เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 246 สงครามแย่งชิงภรรยา (3)
สิ้นเสียงของเขา ในห้องจัดเลี้ยงก็มีคนบุกเข้ามาอีกสามคน หนึ่งในนั้นคือหมาป่าสีเทา ส่วนอีกสองคนสวมหน้ากากเอาไว้ ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
แน่นอนว่าชายหญิงคู่นี้ก็คืออาเธอร์และหลินมั่นหรู พวกเขาเป็นสายลับ ไม่เคยเปิดเผยตัวตนในที่สาธารณะ
ทั้งสามลงมือด้วยความรวดเร็ว เล็งปืนไปที่ถังเฮ่าอย่างฉับไว
ถังเฮ่ากลอกตามอง ตอนที่เขาเห็นหลินมั่นหรูที่สวมหน้ากาก ม่านตาหดเล็กอย่างควบคุมไม่ได้ ต่อให้เธอกลายเป็นผุยผง เขาก็จำเธอได้
บรรยากาศเย็นยะเยือกจนไม่รู้จะเย็นยะเยือกอย่างไรแล้ว
สนมกงฉี่เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก เวลานี้เธอแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ยิ้มแล้วเดินไปด้านหน้า ราวกับดอกกล้วยไม้กลางหุบเขาที่ว่างเปล่า ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง คุณชายหนานกง ไม่ว่าเธอจะเป็นเจียงหน่วนซิน หรือว่าเหลิ่งรั่วปิง แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นคนที่ท่านและคุณให้ความสำคัญ ตอนนี้เธอไม่สบาย ต้องรีบไปโรงพยาบาล แบบนี้ดีไหม ให้คุณผู้หญิงคนนี้อยู่รักษาตัวในราชวังก่อนดีหรือไม่”
แน่นอนว่าหนานกงเยี่ยและซือคงอวี้ต่างร้อนใจอยากให้เหลิ่งรั่วปิงถึงมือหมอโดยเร็ว แต่ใจหนึ่งก็กลัวอีกคนจะเอาตัวเธอไป ดังนั้นก็เลยนิ่งค้างกันอยู่แบบนี้ ข้อเสนอของสนมกงฉี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ดังนั้นทั้งหนานกงเยี่ยและซือคงอวี้ต่างยอมถอยคนละก้าว พยักหน้าตกลง
สนมกงฉี่ได้รับความเห็นชอบจากทั้งสอง สั่งให้คนเข็นเตียงเข้ามา แล้วพาเหลิ่งรั่วปิงเข้าไปพักในห้องนอนสุดตระการตา พร้อมทั้งให้หมอของราชวงศ์มาดูอาการ
เหลิ่งรั่วปิงนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย เตียงนอนหรูขนาดใหญ่ทำให้เธอดูตัวเล็กและอ่อนแอมากยิ่งกว่าเดิม หนานกงเยี่ยและซือคงอวี้นั่งขนาบทั้งสองข้างของเตียง มองดูเธอด้วยความเป็นห่วง
เหลิ่งรั่วปิงมองไปที่หนานกงเยี่ย แล้วมองไปที่ซือคงอวี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขาทำให้เธอลำบากใจถึงขั้นนี้
หมอตรวจดูอาการของเหลิ่งรั่วปิงอย่างละเอียด จากนั้นถอดหูฟังแพทย์ลง
“หมอครับ เธอเป็นยังไงบ้าง” หนานกงเยี่ยถามด้วยความเป็นห่วง
หมอมองหน้าหนานกงเยี่ย แล้วหันไปมองซือคงอวี้ พูดด้วยความระมัดระวัง ”คุณ…คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงครับ เพียงแต่…เธอท้องแล้วครับ ต้องพักผ่อนให้มากๆ”
ท้องแล้ว!
สองพยางค์นี้ออกมาจากปากของหมอ ราวกับก้อนหินหนึ่งก้อนตกลงทะเลแล้วก่อให้เกิดคลื่นลูกยักษ์
บรรยากาศในห้องเคร่งขรึมสองวินาที หนานกงเยี่ยและซือคงอวี้นิ่งค้าง ทว่าสองวินาทีหลังจากนั้น สีหน้าของทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับดิน ใบหน้าของหนานกงเยี่ยราวกับดอกท้อที่ถูกลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน ทั้งดีใจและรู้สึกเซอร์ไพรส์ แต่ซือคงอวี้ เหมือนเขาจะนิ่งค้างไปแล้ว ดวงตาของเขาว่างเปล่าราวกับป่าดิบชื้นที่แสงแดดสาดส่องไม่ถึง
เหลิ่งรั่วปิงเองก็ตกใจมาก เธอจ้องหมอด้วยความตกตะลึงอยู่หลายวินาที ยังไม่ทันดึงสติกลับมา หนานกงเยี่ยหมุนตัวหันหลังเดินมาหาเธอ จับมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ แล้วพรมจูบ เขาดีใจเหมือนเด็กน้อย ”ที่รัก คุณได้ยินไหมครับ พวกเรามีลูกแล้ว!”
