เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 243 ประกาศฐานะว่าที่คุณผู้หญิงเจ้าแห่งผู้หลักความเชื่อ
หมาป่าสีเทา อาเธอร์และหลินมั่นหรูยืนรออยู่ด้านนอกวิหาร เห็นซือคงอวี้เดินจับมือเหลิ่งรั่วปิงออกมา ทั้งสามโค้งตัวทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ”
ถูกต้อง ตอนนี้ซือคงอวี้กลายเป็นเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อคนใหม่ของวิหารซีหลิงแล้ว
ซือคงอวี้จับมือเหลิ่งรั่วปิงตลอดเวลา บอกกับหมาป่าสีเทา ”รีบไปเตรียมพิธีเข้ารับตำแหน่งเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ”
ซีหลิงเป็นประเทศที่เคร่งครัดในศาสนา ทุกอย่างล้วนให้ความสำคัญกับพิธีการ ถึงแม้ซือคงอวี้จะสืบทอดตำแหน่งจากเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อคนเก่า แต่เขาต้องผ่านพิธีการทางศาสนาก่อนถึงจะขึ้นครองตำแหน่งเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่ออย่างเป็นทางการ
“ครับ” หมาป่าสีเทาขานรับแล้วเดินออกไป
ซือคงอวี้หันไปมองหลินมั่นหรูและอาเธอร์ ”พวกนายสองคนไปจัดการศพของซือคงหลิงให้เรียบร้อย แล้วจับตาดูเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อให้ดี อย่าให้เขามีโอกาสได้เจอใคร บอกกับคนนอกว่าเขาสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ไม่รับแขก”
“ครับ ค่ะ” อาเธอร์และหลินมั่นหรูขานรับพร้อมกับโค้งตัวลง
อาเธอร์เงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งรั่วปิง ภายในใจของเขามีแต่ความรู้สึก เขารู้ดีว่าเธอไม่อยากกลับมาที่นี่ เขาเป็นคนทำให้เธอเดือดร้อน
หลินมั่นหรูมองเหลิ่งรั่วปิง แล้วหันไปมองซือคงอวี้ ลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเธอก็พูดด้วยความใจกล้า ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ ตอนนี้ทางราชวงศ์รวมถึงพวกทหารนักการเมืองและนักธุรกิจทั้งสามแวดวงการต่างร่วมมือกันตำหนิท่าน สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยอย่างมาก ทำเพื่อผู้หญิงที่หักหลังท่านครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์แล้ว ไม่ควรค่าที่ท่านจะทำ…โอ๊ย!”
เพี๊ยะ!
หลินมั่นหรูยังไม่ทันพูดจบ เธอก็ถูกตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง หน้าขาวแดงเถือกในทันที แล้วบวมเป่งขึ้นมา
น้ำหนักมือของซือคงอวี้แค่คิดก็รู้แล้วว่าหนักแค่ไหน เพียงแค่ตบครั้งเดียว หลินมั่นหรูถึงกับตาลายหูอื้อ เธอคุกเข่าลงตามสัญชาตญาณ ด้วยความสั่นเทา
ซือคงอวี้ก้มมองลงต่ำ แววตาดุจเหยี่ยว ”เธอมันเป็นแค่ตัวอะไร ถึงกล้ามายุ่งกับการตัดสินใจของฉัน กล้าพูดพล่ามแบบนี้” เตะหลินมั่นหรูด้วยความโมโห ”นับตั้งแต่วันนี้ จำเอาไว้ให้ดี รั่วปิงคือคุณผู้หญิงเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อในอนาคต ถ้าเธอยังกล้าพูดล่วงเกินอีก เตรียมตัวตายได้เลย!”
