เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 237 นอกจากความรักฉันทำทุกอย่างเพื่อเจ้าวิหารได้
หลินมั่นหรูลุกขึ้นด้วยความโมโห หน้าอกงามขยับขึ้นลง เสียงนั้นแสบแก้วหูยิ่งกว่า ”เหลิ่งรั่วปิง เธอรนหาที่ตาย!” ความอิจฉาริษยาที่เธออดกลั้นมานานปะทุขึ้นมาในเวลานี้
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอย่างสง่างาม คิ้วคู่สวยเลิกขึ้นในองศาที่งดงาม ”หลินมั่นหรู บนโลกใบนี้มีวิธีตายนับร้อยนับพัน แต่อย่ารนหาที่ตาย คนต่ำๆ อย่างเธอ ถ้าฉันคิดจะทำให้เธอตาย ไม่กี่นาทีก็เรียบร้อยแล้ว”
ผู้หญิงทั้งสองคนที่สวยเหมือนดอกไม้ คนหนึ่งสวยมีเสน่ห์เหมือนดอกคาเมลเลีย อีกคนสวยบริสุทธิ์เหมือนดอกลิลลี่ คนหนึ่งราวกับแมวโมโห อีกคนสง่างามราวกับหงส์
“เหลิ่งรั่วปิง!” หลินมั่นหรูกัดฟันแน่นแล้วพูดลอดไรฟัน ”วันนี้ฉันจะทำให้เธอเห็นว่าใครกันแน่ที่รนหาที่ตาย!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ยาในมือหลินมั่นหรูปาไปตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง เธอทำด้วยความรวดเร็ว คนธรรมดาทั่วไปหลบทันไม่ทัน
แต่หลินมั่นหรูโชคร้ายมาก เพราะเหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นตอนที่เธอกำลังปาผงยา เหลิ่งรั่วปิงกระทืบเท้าอย่างไร กระโดดตัวลุกขึ้น หมุนตัวสามร้อยหกสิบองศากลางอากาศ ราวกับลมที่พัดผ่านหน้าหลินมั่นหรู เธอเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว ยิ่งกว่าหลินมั่นหรู ดังนั้นเท้าคู่สวยของเธอเตะไปยังท้องน้อยของหลินมั่นหรูเข้าเต็มๆ
โอ๊ย!
ตามด้วยเสียงร้องโอดครวญ หลินมั่นหรูล้มลงบนพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เหลิ่งรั่วปิง เธอรนหาที่ตาย!”
หลินมั่นหรูไม่พอใจ ลุกขึ้นด้วยความโมโห อยากจะสู้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้หมาป่าสีเทาเตะประตูเข้ามา พูดตำหนิด้วยความขุ่นเคือง ”หลินมั่นหรู เธออย่าเหิมเกริม!”
หลินมั่นหรูอิจฉาเหลิ่งรั่วปิงจนกลายเป็นเกลียดชัง เธอไม่ชอบเหลิ่งรั่วปิงไปเสียทุกเรื่อง แต่เธอกลัวหมาป่าสีเทา ดังนั้นตอนที่หมาป่าสีเทาเข้ามา เธอตัดสินใจยุติการต่อสู้
แววตาหมาป่าสีเทาเหมือนเปลวเพลิง จับต้องไปยังหลินมั่นหรู ”หลินมั่นหรู เธอทำงานในวิหารมานานหลายปี ลืมสถานะของตนเองไปแล้วหรือไง”
หลินมั่นหรูก้มหน้าลงไม่พูดไม่จา แต่หน้าอกที่กระเพื่อมถี่นั่นทำให้รู้ว่าเธอไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
หมาป่าสีเทาเดินไปด้านหน้าด้วยความเย็นเยือก ”หลินมั่นหรู นับตั้งแต่วันนี้เธอจำเป็นต้องรู้ว่า นางฟ้ารัตติกาลเป็นคนสำคัญของเจ้าวิหาร นางฟ้ารัตติกาลกับเธอคนละชั้นกัน ห้ามเสียมารยาทเด็ดขาด ตอนนี้ เธอต้องขอโทษนางฟ้ารัตติกาลกับสิ่งที่ทำลงไป”
“อะไรนะคะ” หลินมั่นหรูเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ เธอกับเหลิ่งรั่วปิงมีปัญหากันมานานกว่าเจ็ดปี เธอไม่เคยเห็นเหลิ่งรั่วปิงอยู่ในสายตามาก่อน แต่วันนี้กลับต้องก้มหน้าขอโทษเหลิ่งรั่วปิง เธอทำไม่ได้
สายตาบีบบังคับของหมาป่าสีเทาจับจ้องไปยังใบหน้าของหลินมั่นหรู ”ถ้าไม่อยากถูกเจ้าวิหารฆ่าตายสักวันหนึ่ง ก็เรียนรู้ที่จะปฏิบัติตัวตั้งแต่ตอนนี้”