เหลิ่งรั่วปิงที่เย็นชา เด็ดขาดและสง่างามมาโดยตลอด เวลานี้กลับตกตะลึงเหมือนลูกแมว มองหนานกงเยี่ยด้วยความมึนงง เธอกะพริบตาปริบๆ จากนั้นลูบจับท้องน้อยของตนเองเบาๆ ด้านในหัวใจของเธอมีดอกไม้ผลิบาน ดอกไม้นั้นเหมือนรอยยิ้มของทารก ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ความอบอุ่นนั้นไหลเวียนไปทั่วทั้งตัวของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ความอบอุ่นนี้มีชื่อว่า ความสุข
ใช่แล้ว ความสุข
ผู้หญิงทุกคน วินาทีที่รู้ว่าในท้องของตนมีชีวิตเล็กๆ อยู่ด้านใน หัวใจของเธอก็จะเปลี่ยนไป ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะเคยเป็นนักฆ่า เคยผ่านความลำบากทรมานมามากมาย เป็นคนเย็นชาแข็งกระด้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีสัญชาตญาณความเป็นแม่
เหลิ่งรั่วปิงในตอนนี้ ถึงแม้จะนิ่งเงียบ และไม่มีสีหน้าใดๆ แต่ทุกคนต่างมองเห็นอย่างชัดเจน รอบตัวของเธอมีแสงแห่งความอ่อนโยนแผ่ซ่านออกมา
หนานกงเยี่ยดีใจจนหัวใจเต้นแรง มองหน้าเหลิ่งรั่วปิงด้วยความลุ่มหลง รอยยิ้มของเขาราวกับดอกไม้ ลูก ลูกที่เขาปรารถนาอยากจะมีมานาน ในที่สุดก็มีแล้ว พ่อบ้านที่วิลล่าหย่าเก๋อเคยบอกกับเขา ลูกชำระล้างความเกลียดแค้นในใจของผู้หญิงได้ เขาและเธอต้องข้ามผ่านเส้นกั้นนั้นให้ได้ แล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ทุกคนที่อยู่ในห้อง คนที่เจ็บปวดที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจากซือคงอวี้ เขาจับจ้องไปที่หน้าของเหลิ่งรั่วปิง มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความรวดร้าว
เธอท้อง!
แน่นอนว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา แต่เป็นของหนานกงเยี่ย ตอนนี้ใครยังจะพูดได้อีกว่าเธอไม่ใช่ภรรยาของหนานกงเยี่ย หรือเขาต้องยอมรับว่าเด็กในท้องเป็นของตน? เป็นไปไม่ได้ เขาเกลียดหนานกงเยี่ย เกลียดเข้ากระดูก แล้วจะยอมรับลูกของเขาได้อย่างไร แต่ถ้าไม่ยอมรับ เขาก็จะเสียเธอไป
สนมกงฉี่และกษัตริย์ซีหลิงเองก็ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองพระองค์มองหน้ากัน แววตาแฝงความหมายลึกซึ้ง พวกเขารู้สึกว่าการแย่งชิงในครั้งนี้ น่าจะจบลงพร้อมกับการตั้งครรภ์ของเหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงดึงสติขึ้นมาจากความสุข หันไปมองซือคงอวี้ เขากำลังจ้องมองมาที่เธอ เธออ่านแววตาเขาออก เขาสิ้นหวังมาก เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขา อ้าปากเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่มีคำพูดใดๆ
ไม่ว่าเธอจะกลับไปรักกับหนานกงเยี่ยหรือไม่ แต่เธอก็จะคลอดเด็กคนนี้ออกมา เธอเป็นผู้หญิง สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งชีวิตของลูกมีค่ามากกว่าชีวิตของตนเอง เธออยากให้ซือคงอวี้ยอมปล่อยมือ เพราะเขาไม่มีวันยอมรับเด็กคนนี้ เขาเป็นถึงเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อของวิหารซีหลิง ภรรยาของเขาจะให้กำเนิดลูกของผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของลูกคือหนานกงเยี่ย
ทั้งสองมองหน้ากันสลับไปมา คนหนึ่งรู้สึกผิด คนหนึ่งรู้สึกสิ้นหวัง
หนานกงเยี่ยมองตามเหลิ่งสายตาของเหลิ่งรั่วปิง มองซือคงอวี้ด้วยสายตาเย้ยหยัน ”เจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคง ตอนนี้นายยังอยากจะเปลี่ยนแปลงความจริงตบตาคนอื่นอีกไหม เรื่องที่นายแย่งภรรยาของคนอื่น หึๆ นายอย่าบอกฉันนะ ว่านายจะทำหน้าที่แทนฉันแล้วเลี้ยงเด็กในท้อง”
แววตาของซือคงอวี้แทบจะสูญเสียการควบคุม เส้นเลือดค่อยๆ แผ่ซ่านขึ้นมา แววตาที่เปี่ยมด้วยความแค้นแทบอยากจะฉีกร่างหนานกงเยี่ยเป็นชิ้นๆ มือของเขากำหมัดแน่นขนาบไว้กับตัว เสียงกระดูกข้อมือดังขึ้น ทุกพยางค์ที่เปล่งออกมา เต็มไปด้วยความแค้น ”หนานกงเยี่ย ฉันจะทำให้นายตายที่ซีหลิง!”
