เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 250 ทำงานให้กับภรรยา
เหลิ่งรั่วปิงกลายเป็นผู้หญิงอ่อนโยน อบอุ่นและน่ารัก เพียงเวลาแค่หนึ่งวันหนึ่งคืน หนามแหลมคมในตัวเธอหายไปจนหมดอย่างน่ามหัศจรรย์ ทุกด้านที่แหลมคมถูกลับจนกลมมน แม้แต่แววตาของเธอก็กลายเป็นแววตาที่อบอุ่น
ผู้หญิงที่เขารักสวยมากกว่าเดิม สวยแบบโดดเด่นไม่เหมือนใคร สวยจนไม่อาจละสายตาไปได้ เธอในตอนนี้ เหมือนนางฟ้าที่อยู่ในโลกแห่งดอกไม้ไฟ
นอกจากเขาจะรักเธอมากกว่าเดิม คงไม่มีสิ่งอื่นที่ดีกว่านี้ให้ทำแล้ว
รถยนต์จอดเทียบหน้าประตูวิลล่าหย่าเก๋อ ก่วนอวี้เพิ่งลงจากรถ อวี้หลานซีวิ่งไปหาเขา พร้อมกับยิ้มหวาน ”ก่วนอวี้”
ความรักกำลังร้อนแรง สิ่งที่กลัวที่สุดคือการไกลห่าง อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้เจอกันครึ่งเดือน ความคิดถึงแทบจะกลายเป็นโรค
ก่วนอวี้อยากจะกอดผู้หญิงที่เขาเฝ้าคิดถึงทุกคืนวัน แต่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงยิ้มแห้งๆ ให้อวี้หลานซี จากนั้นหมุนตัวหันหลังไปเปิดประตูรถให้หนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยพยุงเหลิ่งรั่วปิงลงจากรถ ไม่ได้สนใจอวี้หลานซี เขายังคงเป็นกังวลเรื่องที่เธอเคยทำร้ายเหลิ่งรั่วปิง ที่เขาให้อภัยอวี้หลานซีล้วนเป็นเพราะก่วนอวี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนเมื่อก่อน
“เรากลับกันเถอะ” ขณะที่หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงกำลังจะไป อวี้หลานซีวิ่งเข้าไปหา ”รั่วปิง”
เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวหันหลัง มองดูสีหน้าเป็นกังวลของอวี้หลานซี เธอยิ้มด้วยความใจดี ”คุณอวี้ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
อวี้หลานซีหันไปมองหนานกงเยี่ยครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นกระติกเก็บความร้อนให้กับเหลิ่งรั่วปิง ”ฉันได้ยินว่าเธอท้อง ก็เลยตุ๋นซุปเผือกซี่โครงหมูมาให้”
ไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงรับกระติกเก็บความร้อน สีหน้าของหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือกทันที ”รั่วปิงไม่ต้องการ เธอเอากลับไปเถอะ”
อวี้หลานซีรู้สึกลำบากใจมาก เพราะความกลัวทำให้มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย ”เยี่ย ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายนะคะ”
ความเชื่อใจที่หนานกงเยี่ยมีต่ออวี้หลานซี กลายเป็นศูนย์มานานแล้ว เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่มีเจตนาร้ายแอบแฝง ตอนนี้เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นแม้แต่น้อย ”ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องการ เธอไม่ได้ยินเหรอ”
อวี้หลานซีมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยสีหน้าซับซ้อน ”รั่วปิง เมื่อก่อนฉันไม่ดีเอง แต่ตอนนี้ฉันอยากจะผูกมิตรกับเธอจริงๆ นะ เธอกับเยี่ย ฉันกับก่วนอวี้ ฉันอยากให้พวกเรามีความสุข”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม รับกระติกเก็บความร้อนมาจากอวี้หลานซี ตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับดอกกล้วยไม้ ”อื้ม”
หนานกงเยี่ยกำลังจะคัดค้าน แต่กลับถูกเหลิ่งรั่วปิงหยิกเข้าที่ฝ่ามือ