หลินมั่นหรูทนสายตาบีบบังคับของหมาป่าสีเทาไม่ได้ รู้สึกเหมือนถูกความเยือกเย็นของเขากดทับจนหายใจไม่ออก ดึงดันอยู่หนึ่งนาที หลินมั่นหรูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้มหน้าลง ”ฉันขอโทษนางฟ้ารัตติกาล”
ถูกต้อง หลินมั่นหรูเป็นผู้หญิงฉลาด แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เธอก็เข้าใจแล้ว ความชอบที่ซือคงอวี้มีต่อเหลิ่งรั่วปิงไม่อาจประมาณได้ ครั้งหนึ่งเหลิ่งรั่วปิงเคยถวายตัวให้หนานกงเยี่ย เธอคิดว่าซือคงอวี้ต้องโมโหถึงขั้นฆ่าเหลิ่งรั่วปิง แต่เขากลับไม่ทำแบบนั้นครั้งหนึ่งเหลิ่งรั่วปิงเคยหักหลังเขาเป็นครั้งที่สอง หนีไปจากวิหาร เธอคิดว่าซือคงอวี้ต้องหมดรักเหลิ่งรั่วปิงแล้ว แต่เขากลับไม่เป็นแบบนั้น ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงแต่งงานกับหนานกงเยี่ยอย่างเปิดเผย เธอคิดว่าเขาจะต้องฆ่าเหลิ่งรั่วปิงเพื่อละบายความโกรธ แต่เขากลับไม่ทำแบบนั้น
เหลิ่งรั่วปิงหักหลังซือคงอวี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับให้อภัยเธอทุกครั้ง ทั้งยังดึงดันที่จะรับเหลิ่งรั่วปิงกลับไป เขาเป็นถึงราชาที่สูงศักดิ์ แต่กลับยอมเหลิ่งรั่วปิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้กระทั่งความไม่บริสุทธิ์ของเธอเขาก็ยอมให้อภัย
ความรักแบบนี้ ประเมินต่ำไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น เธอจำเป็นต้องก้มหน้าให้เหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวหันหลังด้วยความเฉยชา กลับไปนั่งบนโซฟาอีกครั้ง ไม่มองหลินมั่นหรูอีก ในใจของเธอมีผืนทะลกว้าง ที่เททุกอย่างเข้ามา แต่กลับไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น ดวงตาของเธอสวยมาก มองดูทุกอย่างบนโลกใบนี้ แต่กลับไม่ยอมเห็นอะไรในสายตา ความสุขทุกข์ของเธอ ล้วนอยู่ในโลกของตนเอง ดังนั้น ฆ่าหรือไม่ฆ่าหลินมั่นหรู สำหรับเธอแล้ว ไม่สำคัญเลยสักนิด
ไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืน เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย ดังนั้น เธอจึงเอนตัวลงบนโซฟาแล้วนอนหลับ หัวใจของเธอว่างเปล่า ความฝันของเธอว่างเปล่าไปด้วย ดังนั้นเธอจึงนอนหลับด้วยความว่างเปล่า ราวกับสูญเสียความรู้สึกทุกอย่าง
สิบกว่าชั่วโมงต่อมา เครื่องบินข้ามผ่านมหาสมุทรกว้างใหญ่ ไปถึงชายฝั่งตะวันออกของซีหลิง จอดบนชายหาดส่วนตัวของซือคงอวี้
ตั้งแต่ซือคงอวี้คุยโทรศัพท์กับเหลิ่งรั่วปิงเมื่อวานนี้ เขาก็ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เขาเฝ้ารออยู่ตรงชายหาดมาโดยตลอด มือจับราวชายหาด มองไปทางทิศตะวันออกที่ไกลห่าง ตั้งหน้าตั้งตารอเครื่องบิน
จนกระทั่งก่อนที่เครื่องบินจะลงจอด เขายังคงไม่สบายใจ เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ผิดหวังมาก่อน ครั้งนั้น เขาเองก็ตั้งตารอคอยแบบนี้เหมือนกัน รอการกลับมาของเธอ แต่สุดท้าย สิ่งที่เขาได้รับกลับเป็นความผิดหวัง ครั้งนี้ เขายังคงหวาดกลัว กลัวว่าเธอจะทำให้เขาผิดหวังอีก
ตอนที่เครื่องบินลงจอดบนพื้น วิ่งอยู่บนรันเวย์ เขาเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วอย่างหักห้ามใจไม่ได้ ลืมไปว่าตนเองต้องรักษาความเป็นราชาเอาไว้
วินาทีที่เครื่องบินจอดสนิท เขายืนอยู่ตรงประตูเครื่องบิน
ประตูเครื่องเปิดช้าๆ หัวใจของเขากระดอนขึ้นมาบนคอหอย ราวกับว่าเพียงแค่อ้าปากก็พร้อมกระดอนออกมา
หมาป่าสีเทาลงมาเป็นคนแรก โค้งตัวลงทำความเคารพ ”เจ้าวิหาร”
ซือคงอวี้ตอบรับเสียงเรียบ แววตาของเขาจ้องไปยังประตูเครื่องบิน
ตามด้วยหลินมั่นหรู มองซือคงอวี้ด้วยความรู้สึกลุ่มลึกและไม่พอใจ โค้งตัวลงทำความเคารพ ”เจ้าวิหาร”
ใบหน้าเย็นชาหล่อเหลาของซือคงอวี้ไร้ซึ่งอารมณ์ ท่าทีที่มีต่อหลินมั่นหรูก็ไม่แยแสอย่างเห็นได้ชัด มือใหญ่กุมมือเล็กน้อย เขาตื่นเต้นแล้ว ทั้งกลัวเธอไม่กลับมา และกลัวการพบเจอกันอีกครั้ง เธอจะไม่ใช่เหลิ่งรั่วปิงคนเดิมแล้ว
ไม่ว่าใครก็ดูออก เจ้าวิหารหล่อร้ายในตำนานของซีหลิง ตอนนี้ลำบากใจแค่ไหน
เหลิ่งรั่วปิงเองก็ตื่นเต้นมาก เธอนั่งอยู่บนโซฟาไม่ยอมลงจากเครื่องบิน เธอไม่รู้จะเผชิญหน้ากับซือคงอวี้อย่างไรดี เธอหักหลังเขา หักหลังความรู้สึกของเขา และปัญหาต่างๆ
รออยู่นานพักใหญ่ แต่ก็ยังไม่เจอคนที่อยากเจอ หัวใจของซือคงอวี้เหมือนถูกทุบตีด้วยท่อนไม้ เขาหันไปมองหมาป่าสีเทา แววตาเคล้าไปด้วยเมฆฝน ”เธอไม่ได้กลับมา ใช่ไหม”
หมาป่าสีเทาชะงัก จากนั้นยิ้ม ”เปล่าครับ เจ้าวิหาร นางฟ้ารัตติกาลอยู่บนเครื่องบินครับ”
ซือคงอวี้โล่งอก แล้วคลายยิ้ม เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เจอเธอ คิดว่าเหลิ่งรั่วปิงเองก็คงตื่นเต้นเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ ซือคงอวี้ก้าวเท้าก้าวใหญ่เดินไปยังบันไดทางขึ้นเครื่อง ขึ้นไปยังเครื่องบินด้วยฝีเท้าที่หนักแน่น
ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขาเห็นผู้หญิงที่ตนเฝ้าคิดถึงทุกคืนวัน เธอกำลังยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของประตูเครื่องบิน สีหน้าเปี่ยมด้วยความลำบากใจ
เหลิ่งรั่วปิงเปลี่ยนไป แต่ยังคงมีสง่า สวยงาม บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนดอกเบญจมาศบนตัวเหลิ่งรั่วปิง ลอยไปเตะจมูกของซือคงอวี้ ชโลมความคิดถึง
ใบหน้าเย็นชาของซือคงอวี้มีรอยยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาเหมือนภาพวาดในบทกวี เสียงน่าฟังราวกับน้ำแร่บนภูเขา ”รั่วปิง คุณกลับมาแล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงไม่กล้ามองตาเขา ตอบรับเสียงเบา แล้วก้มหน้าลง
จู่ๆ ซือคงอวี้ยื่นมือออกมา ดึงตัวเธอเข้าไปกอด เสียงของเขาสั่นเทาเล็กน้อย ”ขอบคุณที่กลับมานะ” ถ้าขืนเธอไม่ยอมกลับมา โลกของเขาคงแห้งเหือด
เหลิ่งรั่วปิงไม่แสดงสีหน้าใดๆ เธอซบอยู่ในอ้อมกอดซือคงอวี้เงียบๆ ความเป็นจริงเธออยากจะมอบความรักให้เขา อยากให้เขามีชีวิตที่มีความสุข แต่หัวใจของเธอยกให้หนานกงเยี่ยไปแล้ว เอากลับมาไม่ได้ บางครั้ง พรหมลิขิตของคนเราพลาดไปเพียงก้าวเดียว ก็พลาดไปตลอดชีวิต
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ซือคงอวี้คลายอ้อมกอด มองตาเหลิ่งรั่วปิงด้วยความจริงจัง พิจารณาอยู่นาน ”ตาของคุณไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ใช่ไหม”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า ”ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”
มือเรียวยาวของซือคงประคองใบหน้าเหลิ่งรั่วปิงด้วยความทะนุถนอม ”ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ ตั้งแต่จากกันที่เมืองไห่ คุณรู้ไหมว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน”
จากกันที่เมืองไห่?