หนานกงเยี่ยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด แววตาที่มองซือคงอวี้มีแต่ความเย้ยหยัน ”งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็คอยดู หากฉันหนานกงเยี่ยตายที่นี่ นายจะตายทั้งเป็นหรือไม่!”
“ดีมาก!” ซือคงอวี้กัดฟันกรอดแล้วพูดออกมาสั้นๆ ขณะที่กำลังจะลงมือ หนานกงเยี่ยกลับเดินออกไปด้านนอก ”อยากสู้กันก็ออกมา ฉันไม่อยากรบกวนภรรยาและลูกของฉัน”
ใบหน้าซือคงอวี้ตึงเครียด ดวงตาราวกับคบเพลิง ชำเลืองมองเหลิ่งรั่วปิง แล้วเดินตามหนานกงเยี่ยออกไป
สนมกงฉี่และกษัตริย์ซีหลิงมองหน้ากันด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าควรจะอย่างไรดี ผู้ชายทั้งสองคนต่างเป็นคนที่มีอำนาจ มีระดับความสำคัญเท่ากันทั้งคู่ พวกเขาต่อสู้กันในราชวัง ถ้าตายหรือบาดเจ็บขึ้นมา ล้วนสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ทั้งยังนำพาความเดือดร้อนมาให้กับซีหลิง
เหลิ่งรั่วปิงเป็นกังวลยิ่งกว่าทุกคน เธอพยายามลุกขึ้น แต่เวลานี้เธอจำเป็นต้องพักผ่อน ไม่มีแรงแม้แต่น้อย พยายามอยู่หลายครั้งก็ลุกขึ้นยืนไม่ได้
ฉนมกงฉี่รีบเดินเข้ามาปลอบ ”คุณผู้หญิงหนานกง อย่าได้ใจร้อน ตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์ห้ามแปรปรวนเด็ดขาด คุณพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเราคิดหาวิธีหยุดการต่อสู้ในครั้งนี้เอง” สุดท้ายสนมกงฉี่ตบมือเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ ”เชื่อฉัน”
สนมกงฉี่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในซีหลิง เหลิ่งรั่วปิงเชื่อว่าเธอคิดหาแผนการที่ดีได้แน่นอน
หนานกงเยี่ยและซือคงอวี้ต่างคนต่างเต็มไปด้วยความโมโห พวกเขามาถึงโถงฝึกต่อสู้ขนาดใหญ่ภายในวังหลวง ยืนห่างกันสิบเมตร ราวกับนกอินทรีย์และเสือชีต้าห์ พวกเขาต่างรู้ดี สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ คือการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายไปข้างหนึ่ง
โถงฝึกต่อสู้แห่งนี้ เป็นสถานที่ฝึกดาบและชกมือของสมาชิกในราชวงศ์ มีดาบและไม้ตีทุกชนิด วางไว้บนชั้นวางอาวุธข้างกำแพง
ซือคงอวี้ถอดชุดคลุมตัวยาวสีดำ จากนั้นสะบัดมือ เสื้อคลุมสีดำราวกับค้างคาว โบยบินออกไป แขวนอยู่บนชั้นวางอาวุธ หลังจากถอดเสื้อคลุม กางเกงสูทสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เจ้าของผมสีดำสนิทที่งอนเล็กน้อย อยู่ภายในแสงไฟยิ่งเปล่งประกาย
นัยน์ตาหนานกงเยี่ยเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ปลดเนคไทออกด้วยความสง่างาม แล้วถอดเสื้อสูทสีดำทิ้ง หนานกงเยี่ยสวมกางเกงสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีเดียวกับกางเกง ผมสีดำจัดเป็นทรง ทำให้เขาดูโดดเด่นกว่าทุกคนด้วยออร่าที่ไม่ธรรมดา