อวี้หลานซียิ้มด้วยความดีใจ แล้วตามด้วยเศร้าเล็กน้อย ”เยี่ย วันนี้ฉันคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อบุญธรรมแล้วนะคะ ท่านโกรธมาก เรื่องของอวี๋จง เรื่องของฉันกับก่วนอวี้ และเรื่องของคุณกับรั่วปิง ท่านไม่พอใจมากเลยค่ะ อีกไม่นานท่านต้องกลับคฤหาสน์หนานกงแน่ๆ คุณเตรียมรับมือเอาไว้ด้วยนะคะ ฉัน…” อวี้หลานซีเม้มกัดริมฝีปากล่าง ”ฉันจะไม่เชื่อฟังคำพูดของพ่อบุญธรรมและไม่ทำเรื่องแย่ๆ อีกแล้ว คุณวางใจได้ค่ะ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร เขาคาดการณ์เรื่องพวกนี้เอาไว้แต่แรกแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หนานกงจวิ้นร้อนใจที่จะกลับมาแบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไม่พอใจที่เธอกลับมาคบกับหนานกงเยี่ย เขาต้องไม่อยากให้ลูกของเธอเกิดมาแน่ๆ แต่ว่า เธอไม่กลัว หนานกงเยี่ยต้องปกป้องเธอด้วยชีวิตแน่นอน เธอเชื่อแบบนั้น และตัวเธอเอง ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยอมให้ใครทำร้าย
อวี้หลานซียิ้มแล้วพูดขึ้นอีก ”รั่วปิง ตอนนี้เธอกำลังท้อง ต้องระมัดระวังตัวให้มาก ฉันกลับก่อนนะ”
“อื้ม” เหลิ่งรั่วปิงยิ้มตอบ ”ก่วนอวี้ นายส่งหลานซีไปเถอะ ที่นี่ไม่มีหน้าที่ของนายแล้ว”
“ครับ ขอบคุณครับคุณผู้หญิง” ก่วนอวี้รู้สึกขอบคุณเหลิ่งรั่วปิงมาโดยตลอด
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า จากนั้นกลับวิลล่าหย่าเก๋อไปพร้อมกับหนานกงเยี่ย
ตอนนี้ดึกมากแล้ว หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงกินมื้อค่ำเล็กน้อย จากนั้นกลับไปยังห้องนอน หนานกงเยี่ยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอด้วยตนเอง จากนั้นวางเธอลงบนเตียง พร้อมกับห่มผ้าให้ แล้วกลับเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขึ้นมาบนเตียง
เหลิ่งรั่วปิงซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย เรือนร่างของเธองดงาม ทั้งยังเคล้าไปด้วยกลิ่นหอม ”ที่รักคะ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วด้วยความตกตะลึง ”ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นเด็กดีแบบนี้ได้ครับ” เขาจำได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกเขาว่าที่รัก เมื่อก่อนเธอจะเรียกชื่อเขาหรือไม่ก็เรียกชื่อเต็มของเขา
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม ซบอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับน้ำที่นุ่มนวล ”เมื่อก่อนคุณเคยบอกว่า คุณจะโอนกรรมสิทธิ์ทุกอย่างของตระกูลหนานกงมาเป็นชื่อฉัน คำพูดนี้โมฆะหรือยังคะ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะ ”คุณมันเจ้าเด็กหลงทรัพย์ ตอนนั้นปฏิเสธหนักแน่น ตอนนี้กลับมาขอ ผมไม่ให้แล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงทำหน้านิ่งทันที แล้วเหยียดตัวลุกขึ้นนั่ง ยื่นนิ้วมือเรียวยาวออกมา ชี้ไปที่จมูกของหนานกงเยี่ย ”คุณหนานกงเยี่ย เป็นเพราะฉันตั้งท้อง คุณเลยคิดว่าฉันจะไม่เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะบอกอะไรให้คุณฟัง ถ้าทำให้ฉันโมโห ฉันก็จะหนีไปอีก!”
หนานกงเยี่ยโมโหขึ้นมาทันที สูดลมหายใจเข้า แล้วลุกขึ้นนั่ง เชยคางของเหลิ่งรั่วปิง ”คุณคิดว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรผมก็จะไม่โมโหใช่ไหม หืม? ภรรยาของใครบ้างที่แต่งงานแล้ว อะไรนิดอะไรหน่อยก็หนี คุณลองหนีดูอีกครั้งสิ”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ ”แล้วคุณจะให้ฉันไหมคะ”
“ให้!”หนานกงเยี่ยถูฟัน ”พรุ่งนี้ผมจะให้ก่วนอวี้ไปจัดการ อื้ม หลังจากนี้ทุกธุรกิจของตระกูลหนานกงกลายเป็นนามสกุลเหลิ่งหมดแล้ว ตัวผมก็กลายเป็นของคุณด้วยดีไหมครับ หื้ม!”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเสียงดัง จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา กดไปที่เครื่องอัดเสียง ”พูดสิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้ใหม่อีกครั้งสิคะ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม ”ทำไมครับ?”
