เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 240 เปลี่ยนตัวตนใหม่
ขณะพูด ซือคงอวี้ยิ้มแล้วปรบมือสองสามครั้ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ด้านนอกมีชายหญิงเดินเข้ามา ดูจากหน้าตาทั้งสองมีอายุมากแล้ว แต่งตัวดี หน้าตาเมตตา เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มและทำความเคารพซือคงอวี้ ”เจ้าวิหารซือคง”
“อื้ม” ซือคงอวี้ยิ้มแล้วพยักหน้า ก้มหน้าลงมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ ”รู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร”
เหลิ่งรั่วปิงมองชายหญิงสูงอายุตรงหน้าอย่างพิจารณา รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายสายตาของเธอจับจ้องไปยังใบหน้าของหญิงชรา มองอยู่นาน ภายในเบิกบานขึ้นมากะทันหัน คุณยายคนนี้หน้าตาเหมือนแม่ของเธอมาก โดยเฉพาะตอนยิ้ม เหมือนเป็นพิมพ์เดียวกัน
ถึงแม้แม่ของเธอจะจากไปตั้งแต่วันที่คลอดเธอ แต่พ่อมักจะอุ้มเธอเอาไว้ พร้อมกับหยิบรูปของแม่มาให้ดู บอกเล่าเรื่องราวของแม่ให้เหลิ่งรั่วปิงฟัง ดังนั้น เธอจึงจำแม่ได้เป็นอย่างดี
ชั่วขณะหนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงเดาออกแล้วว่าซือคงอวี้จะทำอะไร ภายในใจของเธอรู้สึกสับสนขึ้นมากะทันหัน การได้เจอกับญาติมิตรทำให้เธอดีใจ แต่ดูเหมือนซือคงอวี้ไม่คิดจะจบความขัดแข้งกับหนานกงเยี่ย สิ่งนี้ทำให้เธอเป็นกังวล
เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงฉลาด แค่มองแววตาของเธอ ซือคงอวี้รู้ทันทีว่าเธอมองทุกอย่างออกแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดกับชายหญิงชราตรงหน้า ”คุณเซียว คุณผู้หญิงเซียว นี่คือหลานสาวที่พลัดพรากจากกันมาหลายปีของคุณทั้งสอง ลูกสาวของคุณหนูใหญ่เซียวมู่อวี่ตระกูลเซียว เธอชื่อเจียงหน่วนซินครับ”
สีหน้าของตาเซียวและยายเซียวเปลี่ยนไปทันที หันมามองเหลิ่งรั่วปิงอย่างพร้อมเพรียง หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ยายเซียวพูดด้วยความดีใจ ”เหมือน เหมือน เหมือนมู่อวี่มาก”
ขณะพูด ยายเซียวร้องไห้สะอื้น ”ลูกของแม่!”
ตาเซียวเดินไปด้านหน้าด้วยความดีใจ จับมือเหลิ่งรั่วปิง ”หลานรัก ขอตาดูหน้าหลานหน่อย” มือของชายชราสั่นเทาอย่างหนัก ”ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นหลานสาวของฉันแน่ๆ หลานหน้าเหมือนแม่ของหลานมาก”
ยายเซียวร้องไห้พร้อมกับกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ น้ำตารินไหลซบอยู่บนไหล่บาง ”ลูกสาวของแม่ แม่คิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอลูกแล้ว”
ชีวิตตลอดยี่สิบสี่ปีของเหลิ่งรั่วปิง ผ่านการลาจากกับญาติมิตรมามากมาย ดังนั้นด้วยสัญชาตญาณของเธอจึงผูกพันกับญาติทุกคน เวลานี้ ยายเซียวโอบกอดตัวเธอเอาไว้ ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกใกล้ชิดที่มีเพียงสายเลือดเดียวกันเท่านั้นถึงจะรู้สึก ภายในใจของเธอไหวหวั่น การได้เจอกันกะทันหันทำให้เหลิ่งรั่วปิงทำตัวไม่ถูก น้ำตารินไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ตาเซียวดึงตัวยายเซียวออก ”พอได้แล้วๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
