหนึ่งในร้อยที่เขารักเธอ
ถอนหายใจเบาๆ ในใจ เหลิ่งรั่วปิงพยายามฝืนยิ้ม ”คุณหนานกงเยี่ย พวกเราไม่เคยคบเป็นแฟนกันจริงจังมาก่อน ใช่ไหมคะ”