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ”เจ้าวิหาร…ไปเมืองไห่มาเหรอคะ”
ซือคงอวี้ยิ้มอย่างผ่อนคลาย ”อื้ม หลังจากแผ่นดินไหววันที่สองผมก็ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าทีมกู้ภัยนานาชาติ ไปเมืองไห่ ขุดคุณขึ้นมาจากซากปรักหักพังด้วยมือตนเอง คุณรู้ไหมว่าตอนนั้นผมอยากจะพาคุณกลับมามากแค่ไหน”
เขาไปช่วยเธอที่เมืองไห่ด้วยตนเอง!
ฐานันดรศักดิ์ของเขาสูงส่งมากแค่ไหน แต่เพื่อตามหาเธอ เขากลับต้องปลอมตัว ไปยังพื้นที่ภัยพิบัติด้วยตนเอง!
เรื่องนี้เหมือนฟ้าผ่าลงมาในวันที่ท้องฟ้าสดใส ขณะที่ผู้คนกำลังหนาวสั่นเพราะลมหนาว เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นและเซอร์ไพรส์ รวมถึงตกตะลึง
เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าน้ำตา แต่ตอนนี้เธอกลับควบคุมน้ำตาของตนเองไม่ได้ น้ำตาเม็ดโตรินไหลลงมาราวกับไข่มุก ”ซือคงอวี้ คุณอย่าดีกับฉันมากขนาดนี้ได้ไหมคะ” เขาดีกับเธอขนาดนี้ เธอรับเอาไว้ไม่ได้
ซือคงอวี้คลายยิ้มบางๆ นิ้วมือเรียวยาวคล้องปอยผมของเธอไว้ที่หลังใบหู ”รู้ว่าผมดีกับคุณ หลังจากนี้อย่าหนีผมไปอีก หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงหยุดร้องไห้ด้วยความยากลำบาก เสียงสะอึกสะอื้น ”ขอโทษด้วยนะคะ ซือคงอวี้”
“ผมไม่ต้องการคำขอโทษจากคุณ” ซือคงอวี้โอบกอดเธออีกครั้ง ”รับปากผม จะไม่หนีผมไปอีก”
“ฉันไม่หนีก็ได้ค่ะ และเป็นคนของวิหารไปตลอดชีวิต แต่ฉันไม่ต้องการเป็นผู้หญิงของเจ้าวิหาร” แม้จะรู้ว่าคำพูดนี้ไม่ลื่นหู แต่เหลิ่งรั่วปิงยังคงพูดออกมาด้วยความกล้าหาญ ถึงแม้เธอจะไปจากหนานกงเยี่ยแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมรับผู้ชายคนอื่นง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ชีวิตกับซือคงอวี้ เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เธอไม่อยากจะเดินเส้นทางนี้
เป็นจริงตามนั้น แววตาของซือคงอวี้เย็นยะเยือก นิ้วมือเรียวยาวเชยคางเธอขึ้น ”ทำไมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงสบตาเขาด้วยความกล้าหาญ ”คุณรู้ดีนี่คะ ฉันไม่คู่ควรกับคุณแล้ว คุณสูงศักดิ์ราวกับเทพ มีแค่องค์หญิงเท่านั้นที่จะคู่ควรกับคุณ”
คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้ม ”ผมจำได้ว่าบอกความคิดของผมสำหรับเรื่องนี้ไปแล้วนะ”
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเธอราวกับดอกหิมะ ”ฉันซึ้งใจมากค่ะ ที่คุณไม่สนใจความแปดเปื้อนของฉัน แต่ถ้าคุณรักฉันจริงๆ คุณไม่มีวันเก็บฉันเอาไว้เป็นนางบำเรอที่ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ถ้าคุณอยากจะให้ฉันเฉิดฉาย ก็จะนำพามาซึ่งการคัดค้านของราชวงศ์และวิหาร ถึงขั้นที่ว่าอาจจะต้องต่อสู้บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือด ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนั้น”
เหลิ่งรั่วปิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ริมฝีปากบางคลายยิ้มจากใจ ”ดังนั้น ซือคงอวี้ ฉันต้องการให้คุณรู้ คุณมีตำแหน่งที่สำคัญมากๆ ในหัวใจฉัน ฉันรักคุณ เกินกว่าความรักของหนุ่มสาวบนโลก คุณไม่จำเป็นต้องร้องขอ ฉันก็พร้อมถวายชีวิตให้คุณ แต่ตำแหน่งนั้นไม่ใช่ความรักของชายหญิง ดังนั้น นอกจากความรักแล้ว ฉันทำให้คุณได้ทุกอย่าง