ได้รับการระบายความรูสึก ยายเซียวค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงมา จับมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ มองหน้าเธอด้วยความรักใคร่ ”หลานรัก แม่ของหลานล่ะ”
เหลิ่งรั่วปิงมองดูหญิงชราตรงหน้าที่ผมขาวเกือบหมด ทำใจพูดออกไปไม่ได้ ”แม่ของหนู…”
“หลานรีบพูดมาสิ!” ยายเซียวเขย่ามือเหลิ่งรั่วปิงด้วยความร้อนใจ ”หรือแม่ของหลานไม่อยากเห็นหน้ายาย แม่ของหลานเคยรู้บ้างไหมว่าพวกเราตามหาเธอด้วยความยากลำบากแค่ไหน”
ภายในใจของเหลิ่งรั่วปิงมีความรู้สึกเจ็บปวดปะทุขึ้นมา ”คุณยายคะ ตอนที่แม่คลอดหนู ท่านคลอดยากมาก ก็เลยจากไปแล้วค่ะ”
“อะไรนะ” ยายเซียวเจ็บปวดและสิ้นหวัง มือทั้งสองข้างสั่นเทา แววตาไร้ความหวัง ”คิดไม่ถึงจริงๆ วาสนาของเราสองแม่ลูกจะเบาบางแค่นี้”
ตาเซียวเองก็น้ำตานองหน้า แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชาย ทำให้เข้มแข็งมากกว่ายายเซียวมาก ”หลานรัก แล้วพ่อของหลานล่ะ”
ถึงแม้ภายในใจของเหลิ่งรั่วปิงจะเจ็บปวด แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงแกร่ง ดังนั้นน้ำเสียงของเธอจึงฟังดูนิ่งสงบอย่างชัดเจน ”พ่อก็จากไปแล้วค่ะ”
“แล้ว…แล้วหลาน…” ยายเซียวจับมือเหลิ่งรั่วปิงด้วยความปวดใจ คำพูดนับร้อยพันอยู่ในปาก แต่กลับไม่รู้จะใช้คำพูดไหนในการเปล่งออกมา
ซือคงอวี้เห็นแบบนี้ จึงโอบตัวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ”คุณเซียว คุณผู้หญิงเซียว วันนี้ที่ผมเชิญคุณทั้งสองมา ก็เพื่ออยากช่วยให้พวกคุณได้เจอกัน เรื่องในอดีตหลายเรื่อง ผมจะให้หมาป่าสีเทาเป็นคนเล่าให้พวกคุณฟังเองครับ ตอนนี้ผมต้องการให้พวกคุณทำเรื่องหนึ่ง”
เห็นซือคงอวี้และเหลิ่งรั่วปิงสนิทสนมกันแบบนี้ ตาเซียวเป็นคนฉลาด มองออกทันที ”เจ้าวิหารซือคงอวี้เชิญพูดครับ”
“หน่วนซินใช้ชีวิตอยู่ในวิหารมานานหลายปี ไม่มีตัวตนที่ชัดเจน ผมอยากให้คุณทั้งสองป่าวประกาศออกไปว่า เจอตัวหลานสาวที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ให้เธอมีตัวตนที่เด่นชัด”
ซือคงอวี้วางแผนอย่างรอบคอบ เหลิ่งรั่วปิงตัวตนนี้ใช้ไม่ได้อีกแล้ว เหลิ่งรั่วปิงแต่งงานกับหนานกงเยี่ย อีกทั้งยังไม่ได้หย่าร้าง ถ้าเขาอยากจะแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิง จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวตนให้เธอ ถ้าอย่างนั้นเจียงหน่วนซินตัวตนนี้เป็นตัวตนที่ดีมาก
เมื่อหลายปีก่อนบริษัทเซียวซื่อถูกหนานกงจวิ้นกดขี่ทุกทาง ทำให้สุดท้ายต้องประกาศล้มละลาย ตาเซียวพาภรรยาและลูกชายย้ายมาอยู่ที่ซีหลิง จนถึงตอนนี้ ถึงแม้ตอนนั้นตระกูลเซียวจะล้มละลาย แต่ก็ยังมีสมบัติเหลือใช้ เมื่อมาถึงซีหลิงก็เริ่มทำการลงทุนใหม่ และตอนนี้ก็ถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวย แน่นอนว่าไม่อาจเทียบกับในอดีตได้
ตาเซียวพยักหน้า ”พวกเราตามหาลูกสาวมานานหลายปี ถึงแม้จะเสียใจมาก แต่ก็ดีใจที่เจอตัวหลานสาว การให้ตัวตนกับเธอ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…”
ตาเซียวมองไปทางซือคงอวี้ด้วยความลังเล แววตาของเขาชำเลืองมองไปยังมือของซือคงอวี้ที่โอบเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ภายในใจรู้สึกเป็นกังวล ทุกคนต่างรู้ดี ซือคงอวี้ต้องแต่งงานกับองค์หญิงของราชวงศ์ เช่นนั้นเหลิ่งรั่วปิง…
แม่ของเหลิ่งรั่วปิง เซียวมู่อวี่ เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลเซียว พ่อแม่รักและเอ็นดู พี่ชายคอยตามใจทุกอย่าง เธอแอบหนีไปกับเจียงเฉิง ทำให้คนในตระกูลเจ็บปวดมาก หลายปีมานี้ไม่เคยหยุดตามหา วันนี้เจอเหลิ่งรั่วปิงแล้ว ตาเซียวรักเหลิ่งรั่วปิงจากใจจริง เขาไม่อยากให้หลานสาวของตนเองกลายเป็นของเล่นของซือคงอวี้
ซือคงอวี้เข้าใจ กระตุกมุมปาก ”ผมจะแต่งงานกับหน่วนซิน ถ้าหากตาเซียวกลัวจะเดือดร้อน ไม่ต้องช่วยผมก็ได้”
ทุกคนต่างรู้ดี ถ้าหากซือคงอวี้แต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิง ต้องไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน เขาจำเป็นต้องต่อสู้กับราชวงศ์และเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ ทำลายข้อปฏิบัติที่มีมายาวนานกว่าพันปีของซีหลิง
ตาเซียวครุ่นคิด พูดด้วยเสียงหนักแน่น ”ผมไม่กลัว ตอนนั้นเป็นเพราะยอมจำนนต่อตระกูลหนานกง ทำให้ลูกสาวต้องเจ็บปวด ตอนนี้ทำเพื่อความสุขของหลานสาว ถือเป็นการชดใช้ให้ลูกสาว”
“ครับ” ซือคงอวี้พยักหน้า ”คุณเซียววางใจเถอะครับ มีผมซือคงอวี้อยู่ รับประกันว่าตระกูลเซียวต้องไม่เดือดร้อน”
ยายเซียวมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความรักใคร่ เหมือนกำลังมองหน้าลูกสาว ”เจ้าวิหารซือคง พวกเราเพิ่งได้เจอกับหลานสาว ฉันขอพาหลานสาวกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวได้ไหม”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ” ซือคงอวี้ปฏิเสธ ตัวตนของเหลิ่งรั่วปิงยังไม่ได้รับการยืนยัน ห้ามเปิดเผยหน้าตาออกไป เขาจะต้องหาโอกาสเหมาะสมเพื่อที่จะพาเธอออกไป ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ
ตาเซียวและยายเซียวไม่กล้าขัดคำสั่งซือคงอวี้ ทำได้เพียงจำยอม พูดคุยกับเหลิ่งรั่วปิงไม่กี่คำ ก็ออกไปแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองออกไป เหลิ่งรั่วปิงจัดการอารมณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว หันไปมองซือคงอวี้ ”ฉันอยากให้เจ้าวิหารพิจารณาอีกสักหน่อย ฉันไม่ต้องการให้คุณเดินเส้นทางนี้ แน่นอน ฉันเองก็ด้วย”
ซือคงอวี้คว้ามือเหลิ่งรั่วปิงขึ้นมาด้วยความเผด็จการ เดินไปด้านนอกวิหาร ”หลังจากนี้ห้ามพูดจาแบบนี้อีก ผมจะเดินทางนี้จนถึงที่สุด คุณไม่อยากเดิน ก็มองผมเดินเงียบๆ ผมจะปกป้องคุณให้ดีเอง”
เหลิ่งรั่วปิงจนปัญญา เธอรู้ เธอไม่เคยเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน เขาช่วยชีวิตเธอ พาเธอเข้ามาในวิหาร เธอเป็นฝ่ายเชื่อฟังคำสั่งของเขามาโดยตลอด ถึงแม้ตอนนี้เขาจะตามใจเธอทุกอย่าง ให้คำสาบานว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่เขาก็ยังคงทำทุกอย่างตามความคิดของตนเอง