พูดจบ ซือคงอวี้จับมือเหลิ่งรั่วปิงเดินออกไปทันที
หลินมั่นหรูค่อยๆ คลานขึ้นมาจากบนพื้น ชำเลืองมองแผ่นหลังของทั้งสองที่เดินจากไปไกล ดวงตาของเธอคลอด้วยน้ำใส นี่เป็นครั้งแรกที่ซือคงอวี้ทำร้ายเธอ เมื่อก่อนเขาจะเย็นชากับเธอตลอด เป็นราชาที่อยู่สูงส่ง วันนี้เขาทำร้ายเธอเพราะพูดล่วงเกินเหลิ่งรั่วปิง หัวใจของเธอเศร้าเหมือนกับน้ำแข็งที่แตกร้าว
ทว่าอาเธอร์กลับไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย มองหลินมั่นหรูด้วยสายตารังเกียจ ”คนประเภทลุ่มหลงและคิดเพ้อฝันก็คือคนแบบเธอ ขืนยังพูดจาทำให้รั่วปิงแปดเปื้อนอีก อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้า”
หลินมั่นหรูเงียบ เพียงแต่มือที่ขนาบกับลำตัวกำหมัดแน่น เล็บจิกลึกลงไปในผิวหนัง
กลับไปถึงห้องนอน เหลิ่งรั่วปิงนิ่งเงียบ วันนี้เธอกดดันมากยิ่งกว่าเดิม
แต่ซือคงอวี้กลับยกยิ้ม ”เป็นอะไรไปครับ ไม่ดีใจเหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาเศร้า มองใบหน้าของซือคงอวี้ ใบหน้านี้เธอมองมานานหลายปี เคยนับถือ หวาดกลัว ระลึกถึง แต่วันนี้เธอกลับไม่รู้จะทำอย่างไรดี ”ซือคงอวี้ คุณทำให้ฉันกดดันมาก”
ซือคงอวี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกทรมานหัวใจ
เมื่อก่อนเขาเคยกดดันเธอมากมาย สั่งให้เธอฝึกซ้อมทุกคืนวัน ให้ภารกิจยากๆ กับเธอมากมาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะอยากให้เธอแข็งแกร่ง ทำให้เธอแก้แค้นได้สำเร็จ หลังจากนี้จะได้ผ่อนคลายลงหน่อย แต่ตอนนี้ เขาแค่อยากตามใจเธอ อยากให้เธอมีชีวิตที่มีความสุข เหลิ่งรั่วปิงหนีไปจากวิหาร เพื่อตามหาชีวิตที่เป็นอิสระ เขาอยากมอบชีวิตแบบนี้ให้เธอ
แต่ตอนนี้ เขาจำเป็นต้องกำจัดอุปสรรคทุกอย่างก่อน
“รั่วปิง ผมพูดอยู่ตลอด คุณอย่าคิดมาก เรื่องทุกอย่างคุณไม่จำเป็นต้องกังวล คุณอยู่เงียบๆ แล้วคอยดูผมจัดการก็พอแล้ว”
“แต่คุณก็รู้นี่คะว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง ตอนนี้คุณถูกทุกคนพูดโจมตี ราชวงศ์และทั้งสามวงการทหาร นักการเมืองและนักธุรกิจต่างร่วมมือกันคัดค้าน อีกทั้งวันนี้คุณยังฆ่าน้องชายของตนเอง กักบริเวณพ่อของคุณ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฉัน คุณคิดว่าฉันจะอยู่อย่างใจเย็นได้เหรอคะ”
“หรือคุณคิดว่าผมควรจะทำตามความต้องการของคนพวกนั้น ส่งคุณกลับไปหาหนานกงเยี่ย”
เหลิ่งรั่วปิง ”…”
ถูกต้อง คนพวกนั้นทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ต้องการให้ซือคงอวี้ส่งตัวเหลิ่งรั่วปิงกลับไปหาหนานกงเยี่ย แต่เธอไม่ต้องการ เธอปรารถนาที่จะมีชีวิตอิสระ
สีหน้าของซือคงอวี้แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ”รั่วปิง คุณอย่ากดดัน ต่อให้ไม่มีคุณ เรื่องพวกนี้ผมก็จะต้องทำอยู่แล้ว ลดผลกระทบที่ตระกูลหนานกงมีต่อซีหลิง เป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ ตั้งแต่รับตำแหน่งเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับราชวงศ์และพวกทหารนักการเมืองนักธุรกิจ”
“สำหรับพ่อของผมและน้องชาย เรื่องบางอย่างในอดีตคุณไม่รู้ ผมเกลียดพวกเขา การฆ่าพวกเขาเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ตอนนี้ผมไว้ชีวิตซือคงเอ้า ถือว่ามีเมตตามากแล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้น ”ฟังจากที่พวกคุณคุยกันเมื่อกี้ เหมือนว่าซือคงหลิงกับคุณไม่ใช่พี่น้องแม่เดียวกัน?”
ซือคงอวี้พยักหน้า ”มันเป็นลูกชายของผู้หญิงที่ซือคงเอ้าเลี้ยงเอาไว้ ในตอนนั้นแม่ของมันกับแม่ของผมคลอดลูกวันเดียวกัน แม่ของมันตายเพราะคลอดลูกยาก ซือคงเอ้าฆ่าแม่และน้องชายแท้ๆ ของผม เพื่อที่จะให้มันเป็นลูกที่มีตัวตน”
ขณะเล่าถึงเรื่องในอดีต ซือคงอวี้อดไม่ได้ที่จะปวดใจ เขาเห็นกับตาตนเองว่าพ่อบอกให้หมอฆ่าแม่แท้ๆ ของเขายังไง ตอนนั้นเขาอายุแค่สี่ขวบ เป็นช่วงที่ต้องการแม่ที่สุด แต่กลับต้องสูญเสียไปแบบนั้น
ความเจ็บปวดของเขาคละคลุ้งไปทั่ว เหลิ่งรั่วปิงถูกโอบล้อมด้วยความเศร้าจนรู้สึกหายใจไม่เต็มปอด น้ำตารื้นขึ้นมา ”ซือคงอวี้ ฉันอยากให้คุณมีความสุขนะคะ”
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจทุกอย่างทันที ซือคงอวี้สูญเสียแม่ตั้งแต่เด็ก ทั้งยังสูญเสียด้วยวิธีนองเลือดแบบนั้น ดังนั้นในใจของเขาจึงมีปม เขาไม่ไว้ใจใคร เพราะแม้แต่พ่อของเขาก็ยังไว้ใจไม่ได้ แล้วซือคงอวี้จะเชื่อใครได้ ดังนั้นเขาจึงโดดเดี่ยวมาก ดังนั้นหลังจากที่เจอกับเธอ เขาจึงมีความต้องการที่จะครอบครองและควบคุมเธออย่างรุนแรง โลกของเขาต้องการการปลอบโยน
ซือคงอวี้เผยยิ้ม ”ขอแค่คุณอยู่เคียงข้างผม ผมก็จะมีความสุข”
“ค่ะ” เป็นครั้งแรกที่เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า รับปากคำขอร้องของเขา ในเมื่อไม่มีวาสนากับหนานกงเยี่ย และเธอเองก็ไม่มีวันรักผู้ชายคนไหนอีก ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่มอบความสุขให้กับผู้ชายที่มีบุญคุณกับเธอ
ซือคงอวี้โอบกอดเหลิ่งรั่วปิงด้วยความตื้นตันใจ ”คุณรับปากผมแล้ว ห้ามคืนคำนะครับ!”
สนมกงฉี่ต้องการที่จะจัดงานเลี้ยงหรูในห้องจัดเลี้ยงภายในราชวัง โดยได้มีการเชิญทหารนักการเมืองและนักธุรกิจคนสำคัญ ซือคงอวี้เองก็อยู่ในรายชื่อแขกที่เชิญมาร่วมงาน กล่าวโดยสรุปแล้ว วางแผนจัดงานเลี้ยงอย่างใหญ่โต
ตอนที่ซือคงอวี้ได้รับการ์ดเชิญ ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ ดวงตานกฟีนิกซ์ฉายแสงชาญฉลาด ”บอกกับสนมกงฉี่ ฉันจะไปร่วมงานเลี้ยง”
หมาป่าสีเทาลังเลเล็กน้อย ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ สนมกงฉี่จัดงานเลี้ยงใหญ่โตแบบนี้ เพราะคิดอยากจะรวบรวมคนในแวดวงทหารนักการเมืองและนักธุรกิจ ร่วมมือกันกดดันท่าน ท่าน…”
ซือคงอวี้ไม่สนใจแม้แต่น้อย ”พวกเขาร่วมมือกันกดดันฉันแล้ว แต่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ก็ยังทำอะไรฉันไม่ได้ กับแค่งานเลี้ยงคืนเดียวพวกเขาจะทำอะไรฉันได้”
ในสายตาของเขา งานเลี้ยงนี้เป็นโอกาส เขาจะเปิดเผยตัวตนของเหลิ่งรั่วปิงในงานเลี้ยงนี้ ประจันหน้ากับราชวงศ์อย่างเป็นทางการ เขาไม่มีวันแต่งงานกับองค์หญิง และไม่มีวันเปลี่ยนความคิดก่อนหน้านี้ของตน
ซีหลิงจำเป็นต้องปฏิรูปด้านการทหารและเศรษฐกิจ เขาจะใช้ความหนักแน่นของตน ทำให้ราชวงศ์และคนในแวดวงทหารนักการเมืองและนักธุรกิจรู้ว่า พวกเขาจำเป็นต้องเสียผลประโยชน์ และร่วมมือกันต่อสู้กับตระกูลหนานกง ทำให้เศรษฐกิจของซีหลิงหลุดพ้นออกมาจากผลกระทบของตระกูลหนานกง ไม่เพียงแค่ตระกูลหนานกง วันข้างหน้าก็ต้องหลีกเลี่ยงที่จะพึ่งพิงทุกองค์กร เพื่อพัฒนาและสร้างความหลากหลายให้กับด้านการทหารและเศรษฐกิจของซีหลิง ยืนบนจุดสูงด้วยตนเอง
งานเลี้ยงจัดขึ้นตอนกลางคืน ค่ำคืนมืดมิด แสงไฟสลัว งานเลี้ยงจัดขึ้นด้วยความหรูหรา บุคคลสำคัญของวงการทหารนักการเมืองและนักธุรกิจต่างมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ซือคงอวี้ยอมถอยหนึ่งก้าว ส่วนบรรดาคุณผู้หญิงและคุณหนูตระกูลต่างๆ พูดคุยกับอย่างสนุกสนาน