เหลิ่งรั่วปิงมองเขาเหมือนมองคนโง่ ”พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน ฉันต้องมีหลักฐานเก็บเอาไว้ ถ้าพรุ่งนี้เช้าคุณเบี้ยวจะทำยังไงคะ”
หนานกงเยี่ยกัดฟันแน่น สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่เธออัดเสียงเขาตอนเมาเมื่อคราวที่แล้ว หลอกให้เขาเซ็นเช็คเปล่าให้เธอทุกวัน ”เหลิ่งรั่วปิง ผมตามใจคุณจนเสียคนแล้ว!”
ขณะพูด หนานกงเยี่ยเหมือนเหยี่ยวจับลูกไก่ คว้าตัวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ จากนั้นพรมจูบไปทั่วทั้งหน้าของเธอ แยกจากกันมานาน ยิ่งหอมยิ่งจูบก็ยิ่งรัก
เหลิ่งรั่วปิงพยายามผลักเขาออก ”พอได้แล้วค่ะ ลูกในท้องไม่อนุญาต!”
หนานกงเยี่ยเม้มกัดฟัน พันธนาการเธอไว้ในอ้อมกอด ”นอน!” เธอตั้งท้องสิบเดือน ชีวิตต่อจากนี้ของเขาจะอยู่ยังไง
…
หนานกงเยี่ยรักษาคำพูด เช้าวันที่สองหลังจากไปถึงบริษัทเขาก็สั่งให้ก่วนอวี้ทำตารางทรัพย์สินของตระกูลหนานกงมาให้เขา พร้อมสัญญาต่างๆ
ก่วนอวี้ตกใจเหมือนเห็นมนุษย์ต่างดาว ”คุณ…คุณชายเยี่ย คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ”
หนานกงเยี่ยพลิกอ่านเอกสารในมืออย่างไม่ใส่ใจ ”ฉันเคยพูดล้อเล่นกับนายด้วยเหรอ” คำพูดที่ทำให้ตกตะลึง ”อีกเรื่องหนึ่ง เอาสัญญาแต่งตั้งประธานบริษัทมาให้ฉันด้วย”
“ครับ?” ก่วนอวี้รู้สึกว่าตนเองไม่เข้าใจในสิ่งที่หนานกงเยี่ยพูดแล้ว คุณชายเยี่ยของเขาทะลุมิติมาจากต่างดาวหรือไง
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว ถลึงตามองก่วนอวี้ ”ฟังไม่รู้เรื่อง? ฉันหมายความว่าหลังจากนี้ฉันจะเป็นลูกจ้างของเหลิ่งรั่วปิง เข้าใจหรือยัง”
ก่วนอวี้พยักหน้า ”ครับ เข้า…เข้าใจแล้วครับ!”
พูดว่าเข้าใจ แต่ก่วนอวี้ยืนตะลึงอยู่นาน หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้นด้วยความหงุดหงิด ”เข้าใจแล้วยังไม่รีบไปจัดการอีก?”
“อ่อครับ” ราวกับก่วนอวี้เหยียบเมฆ เขาออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมุนตัวหันหลัง ”คุณชายเยี่ยครับ เรื่อง…เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าท่านหนานกงจวิ้นรู้เข้า เอ่อ…”
หนานกงเยี่ยนิ่งเฉญ ”นายคิดว่าเขาจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ”
ก่วนอวี้ ”การเติบโตและพังทลายของตระกูลหนานกงล้วนเชื่อมโยงกับเครือญาติของตระกูลหนานกง การทำแบบนี้จะไม่ทำให้พวกเขาไม่พอใจเหรอครับ”
หนานกงเยี่ยยังคงนิ่งเฉย ”มีอะไรไม่พอใจ ฉันโอนทรัพย์สินทุกอย่างให้ภรรยาของฉัน แต่ลูกของฉันก็ยังคงนามสกุลหนานกง วันข้างหน้าธุรกิจเหล่านี้ก็ยังเป็นของทายาทตระกูลหนานกง เกี่ยวอะไรกับพวกเขา ใครไม่พอใจก็ตัดขาดกับตระกูลหนานกงไปเลย”
ก่วนอวี้รู้สึกว่าตนเองต้องการยาโรคหัวใจกำเริบ เดินจับหน้าอกออกไป ยืนอยู่หน้าห้องทำงานประธาน เขาเกือบจะเป็นลมขาดอากาศหายใจตาย เขาเข้าใจการที่ผู้ชายคนหนึ่งบ้าคลั่งเพื่อผู้หญิงที่ตนรัก เพราะเขาก็เป็นคนแบบนั้น แต่หนานกงเยี่ยอยู่เหนือขอบเขตที่เขารับได้ ถ้าคุณชายเยี่ยของเขาเกิดในยุคที่มีฮ่องเต้ เขาต้องเป็นทรราชอย่างแน่นอน
…
เหลิ่งรั่วปิงกลายเป็นคนขี้เซามาก ตอนเช้าหนานกงเยี่ยปลุกเธอตื่นขึ้นมากินอาหารเช้า หลังจากที่เขาไปทำงาน เธอก็กลับไปนอนอีกครั้ง เธอนอนจนถึงเที่ยง ตอนที่หนานกงเยี่ยกลับมาเธอก็ยังไม่ตื่น
หนานกงเยี่ยฟังรายงานจากพ่อบ้าน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น หรือว่าผู้หญิงเวลาท้องจะนอนเก่งกันแบบนี้?