เธอ ทำได้เพียงยอมรับ
*****
หลังจากลากับเหลิ่งรั่วปิงเป็นเวลาสิบห้าวัน หนานกงเยี่ยตัดสินใจไปซีหลิง โดยไปในนามถอนเงินลงทุนในประเทศซีหลิง
ก่อนจะออกเดินทาง เขาได้รับข่าว บอกว่าเจ้าของบริษัทเซียวซื่อที่อยู่ในเมืองหลวงของประเทศซีหลิง เจอตัวหลานสาวที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว เธอชื่อเจียงหน่วนซิน
เจียงหน่วนซินชื่อนี้ หนานกงเยี่ยคุ้นเคยมาก คนฉลาดแบบเขา เข้าใจแผนการของซือคงอวี้ทันที คิดไม่ถึงว่าซือคงอวี้จะดื้อด้านแบบนี้ ทั้งที่เขาคว่ำบาตรซีหลิง แต่กลับยังท้าทาย
เป็นไปตามที่เหลิ่งรั่วปิงคาดการณ์เอาไว้ หนานกงเยี่ยยอมรับคำจัดซื้ออาวุธของประเทศที่เป็นอริกับซีหลิง ตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุย แน่นอน ตอนนี้หนานกงเยี่ยยังไม่ได้คิดจะส่งอาวุธที่เคยขายให้กับซีหลิงให้กับประเทศคู่อริ การพูดคุยข้อตกลงเป็นเพียงการข่มซีหลิงเท่านั้น ที่เขาทำแบบนี้ ล้วนเป็นเพราะเห็นแก่เหลิ่งรั่วปิง เขารู้ว่าตนทำอะไรเกินกว่าเหตุไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเหลิ่งรั่วปิงต้องไม่พอใจแน่ๆ
หนานกงเยี่ยไปซีหลิง แน่นอนว่าต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวไป ก่อนเครื่องจะบิน ถังเฮ่าก็รีบมาที่ลานบิน เพื่อหลินมั่นหรู เขาเองก็จะไปซีหลิงสักครั้ง
ก่อนที่หนานกงเยี่ยจะบิน ซือคงอวี้ได้รับข้อมูลนี้แล้ว แต่เขาไม่ได้ทำอะไร เพราะหนานกงเยี่ยเป็นคนที่คาดการณ์ความคิดยากมาก ตนจำเป็นต้องอยู่นิ่งเงียบเพื่อสังเกตการณ์ จึงจะตัดสินใจได้
หนานกงเยี่ยและถังเฮ่าไปซีหลิงในครั้งนี้ โอ่อ่ามาก ก่วนอวี้ปล่อยข่าวนี้ออกไปล่วงหน้า แต่ละสำนักข่าวต่างพากันรายงาน เจ้าหน้าที่ของซีหลิง ก่อนหน้านี้พยายามเข้าไปเจรจากับบริษัทหนานกงและถังซื่อ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด ตอนนี้ทั้งสองกลับมายังซีหลิง ทางราชวงศ์ดำเนินการทันที หนานกงเยี่ยและถังเฮ่ามาถึงซีหลิง สนมของกษัตริย์ซีหลิงไปพบหนานกงเยี่ยถึงวิลล่าในนามพูดคุยกันถึงเรื่องในอดีต
สนมคนนี้ มีชื่อว่ากงฉี่ เป็นลูกสาวของคนที่รวยที่สุดในซีหลิง ภรรยาคนที่สองของกษัตริย์ซีหลิง อายุน้อยกว่ากษัตริย์ซีหลิงมาก เมื่อสิบปีก่อน หลังจากสนมของกษัตริย์สิ้นพระชนม์ บังเอิญได้เจอกับกงฉี่ในงานเต้นรำ ทั้งสองตกหลุมรักกันทันที
สนมกงฉี่คนนี้เรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองหลัง ว่ากันว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยพ่อของเธอเคยไปพบปะกับหนานกงจวิ้นหัวหน้าตระกูลหนานกง ถือว่าเคยพบเจอกับหนานกงเยี่ย ครั้งนี้ไปพบหนานกงเยี่ยในนามพูดคุยเรื่องในอดีต ก็ไม่ถือว่าบุ่มบ่ามเกินไป
หนานกงเยี่ยให้เกียรติมาก ต้อนรับสนมกงฉี่เป็นอย่างดี ทั้งสองพูดคุยกันในห้องประชุมเป็นเวลานาน จากนั้นสั่งให้ผู้ติดตามออกไป แล้วเริ่มการสนทนาลับ
หลังจากที่ห้องประชุมเหลือแค่พวกเขาสองคน กงฉี่หุบยิ้มทางการลงทันที ลุกขึ้นด้วยความเคารพ พร้อมกับพยักหน้า ”คุณชายเยี่ย”
“อื้ม” หนานกงเยี่ยเองก็หุบยิ้มทางการ ตอบรับสั้นๆ คิ้วเข้มเคลื่อนไหว แววตาจ้องมองด้วยความทระนง