เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 244 สงครามแย่งชิงภรรยา (1)
เผชิญหน้ากับคำตำหนิของกษัตริย์ซีหลิง ซือคงอวี้คลายยิ้ม ทว่ากลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ ”ฝ่าบาท กฎเก่าแก่คร่ำครึแบบนั้น ผมคิดว่าอย่าไปยึดถือมันลย ตอนนี้โลกพัฒนาเร็วมาก เราควรจะทำลายกฎข้อนี้ทิ้งเสีย ผมไม่คิดที่จะแต่งงานกับองค์หญิงคนไหนของราชวงศ์ คุณเจียงหน่วนซินที่ยืนอยู่ข้างผมต่างหากคือคนที่หัวใจผมต้องการ”
สีหน้าของกษัตริย์ซีหลิงเปลี่ยนไป กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ซือคงอวี้กลับยกมือขึ้นปราม ”ฝ่าบาท กฎที่บรรพบุรุษตั้งขึ้นมาให้ราชวงศ์และวิหารแต่งงานกัน เพียงเพื่ออยากให้ราชวงศ์และวิหารอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ร่วมกันพัฒนาซีหลิงให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการแต่งงานไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง เป็นเพียงรูปแบบพิธีการอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่การกระทำแบบนี้กลับทำให้ทายาทของเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อไม่มีสิทธิ์ในการเลือกความสุขของตนเอง”
“กษัตริย์มีสิทธิ์เลือกผู้หญิงทุกคนในการแต่งตั้งเป็นสนม แม้แต่เลือกปุถุชนชาวบ้านธรรมดา ก็ไม่มีใครคัดค้าน ในทางกลับกันกษัตริย์ยังได้รับคำชื่นชม ทว่าทายาทของเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อกลับเลือกได้เพียงองค์หญิงในราชวงศ์เท่านั้น นี่มันไม่ยุติธรรม”
“ดังนั้นผมคิดว่า ขอเพียงราชวงศ์และวิหารปฏิบัติตามกฎระเบียบ ช่วยกันพัฒนาซีหลิง แต่งงานหรือไม่แต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เริ่มตั้งแต่เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อรุ่นของผม ต้องมีสิทธิ์ในงานแต่งงานของตนเองอย่างอิสระ ไม่ผูกมัดกับการเมืองอีก”
สิ่งที่ซือคงอวี้พูดมีหลักการ กษัตริย์ซีหลิงเองก็หาเหตุผลมาขัดแย้งไม่ได้ ”แม้ว่าเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคงต้องการที่จะทำลายกฎระเบียบที่สืบทอดมากว่าพันปี แต่ก็แย่งภรรยาของผู้อื่นไม่ได้ เป็นการนำพาความเดือดร้อนมาให้กับซีหลิง”
ซือคงอวี้แสยะยิ้ม ”ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าผมแย่งภรรยาของใครครับ”
กษัตริย์ซีหลิงพูดตามตรงไม่อ้อมค้อม ”ตอนนี้ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ คือภรรยาของหนานกงเยี่ย อีกทั้งเราเองก็เห็นรูปถ่ายแล้ว หน้าตาของพวกเธอเหมือนกันมาก”
ซือคงอวี้หัวเราะในลำคอ ”โลกใบนี้มีคนหน้าตาเหมือนกันมากมาย ฝ่าบาทมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเธอเป็นภรรยาของหนานกงเยี่ย ผมจำได้ว่าภรรยาของหนานกงเยี่ยคือหญิงชาวซีหลิงนามว่าเหลิ่งรั่วปิง ทว่าผู้หญิงที่ยืนข้างผมคือคุณเจียง เป็นหลานสาวที่พลัดพรากหายตัวไปของตระกูลเซียว เธอเกิดและโตที่เมืองหลงตั้งแต่เล็ก ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเหลิ่ง”
ซือคงอวี้จัดเตรียมตัวตนนี้ให้กับเหลิ่งรั่วปิง อย่างไร้ที่ติ กษัตริย์ซีหลิงก็คิดหาคำพูดมาคัดค้านไม่ได้ จึงทำได้เพียงเงียบด้วยความไม่พอใจ
สนมกงฉี่ฉลาดหลักแหลม ยิ้มแล้วเดินไปจับมือเหลิ่งรั่วปิง ”คุณเจียงงดงามมาก ไม่แปลกที่เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคงรักมากเช่นนี้ คุณเจียงดื่มกับเราสักแก้วดีไหม”
สนมกงฉี่อยู่ในประเทศซีหลิง ด้วยใบหน้าที่งดงาม ความฉลาดหลักแหลม เป็นสตรีที่มีคุณธรรม ใกล้ชิดสนิทสนมกับประชาชน ระดับความใกล้ชิดสนิทสนมที่พอดีทำให้คนไม่อาจต่อต้าน
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอย่างสง่างาม ”ค่ะ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของพระสนม”
ทว่าซือคงอวี้กลับไม่วางใจ จับมือเหลิ่งรั่วปิงอย่างรวดเร็ว ”ยืนอยู่ข้างผม ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
สนมกงฉี่ยิ้มด้วยความอ่อนโยน ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง เรารู้ว่าท่านเป็นห่วงคุณเจียง แต่ท่านกลัวว่าเราจะทำให้เธอหายตัวไปหรืออย่างไร ท่านเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้ ต่อให้เรามีความกล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าทำอะไรคุณเจียงเด็ดขาด ในเมื่อเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อตัดสินใจแต่งงานกับคุณเจียง เราในฐานะสนม ยิ่งสมควรที่จะสานสัมพันธ์กับคุณเจียงให้มากขึ้น”
สนมกงฉี่พูดอย่างมีเหตุมีผล ซือคงอวี้ไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นห้องจัดเลี้ยงของราชวงศ์ มีการดูแลความปลอดภัยอย่างดี คิดดูแล้วคงไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงลังเลพักหนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบตกลง
เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ เธอไม่กลัวใครทั้งนั้น และยิ่งไม่รู้สึกกลัวสนมกงฉี่ ไม่เพียงแค่ไม่กลัว แต่เธอยังให้ความเคารพสนมคนนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่รู้สึกกลัวที่จะไปดื่มและพูดคุยกับสนม
สนมกงฉี่เป็นมิตรอย่างมาก เธอคล้องแขนเหลิ่งรั่วปิงแล้วเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยง บริกรยกไวน์แดงมาเสิร์ฟสองแก้ว
สนมกงฉี่ยิ้มด้วยความใจดี ”คุณเจียง คุณจะแต่งงานกับเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคงจริงๆ เหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางๆ ราวกับดอกบัวขาวหลังฝนตก ”พระสนมอยากได้ยินอะไรคะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของสนมกงฉี่ไม่ลดน้อยลง ”มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าคุณเป็นภรรยาของคุณหนานกง ทุกคนต่างรู้กันดีว่าคุณหนานกงเคยปิดทั้งเมืองหลง เพื่อรั้งภรรยาของเขาเอาไว้ ทำให้รู้ว่าคุณหนานกงรักภรรยามากแค่ไหน หากคุณเจียงเป็นคุณเหลิ่งจริงๆ ทิ้งผู้ชายที่รักตนเองมากขนาดนี้ไม่เสียดายเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยรักเธอมากแค่ไหน เธอย่อมรู้ดี เขายอมเสียสละชีวิตตนเองเพื่อเธอ คนในสังคมต่างรู้แค่ว่าเขารักเธอจนบ้าคลั่ง แต่กลับไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขามีระยะทางที่ไม่อาจก้าวข้ามได้ เธอทิ้งเขา เสียดายแล้วจะได้อะไร
เหลิ่งรั่วปิงหลบตาลง จิบไวน์แดงในมือ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจของเธอ
ไวน์ในงานเลี้ยงนี้ เป็นไวน์จากโรงกลั่นไวน์ของราชวงศ์ รสชาติบริสุทธิ์ เป็นไวน์ชั้นดี ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะลิ้มรสอย่างถี่ถ้วน แต่เพียงแค่ไวน์สัมผัสกับริมฝีปาก เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมาทันที ไม่ว่าเธอจะพยายามอดทนไว้แค่ไหน แต่ก็คลื่นไส้อย่างห้ามไม่ได้
มือเรียวสวยของเหลิ่งรั่วปิงปิดริมฝีปากเอาไว รีบเหยียดตัวลุกขึ้น วิ่งไปยังห้องน้ำที่อยู่นอกห้องจัดเลี้ยง ดวงตาหลักแหลมของสนมกงฉี่กะพริบเล็กน้อย ครุ่นคิดพิจารณา จากนั้นกงฉี่ก็กระตุกยิ้มอย่างมีเสน่ห์
เหลิ่งรั่วปิงวิ่งไปถึงห้องน้ำ ยืนคลื่นไส้อยู่ตรงอ่างล้างมือ แต่กลับไม่อาเจียนออกมา เธอเปิดก๊อกน้ำ ใช้น้ำเย็นชโลมหน้า ความรู้สึกผะอืดผะอมจึงค่อยๆ หายไป เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ถ้าหากไวน์มีปัญหา ก็คงไม่ถึงขั้นที่แค่ดมก็มีปฏิกิริยารุนแรงแบบนี้ ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ไวน์ แต่อยู่ที่ตัวเธอเอง
เหลิ่งรั่วปิงปิดก๊อกน้ำ กำลังจะเดินออกไป ทว่ากลับถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้แล้วดึงตัวเธอไปกอด
หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็คลายน้ำหนักมือ ผละออกจากเธอเล็กน้อย ริมฝีปากมีรอยยิ้มจางๆ ”ที่รัก”
บอกว่าไม่คิดถึง คงเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่เลิกกับหนานกงเยี่ย เธอคิดถึงเขามาโดยตลอด หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ กลิ่นของเขาทำให้เธอสูดลมหายเข้าหลายครั้งด้วยความโหยหา ”ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่”
หนานกงเยี่ยมองหน้าเธอในระยะใกล้ชิด ”มารับคุณกลับบ้านของเราไงครับ” เดิมทีเขาจะเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยความผ่าเผย ทว่าก่อนจะเข้าไปที่ห้องจัดเลี้ยง เขาได้รับรายงานจากกงฉี่ ดังนั้นเขาจึงตรงมาหาเหลิ่งรั่วปิงทันที
เหลิ่งรั่วปิงสะบัดหน้าหนีด้วยความเย็นชา ”ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้แล้ว”
หนานกงเยี่ยจับคางของเธอให้หันกลับมา บีบบังคับให้เหลิ่งรั่วปิงมองตาเขา ”อย่าบอกผมว่าคุณจะแต่งงานกับซือคงอวี้ ถ้าคุณกล้าแต่งงาน ผมจะทำให้ทั้งประเทศซีหลิงต้องชดใช้ ที่รัก คุณแบกรับความโกรธของผมไม่ได้หรอก”
เหลิ่งรั่วปิงโมโหขึ้นมาทันที ปล่อยหมัดไปที่แขนของหนาน ”ทำไมพวกคุณต้องบีบบังคับฉันด้วย?!”
หนานกงเยี่ยจับใบหน้าของเธออย่างทะนุถนอม ”กลับบ้านกับผม นะครับ?”
เหลิ่งรั่วปิงผลักหนานกงเยี่ยออกอย่างไร้เยื่อใย ”เรื่องระหว่างเราจบลงแล้ว อย่ามายุ่งกับฉันอีก!”
หนานกงเยี่ยจะยอมปล่อยเธอไปได้ยังไง เขารีบเดินตามเหลิ่งรั่วปิงแล้วดึงตัวเธอเข้ามากอด ”ผมเจอตัวคุณแล้ว คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปอีกเหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงดีดดิ้นอย่างแรง อยากจะสะบัดหนานกงเยี่ยทิ้ง ”คุณหนานกงเยี่ย ที่นี่คือซีหลิง ไม่ใช่เมืองหลง คุณอย่าทำเกินกว่าเหตุ ซือคงอวี้เหี้ยมโหดมาก เขาอาจจะไม่ให้คุณออกไปจากซีหลิงไม่ได้อีก”
แขนที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กของหนานกงเยี่ย พันธนาการเอวบางของเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะดีดดิ้นอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ ”คุณเป็นห่วงผม?”
เหลิ่งรั่วปิง ”นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!”
หนานกงเยี่ยยิ้มบางๆ ”ครั้งที่แล้วตอนอยู่บนเรือยอร์ชของบริษัทประมูลฮั่นไห่ เขาเล็งปืนมาที่ผมแล้วยิง จนผมเกือบตาย แค้นนี้ผมยังไม่ได้ชำระ เขาก็กล้าแย่งภรรยาของผมไปอีก ถ้าเขากล้าหาเรื่องผมที่นี่ ก็ดีเหมือนกันผมจะได้คิดบัญชีทั้งเก่าทั้งใหม่ทีเดียว”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเสียวสันหลังวาบ หนานกงเยี่ยและซือคงอวี้ ล้วนเป็นคนที่โหดร้ายมาก ไม่ลงมือไม่เท่าไร ลงมือเมื่อไรถึงกับเอาชีวิตของอีกฝ่าย เธอไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นเลยจริงๆ
“คุณหนานกงเยี่ย ฉันขอร้องล่ะ คุณรีบไปเถอะ”
“คุณไปกับผม”
“ไม่มีทาง” ถ้าเธอแอบหนีไปกับหนานกงเยี่ยแบบนี้ ซือคงอวี้ต้องทำทุกอย่างและปิดทุกเส้นทาง ดักทำร้ายหนานกงเยี่ย แก้แค้นด้วยความบ้าระห่ำ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปหาซือคงอวี้กับผม!” พูดจบ หนานกงเยี่ยคว้าแขนเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้พร้อมกับเปิดประตูห้องน้ำ แล้วเดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยง
เหลิ่งรั่วปิงไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของเขาได้ ถูกเขาลากไปอย่างโซซัดโซเซ เธอกังวลเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่รอให้เธอคิดหาวิธีได้ หนานกงเยี่ยก็เตะประตูห้องจัดเลี้ยงแล้ว ทำให้ทุกคนในงานต่างตกตะลึง
คนในห้องจัดเลี้ยง หันมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย มองไปยังผู้ชายที่ปรากฏตัวราวกับเทพบุตรลงมาจุติหน้าห้องจัดเลี้ยง สวมสูททำมือสีดำพอดีตัว ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าราวกับรูปปั้นที่จิตกรรังสรรค์ด้วยความประณีต มองทุกอย่างด้วยแววตาดุจราชา เขายืนอยู่ตรงนั้น นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ก็นำพาความยิ่งใหญ่มายังห้องจัดเลี้ยง
ผู้ชายคนนี้คือหนานกงเยี่ย ไม่มีใครไม่รู้จัก แขนของเขาพันธนาการสาวสวยเอาไว้ และตอนนี้ก็ไม่มีใครไม่รู้จักเธอเหมือนกัน
วินาทีที่เห็นหนานกงเยี่ย ม่านตาของซือคงอวี้หดเล็ก เจตนาฆ่าที่รุนแรงปะทุออกมา ออร่าสังหารของเขาปกคลุมไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง
ผู้ชายยิ่งใหญ่ทั้งสองคน ต่างมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขึงขัง เจตนาฆ่าพุ่งชนกันกลางอากาศ ทุกคนต่างรู้สึกราวกับไฟฟ้าสถิต
พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันมากเท่าไร แต่เพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้ยืนอยู่ในตำแหน่งศัตรูของกันและกัน
หนานกงเยี่ยกอดเหลิ่งรั่วปิงแน่น เชยคางขึ้นเล็กน้อย มองซือคงอวี้อย่างท้าทาย แววตาเย็นยะเยือก ราวกับมีดดาบที่พุ่งทะยานล้อมรอบซือคงอวี้ ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ครั้งที่แล้วบนเรือยอร์ชของบริษัทประมูลฮั่นไห่ ก็นับเป็นการเจอกันหนึ่งครั้ง
ซือคงอวี้ยกมุมปาก เหี้ยมโหดราวกับปีศาจ เดินเข้าไปใกล้หนานกงเยี่ย ”คุณชายหนานกง เป็นเกียรติที่ได้เจอกัน!”
สิ้นเสียง ทุกคนไม่ทันได้ป้องกันตัว ก็ได้ยินเสียง ”ฟึบๆ” ดังขึ้น ผู้ชายยิ่งใหญ่ทั้งสองต่างคว้าปืนออกมา แล้วเล็งไปที่อีกฝ่าย พวกเขาคว้าปืนออกมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองไม่ทันว่าพวกเขาลงมืออย่างไร
ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียด และเย็นยะเยือกถึงที่สุด