เปิดประตูห้องนอนเบาๆ มองดูเหลิ่งรั่วปิงที่นอนหลับสนิท เสียงหายใจเบาๆ ของเธอชวนฟังมาก
หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วเดินไปที่เตียง ล้มตัวลงลูบใบหน้าของเธอเบาๆ ”ที่รักครับ ตื่นได้แล้ว ผมเอาเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งมาให้”
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก ผลักมือหนานกงเยี่ยทิ้ง แล้วพลิกตัวนอนต่อ พร้อมกับพูดพึมพำ ”เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอะไรกันคะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นนักพรตหรือไง”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอ ”เป็นของจริง ผมนี่แหละเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง”
เหลิ่งรั่วปิงยังคงไม่ลืมตาขึ้น เธอพูดพึมพำคนเดียว ”คุณเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอะไรกัน ฉันไม่สนใจหรอก”
หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วมองใบหน้างดงามของเหลิ่งรั่วปิง ”ไม่สนใจ ถ้าอย่างนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นการโอนย้ายทรัพย์สินก็ถือเป็นโมฆะ”
โอนย้ายทรัพย์สิน?
เหลิ่งรั่วปิงเบิกตาโต ดวงตาคู่สวยยังคงมีความงัวเงีย ลุกขึ้นแล้วหันไปทางหนานกงเยี่ยอย่างรวดเร็ว ”เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอก หยิบเอกสารออกมาจากซองเอกสาร ”นี่ครับ ที่รักเชิญอ่านได้เลย”
เหลิ่งรั่วปิงนั่งตัวตรง หยิบเอกสารมาจากมือหนานกงเยี่ย แล้วอ่านอย่างละเอียด เธอตกใจมาก ”คุณหนานกงเยี่ย คุณไม่เสียดายจริงๆ เหรอคะ”
“ครับ” หนานกงเยี่ยพยักหน้า ยิ้มแล้วลุกขึ้นนั่ง จากนั้นหยิบเอกสารอีกฉบับมาให้เธอ ”แต่ว่า มีเงื่อนไขเพิ่มเติม”
เหลิ่งรั่วปิงรับเอกสารมาด้วยความระแวง อ่านทีละบรรทัด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เนื้อหาสำคัญของเอกสารฉบับนี้คือ
ข้อที่หนึ่ง หลังจากโอนทรัพย์สินแล้ว เหลิ่งรั่วปิงต้องจ้างหนานกงเยี่ยเป็นประธานบริษัท ห้ามหยุดจ้างชั่วชีวิต
ข้อที่สอง เหลิ่งรั่วปิงต้องเป็นภรรยาของหนานกงเยี่ยไปตลอดชีวิต ห้ามหย่าเด็ดขาดและห้ามหนีเด็ดขาด
ข้อที่สาม เหลิ่งรั่วปิงต้องมีลูกสาวให้หนานกงเยี่ย
หลังจากอ่านเอกสารจบ เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ มองดูผู้ชายตรงหน้าที่หล่อจนบรรยายไม่ได้ เธออยากจะตบหน้าเขาแล้วถามจริงๆ ว่าตื่นหรือยัง
ทำไมเมื่อก่อนเธอถึงไม่รู้ว่าเขาปัญญาอ่อนแบบนี้ ไร้ยางอายแบบนี้?!