ซือคงอวี้รักษาคำพูด เขามาร่วมงานตรงเวลา การมาของเขา ทำให้งานเลี้ยงไปถึงจุดสูงสุด ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ แต่ใบหน้าพระเจ้าประทานของเขา ก็ทำให้งานเลี้ยงเปล่งประกาย ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายเขายังมีผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าเดินขนาบข้างมาด้วย
บุรุษรูปหล่อสตรีงดงามเป็นสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบ เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ดึงดูดสายตาทุกคู่เป็นอย่างมาก ข่าวลือแพร่สะพัดไปนานแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ เหลิ่งรั่วปิงคือใคร แต่ตอนนี้สถานะของเธอคือหลานสาวของผู้เฒ่าเซียว ชื่อว่าเจียงหน่วนซิน ดังนั้นทุกคนจึงเรียกเธอว่าคุณหนูเจียงด้วยความเกรงใจ
เหลิ่งรั่วปิงสวมชุดราตรีตัวยาวสีฟ้าคราม ปกเสื้อของเธอประดับด้วยไข่มุก ทำให้เธอยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน เหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ข้างซือคงอวี้เงียบๆ เหมือนนางฟ้าที่เป็นอิสระ หากมีลมพัดผ่าน เธอก็พร้อมที่จะโบยบิน
สนมกงฉี่มองเหลิ่งรั่วปิงอย่างไม่ละสายตา พร้อมกับพูดในใจ ไม่แปลกที่หนานกงเยี่ยลงทุนตามล่าภรรยาขนาดนี้ เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เรือนร่างของเธออรชร รอบตัวของเธอเคล้าไปด้วยออร่าของนางฟ้า ทำให้ผู้ชายทุกคนบ้าคลั่งได้
ซือคงอวี้สูงสง่าอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับไม่เคยมีเรื่องที่ทุกคนตำหนิเขา คล้ายว่าเพียงแค่มาร่วมงานเลี้ยงธรรมดาทั่วไปเท่านั้น จับมือเหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ยกแก้วไวน์ขึ้น แล้วพูดเสวนาถามสารทุกข์สุกดิบกับคนที่อยู่ตรงหน้า
กษัตริย์ซีหลิงและสนมกงฉี่เดินไปหาซือคงอวี้ ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง กฎระเบียบที่ซีหลิงของเรามีมานานนับร้อยนับพันปี เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อต้องแต่งงานกับองค์หญิงคนใดคนหนึ่งของราชวงศ์ ไม่เคยมีเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อคนไหนพาผู้หญิงที่เลี้ยงเอาไว้ออกมาเชิดหน้าชูตาแบบนี้”
นามสกุลของราชวงศ์ซีหลิงคือซีหลิง และมีการสืบทอดนามสกุลนี้มานานกว่าพันปี เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ มีองค์หญิงมากกว่าร้อยคน องค์หญิงที่ถึงวัยเหมาะสมในการแต่งงานมีประมาณสิบกว่าคน และองค์หญิงที่ทางราชวงศ์สนับสนุนอยากจะให้แต่งงานไปที่วิหารก็คือองค์หญิงซีหลิงเวย เธอสวยสง่า ฉลาดมีไหวพริบ การศึกษาสูง เหมาะแก่การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์และวิหารซีหลิง
เวลานี้ องค์หญิงคนนี้กำลังยืนอยู่ด้านหลังฉากกั้น ลอบสังเกตซือคงอวี้ หญิงสาวในวัยยี่สิบสามปีหัวใจเต้นแรง หากจะพูดว่าซือคงอวี้เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดในประเทศซีหลิง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน อย่าเพิ่งพูดถึงร่างสูงโปร่งของเขา แค่ใบหน้าพระเจ้าประทานนั้นก็ทำให้ผู้หญิงทุกคนหัวใจเต้นแรง เขาคือเจ้าชายในนิทาน แค่เพียงสายตาของเขา ก็มัดใจทั้งดวงของผู้หญิงได้แล้ว
องค์หญิงซีหลิงเวย คือหนึ่งในผู้หญิงที่หลงรักซือคงอวี้
มองดูซือคงอวี้จับมือเหลิ่งรั่วปิงแน่น ทุกกิริยาท่าทางของเขาเปี่ยมล้นด้วยความเป็นห่วง ซีหลิงเวยรู้สึกเจ็บปวด และเสียใจมาก