ผู้ชายสองคนที่เพียบพร้อมแบบนี้ ถ้าทั้งสองเป็นเพื่อนกัน ต้องร่วมมือกันเปลี่ยนโลกทั้งใบ พลิกฝ่ามือควบคุมเมฆ หมุนฝ่ามือบังคับฝน แต่พวกเขาดันเป็นศัตรูกัน
หนานกงเยี่ยทิ้งปืนไปนานแล้ว บนตัวเขาไม่มีอาวุธ
ถึงแม้ซือคงอวี้จะเป็นคนที่เหี้ยมโหด แต่เขาก็มีความเป็นลูกผู้ชาย เขาคว้าปืนออกมา แล้วทิ้งอย่างสง่างาม ปืนปลิวไปไกลกว่าสิบเมตร ตกลงบนพื้น
การต่อสู้ที่แท้จริงของคนแข็งแกร่ง ไม่ได้สู้กันด้วยอาวุธ แต่สู้กันด้วยความสามารถ ผู้ชายทั้งสองกันสู้กันด้วยความสามารถในการต่อสู้
หมาป่าสีเทา อาเธอร์และหลินมั่นหรู ยืนอยู่ด้านหลังซือคงอวี้ห่างออกไปห้าเมตร ส่วนถังเฮ่าและก่วนอวี้ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงเยี่ยห่างออกไปห้าเมตร พวกเขาต่างรู้ดี ไม่มีใครหยุดการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนได้ ดังนั้นจึงยืนดูเงียบๆ
นัยน์ตาของถังเฮ่า เต็มไปด้วยความรักใคร่ เขามองไปที่หลินมั่นหรูเป็นพักๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้น เป็นความเย็นชาและรังเกียจจากเธอ ในทางกลับกันแววตาของเธอที่มองไปยังซือคงอวี้เต็มไปด้วยความหลงใหล ผู้ชายโง่แค่ไหนก็ดูออก หลินมั่นหรูรู้สึกเช่นไรกับซือคงอวี้ ถังเฮ่าคือคนที่ฉลาด เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไร ในใจของเขาเหลือเพียงความสิ้นหวังและเจ็บปวด
เขาพยายามตามหาเธอ แต่ก็ดูเหมือนตักน้ำด้วยตะกร้าที่ผลสุดท้ายไม่ได้อะไรกลับมา หัวใจของผู้หญิงถ้าไม่ได้อยู่ที่เรา ต่อให้เราทุ่มเททุกอย่าง ก็ไม่มีวันได้มา
ซือคงอวี้ในตอนนี้นิ่งสงบลงมาก ดวงตานกฟีนิกซ์ของเขามีแสงฉายออกมาท่ามกลางความมืด แสงนั้นสาดส่องไปยังหนานกงเยี่ย ”หนานกงเยี่ย นายทำลายสิ่งที่มีค่าที่สุดของฉัน นายจะต้องชดใช้”
หนานกงเยี่ยกระตุกยิ้ม ดูถูกเป็นอย่างมาก ”ซือคงอวี้ ฉันสงสารนายจริงๆ ไม่ว่าเป็นของที่มีค่ากับนายมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทุกอย่างก็ว่างเปล่า”
วาสนา? หึ!
ซือคงอวี้หัวเราะในลำคอ เรื่องมาถึงทุกวันนี้ หรือต้องสรุปว่าเขากับเธอไม่มีวาสนาต่อกันงั้นเหรอ
ไม่ เขาไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาวาสนา ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อของวิหาร ใช้ศาสนามาสอนประชาชน แต่เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เขาเชื่อแค่อำนาจของตนเองเท่านั้น เขาไม่เชื่อว่าระหว่างเขากับเธอไม่มีวาสนาต่อกัน ผิดที่เขาโง่ ทำไมตอนนั้นไม่สารภาพรักเหลิ่งรั่วปิงให้เร็วกว่านี้หน่อย ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของตน?