เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 245 สงครามแย่งชิงภรรยา (2)
มือซ้ายของหนานกงเยี่ยโอบเอวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ มือขวาเล็งปืนไปตำแหน่งหัวใจของซือคงอวี้ อันที่จริงเขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก แค้นที่ลอบฆ่า แค้นที่แย่งภรรยาไป ทั้งสองเรื่องรวมกัน ทำให้เขาขาดสติ ขอเพียงมีอะไรบางอย่างมากระตุกเล็กน้อย เขาก็เหนี่ยวไกปืนอย่างไม่ลังเล
ทางด้านซือคงอวี้ก็ไม่อ่อนข้อแม้แต่น้อย มือขวาจับปืนเช่นเดียวกัน เล็งไปยังระหว่างคิ้วของหนานกงเยี่ย มือซ้ายกำหมัดแน่น มองหนานกงเยี่ยโอบเอวเหลิ่งรั่วปิง ทำให้ความโมโหที่อยู่ในใจของเขาปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟ
ท่ามกลางชายผู้มีอำนาจทั้งสองอากาศเย็นยะเยือกลงทันที ทุกคนในงานรู้สึกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางแม่น้ำหนาวเย็นที่อยู่ทางตอนเหนือ
คนสำคัญในแวดวงทหารการเมืองและธุรกิจ พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างซับซ้อน ทั้งหมดนี้ล้วนข้องเกี่ยวกับเงินทอง และเรื่องเงินล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหนานกง การลงทุนของตระกูลหนานกงในซีหลิงส่งผลต่อผลประโยชน์ของพวกเขา ถ้าหากหนานกงเยี่ยได้รับบาดเจ็บที่นี่ หรือตายที่นี่ ผลประโยชน์ของพวกเขาก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ดังนั้นช่างน้ำหนักในเรื่องของผลประโยชน์แล้ว พวกเขาล้วนเข้าข้างหนานกงเยี่ย
แววตาของสนมกงมีไหวพริบฉายออกมา จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วเดินออกไป ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง คุณชายหนานกงเยี่ยเป็นแขกคำคัญของเรา ท่าน…ช่วยให้เกียรติกันหน่อยได้ไหม”
“หึ!” ซือคงอวี้หัวเราะในลำคอ ”เขาเป็นแขกของซีหลิง แต่กลับกล้าโอหังแบบนี้ แล้วยังจะให้ฉันให้เกียรติ?”
“หึ!” หนานกงเยี่ยหัวเราะเย็นยะเยือก ”ฉันไม่ต้องการให้เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคงให้เกียรติ ทางที่ดีที่สุดมีความสามารถเท่าไหร่ก็งัดออกมาให้หมด เรามาสู้ให้ตายไปข้างหนึ่ง แค้นเก่าและแค้นใหม่ระหว่างฉันกับนายคิดบัญชีสะสางกันให้เรียบร้อย!”
ขณะพูด แววตาของหนานกงเยี่ยเยือกเย็นมากขึ้นกว่าเดิม สายตาเย็นชากวาดมองไปยังใบหน้าของซือคงอวี้ เขาเหมือนเสือชีตาห์ล่าเหยื่อในตอนกลางคืน รอจังหวะจู่โจม
“เยี่ยม!” ซือคงอวี้กัดฟันกรอด ดวงตาฟีนิกซ์ฉายแสงเย็นเฉียบ แววตาจับจ้องไปยังเหยื่อ รอให้มีโอกาสที่เหมาะสม ก็จะกระโจนเข้าหาทันที
ผู้ชายทั้งสองมีอำนาจและยิ่งใหญ่ ความสามารถของพวกเขาไปที่รู้กันทั่วทุกมุมโลก ทุกคนต่างรู้ดีว่าทั้งสองกระหายเลือด มีฝีมือในการต่อสู้ แต่ใครจะเป็นฝ่ายชนะ ก็ไม่มีใครหาข้อสรุปได้
ความเป็นจริงสำหรับหนานกงเยี่ยและซือคงอวี้ พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าใครรวดเร็วกว่ากัน ดังนั้นพวกเขาต่างรอจังหวะ ไม่มีใครกล้ายิงปืนนัดแรกออกมา พวกเขาทั้งสองคนเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างไม่ธรรมดา ทว่าความเป็นจริงในใจของพวกเขากลับใช้ความคิดเป็นอย่างมาก ไม่คลาดอารมณ์และสายตาใดๆ ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ใช้การสังเกตต่างๆ เพื่อดูว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
ดังนั้น ถ้าหากว่าคนเก่งสองคนมาสู้กัน สุดท้ายใครอยู่ใครตาย หรือตายไปด้วยกัน ต่างไม่มีคนรู้ รวมถึงตัวพวกเขาเองด้วย
ถึงแม้พวกเขาจะไม่กลัวความตาย แต่ทุกคนในงานเลี้ยงไม่มีใครอยากให้เกิดการต่อสู้ขึ้น เพราะส่งผลต่อผลประโยชน์ของพวกเขาโดยตรง ดังนั้นทุกคนจึงยืนนิ่ง
“เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง ในฐานะที่ท่านเป็นถึงเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อของวิหารซีหลิง ชีวิตของท่านเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและการพัฒนาของซีหลิง ใช้อารมณ์กับปัญหาได้ยังไง”
“ถูกต้อง เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง คุณชายหนานกงเป็นแขกคนสำคัญของพระสนมกงฉี่ พวกเราอยากที่จะพูดคุยหารือเกี่ยวกับการร่วมมือทางเศรษฐกิจ แต่ท่านกลับสร้างเรื่องบาดหมางขึ้นเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว ดูเหมือนจะทำผิดต่อตำแหน่งเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ”
“ถูกต้อง เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ ถึงแม้ท่านจะไม่ได้ยอมรับด้วยตนเอง แต่ข่าวลือล้วนมากับลม คุณชายหนานกงมาซีหลิงเพื่อที่จะตามภรรยากลับไป คุณชายหนานกงไม่ผิด ท่านต่างหากที่ไม่มีเหตุผล”
ซือคงอวี้กัดฟันแน่น ทุกคนเอาแต่พูดว่าเขาแย่งภรรยาของหนานกงเยี่ย แต่จะมีใครบ้างที่รู้ เหลิ่งรั่วปิงควรจะเป็นของเขา ทว่าเขากลับพูดไม่ได้ เพราะเขาพูดออกไปไม่ได้ว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นสายลับของวิหาร ตัวตนนี้เปิดเผยออกไปไม่ได้ เขาไม่ได้แย่งผู้หญิงของคนอื่น เขาแค่แย่งชิงเอาความรักที่ควรจะเป็นของตนเองกลับมาก็เท่านั้น จะมีใครบ้างที่เข้าใจเขา
เหลิ่งรั่วปิงอยากจะหยุดเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ในงานเลี้ยงที่มีคนสำคัญมากมายมารวมตัวกัน เธอไม่เหมาะที่จะตัดสินใจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้สึกไม่สบายตัวมาก ดังนั้นเธอจึงบีบมือหนานกงเยี่ย หวังว่าเขาจะยอมถอยหนึ่งก้าว แต่หนานกงเยี่ยเป็นใคร เขาเป็นราชาที่พูดคำไหนคำไหน เขาจะยอมถอยออกไปก้าวหนึ่งได้อย่างไร ดังนั้นตอนที่เหลิ่งรั่วปิงบีบมือหนานกงเยี่ย เขาก็ยิ่งล็อคเอวเธอเอาไว้แน่น ดึงตัวเธอเข้ามาใกล้เพื่อย้ำเตือน ดวงตาแหลมคมจ้องไปที่ซือคงอวี้
ซือคงอวี้ไม่ฟังเสียงโน้มน้าวและตำหนิของผู้คน สายตาเย็นยะเยือกจับจ้องไปยังหนานกงเยี่ย พูดออกมาทีละคำ ”ปล่อยเธอ!”
หนานกงเยี่ยกระตุกยิ้มเย้ยหยัน แววตากดขี่ราวกับดาบที่แหลมคมพุ่งทะยานไปตรงหน้าซือคงอวี้ ”ฉันกอดภรรยาตัวเอง นายมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่ง”
ซือคงอวี้กัดฟัน ”คุณชายหนานกงคงเข้าใจผิดแล้ว เธอไม่ใช่ภรรยาของนาย เธอคือเจียงหน่วนซิน”
“หึๆๆ…” หนานกงเยี่ยแสยะยิ้ม ”นายคิดว่าการที่สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาให้กับเธอ ก็เปลี่ยนทุกอย่างได้งั้นเหรอ” หันไปพูดกระซิบข้างหูเหลิ่งรั่วปิง ”ที่รัก คุณบอกทุกคนสิครับ คุณเป็นใคร”
เหลิ่งรั่วปิงมองซือคงอวี้ด้วยความลำบากใจ เขากำลังมองดูเธออย่างคาดหวัง แววตานั้นทำให้เธอปวดใจ เธอเข้าใจ เขากำลังรอให้เธอตัดสินตามที่เขาปรารถนา
ถูกต้อง เธอไม่คิดจะกลับไปหาหนานกงเยี่ย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำร้ายหนานกงเยี่ยได้โดยไม่มียางอาย ถ้าตอนนี้เธอพูดไปว่าตนเองคือเจียงหน่วนซิน ซือคงอวี้ก็จะมีเหตุผลในการลงมือทำร้ายหนานกงเยี่ย เพราะถึงยังไงที่นี่ก็คือประเทศซีหลิง ซือคงอวี้ได้เปรียบเรื่องเวลาและสถานที่
ดังนั้น เธอยอมรับไม่ได้เด็ดขาดว่าตนเองคือเจียงหน่วนซิน
ในทางเดียวกัน เธอเองก็ยอมรับไม่ได้ว่าเป็นภรรยาของหนานกงเยี่ย เพราะขอเพียงแต่เธอยอมรับ หนานกงเยี่ยก็มีเหตุผลในการแก้แค้นซือคงอวี้อย่างบ้าคลั่งได้ เหตุผลนี้มันเด่นชัดมาก
“ผมบอกให้คุณพูดไง!” มือของหนานกงเยี่ยที่คว้าจับเอวของเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้กระชับแน่น การลังเลของเธอทำให้เขาโมโห เธอเป็นภรรยาของเขา ควรที่จะเลือกเขาอย่างไม่ลังเล เขาทนเห็นเธอคิดเผื่อผู้ชายคนอื่นไม่ได้
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกไม่สบายเป็นทุนเดิม เมื่อถูกหนานกงเยี่ยกอดเอาไว้แน่นแบบนี้ ทั้งยังบีบบังคับเธอ ทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอ และเริ่มรู้สึกเวียนหัว เหลิ่งรั่วปิงซบไปยังไหล่กว้างของหนานกงเยี่ย ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันรู้สึกไม่สบาย”
ทว่าหนานกงเยี่ยกลับไม่เห็นใจ เขาแสยะยิ้ม ”ที่รัก คุณอย่าบอกผมว่าจะใช้วิธีนี้ในการหนีปัญหา ผมต้องการให้คุณเลือกตอนนี้!”
หนานกงเยี่ยจับตัวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้แน่นด้วยความเผด็จการ ไม่ให้เธอหลีกหนีได้แม้แต่น้อย ความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวหนานกงเยี่ย โอบล้อมเหลิ่งรั่วปิง วันนี้เขาต้องการที่จะบีบให้เธอตัดขาดกับซือคงอวี้ แน่นอน มีแค่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ ภายในใจของเขาหวาดกลัวมาก กลัวว่าเธอจะเลือกซือคงอวี้อย่างไร้เยื่อใย ถ้าเป็นแบบนั้น วันนี้เขาจะฆ่าล้างผลาญให้หมด
เหลิ่งรั่วปิงหมดแรง ความรู้สึกผะอืดผะอมปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามอดทนเอาไว้ แทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี สุดท้ายรู้สึกแค่ว่าภาพตรงหน้าว่างเปล่า ล้มลงไปในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย
ในที่สุดหนานกงเยี่ยก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ตอนแรกเขาคิดว่าเหลิ่งรั่วปิงแสดงละคร แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอไม่สบายจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจซือคงอวี้ เก็บปืน แล้วช้อนตัวเหลิ่งรั่วปิงขึ้นมา ”ที่รัก ที่รัก คุณเป็นยังไงบ้าง”
ซือคงอวี้ตกใจมาก รีบวิ่งไปหาเหลิ่งรั่วปิงอยากจะพาเธอกลับมา แต่หนานกงเยี่ยกลับชักปืนออกมา เล็งไปที่หน้าของซือคงอวี้ บอกให้เขาอยู่ห่างจากเหลิ่งรั่วปิง จากนั้นก็ช้อนตัวเหลิ่งรั่วปิงขึ้นอีกครั้ง
ซือคงอวี้เบนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว คว้าปืนออกมาเล็งไปที่แผ่นหลังของหนานกงเยี่ยที่กำลังจะเดินออกไป ”วางเธอลง!”
ที่หนานกงเยี่ยไม่ได้ยิงปืนออกไป เป็นเพราะเห็นแก่เหลิ่งรั่วปิง เช่นเดียวกัน ที่ซือคงอวี้ไม่ยิงปืนออกมา ก็เป็นเพราะเห็นแก่เหลิ่งรั่วปิง
หนานกงเยี่ยชายตามองซือคงอวี้ ”ซือคงอวี้ อย่ามาแตะต้องกับขีดจำกัดของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะทำลายประเทศซีหลิงทั้งประเทศ”
ผู้มีอำนาจของตระกูล ลั่นวาจาว่าจะทำลายประเทศ ถ้าเขาไม่ใช่หนานกงเยี่ย คำพูดนี้ฟังดูแล้วทำให้คนอื่นหัวเราะจนฟันร่วง ตระกูลหนึ่ง ถึงแม้จะร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติ แต่จะเอาอะไรสู้กับประเทศ ทว่าคนคนนี้คือหนานกงเยี่ย ทุกอย่างจึงแตกต่าง เพราะเขาทำแบบนั้นได้จริงๆ ใครจะไปรู้ว่าคนสำคัญในซีหลิงอาจจะเป็นเชื้อสายของตระกูลหนานกงก็ได้
แต่ซือคงอวี้ไม่กลัว เขายังคงเล็งปืนไปที่หนานกงเยี่ย ”แล้วนายเชื่อไหมว่าฉันจะปลิดชีพนายตอนนี้!”
“เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง ถ้าคุณควบคุมปืนในมือของคุณไม่ได้ ผมเชื่อว่า วินาทีที่กระสุนถูกยิงออกมา สมองของคุณก็เละเหมือนกัน!”
เสียงไพเราะราวกับวิโอล่าของชายหนุ่มดังขึ้นที่ประตูห้องจัดเลี้ยง ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดสูทสีขาว ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความทระนง ปลายกระบอกปืนชี้ไปยังระหว่างคิ้วของซือคงอวี้
เขาเป็นคนที่ทุกคนในงานเลี้ยงรู้จัก เป็นเจ้าของบริษัทถังซื่อเมดิคอลที่มีชื่อเสียง ถังเฮ่า
ถังเฮ่าแสยะยิ้ม ”ผมขอเตือนเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคงเอาไว้ก่อน คุณเองก็รู้ ผมเป็นคนขายยา ความสามารถอื่นผมไม่มี แต่ผมใช้ยาพิษเก่งมาก กระสุนของผมเคลือบด้วยยาพิษพิเศษสูตรลับของตระกูลถัง ถึงแม้ผมจะยิงไม่โดนระหว่างคิ้วของคุณ แค่เฉียดผิวหนังเท่านั้น แต่ผมรับประกันได้ว่าไม่มีใครช่วยคุณได้”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงและทหารของซีหลิง ไม่มีใครกล้าชักปืนออกมาช่วยซือคงอวี้ เพราะพวกเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ถึงแม้ซือคงอวี้จะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของซีหลิง แต่หนานกงเยี่ยและถังเฮ่าเป็นเทพเจ้าแห่งความั่งคั่ง สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดคือจบเรื่องนี้
ดังนั้น ทุกคนก็เริ่มพูดเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แม้แต่กษัตริย์ซีหลิงเองก็พูดเกลี้ยกล่อมซือคงอวี้
แต่หนานกงเยี่ยดื้อดึงมาก ซือคงอวี้เองก็หัวแข็ง บรรยากาศนิ่งค้างอยู่แบบนั้น กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สามชาย หนึ่งหญิง สองปืน เป็นภาพที่แตกต่างออกไป
เหลิ่งรั่วปิงซบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง พูดเสียงแผ่วเบา ”คุณหนานกงเยี่ย อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ”
หนานกงเยี่ยดึงสติกลับมา ก้มหน้าลงมองใบหน้าซีดขาวของเหลิ่งรั่วปิง ”ครับ ไม่ทะเลาะกันแล้ว ผมจะพาคุณไปหาหมอ”
หนานกงเยี่ยกำลังจะเดินออกไป เสียงของซือคงอวี้ก็ดังขึ้น ”หนานกงเยี่ย ปล่อยเธอ!”