เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 257 ฉันจะมีความสุขและจะมอบความสุขให้คุณ
เหลิ่งรั่วปิงหยิบเอกสารมาดูด้วยความดีใจ เธอเปิดอ่านทีละแผ่นอย่างตั้งใจ โปรเจคนี้ท้าทายมาก เธออยากจะลองทำ
ทว่าหนานกงเยี่ยกลับไม่สนใจเรื่องงานเท่าไร เขาโอบเอวของเธอเบาๆ ”ที่รักครับ พวกเรารีบจัดงานแต่งกันเถอะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงลังเลเล็กน้อย หนานกงเยี่ยพูดด้วยความใจร้อน ”อีกไม่นาน ท้องของคุณก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ เรายังไม่ได้ถ่ายพรีเวดดิ้งกันเลยนะครับ จะรอให้ลูกคลอดก่อนแล้วค่อยถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วพาลูกไปงานแต่งงานของเราก็คงไม่ดีหรือเปล่าครับ”
เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ”แบบนี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่คะ มีคนตั้งมากมายจัดงานแต่งตอนลูกครบเดือน”
หนานกงเยี่ย ”แต่ผมอยากจะจัดงานแต่งที่ดีและอลังการที่สุดให้กับคุณ ไม่อยากให้คนอื่นพูดว่าเพราะท้องก็เลยแต่งงาน และยิ่งไม่อยากให้คนอื่นนินทาว่าคุณได้จัดงานแต่งงานดีๆ เพราะลูก”
เหลิ่งรั่วปิงไม่สนใจแม้แต่น้อย ”แล้วทำไมคะ ฉันไม่สนใจความคิดของคนพวกนั้นสักหน่อย” ถูกต้อง เธอเป็นคนเด็ดเดี่ยวแบบนี้อยู่แล้ว ไปมาเหมือนลม ไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม ”คุณจะแคร์ก็ช่าง หรือไม่แคร์ก็ดี ทำไมถึงจัดตอนนี้ไม่ได้ครับ คุณกำลังลังเลอะไรอยู่”
เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจ มองหนานกงเยี่ยด้วยความตั้งใจ ”คุณก็รู้ดีนี่คะ ตอนนี้ชีวิตของเวินอี๋ไม่ราบรื่นเท่าไหร่ ระหว่างเธอกับมู่เฉิงซีมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น ถ้าฉันจัดงานแต่งงานตอนนี้ เวินอี๋ก็ยิ่งเสียใจสิคะ”
หนานกงเยี่ยเงียบ เข้าใจความรู้สึกที่เธอมีต่อเวินอี๋ แต่เขาไม่อยากให้เธอต้องทำร้ายตัวเองเพราะคนอื่น ตั้งแต่เขารู้จักกับเหลิ่งรั่วปิงจนถึงตอนนี้ เขารู้สึกว่าตนทำสิ่งไม่ดีไว้กับเธอ นับตั้งแต่นี้ เขาอยากจะมอบความทรงจำดีๆ ให้กับเธอ
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแล้วเอามือหนานกงเยี่ยมาวางไว้บนท้องน้อยของตน ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันไม่สนใจพิธีพวกนั้น นับตั้งแต่วินาทีที่ฉันปล่อยวางความแค้นแล้วกลับมาคบกับคุณ ฉันคิดได้แล้วค่ะ ฉันรักคุณ ไม่ได้แค่รักเท่านั้น ยังเป็นเพราะรู้สึกผูกพันเหมือนญาติคนหนึ่ง สำหรับฉัน คุณเป็นทั้งคนรัก เป็นทั้งครอบครัว เป็นสามีของฉัน เป็นพ่อของลูก และยังเป็นความสวยงามของครอบครัวที่ขาดไม่ได้ ดังนั้น ฉันขอแค่คุณรักฉันและอยู่กับฉันก็พอแล้ว”
“คืนวันในอดีตของฉันเสียไปกับความแค้นหมดแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าตัวเองท้อง ฉันตัดสินใจทิ้งความแค้น ฉันต้องการมีความสุข และความสุขของฉันคือการได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณ”
“ดังนั้น คุณหนานกงเยี่ย ฉันจะไม่ไปจากคุณอีกแล้ว ฉันจะรักคุณ รักลูกของเรา ฉันจะมีความสุขและมอบความสุขให้คุณ”
“ถึงแม้ความรักของเราสองคนจะไม่ได้เริ่มต้นสวยงามเหมือนคู่รักคนอื่นๆ การแต่งงานของเราก็ไม่ได้รับคำอวยพรจากทุกคน แต่ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรามีลูกแล้ว พวกเขาคือสายใยที่ไม่มีวันขาดและเชื่อมเราเอาไว้ด้วยกัน เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของเรา”
“ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ฉันก็จะรักคุณค่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นประธานผู้ร่ำรวย หรือเป็นแค่คนธรรมดา ฉันก็รักคุณค่ะ”
เหลิ่งรั่วปิงคนเดิม ถึงแม้เธอจะรักเขาแต่ก็ไม่มีวันพูดคำว่ารักออกมาง่ายๆ แต่เธอในตอนนี้ กลับบอกรักอย่างเปิดเผย หนานกงเยี่ยกอดเธอแน่นราวกับรอคอยมานานแสนนาน เขาทั้งมีความสุข รู้สึกอิ่มเอม ซาบซึ้ง ความรู้สึกดีๆ มากมายเปี่ยมล้นหัวใจของเขา ดวงตาของเขามีน้ำใสรื้นขึ้นมา เขารักเธอ ยิ่งกว่าชีวิต แต่เขาไม่เคยกล้าเพ้อฝันว่าเธอจะรักเขาเหมือนอย่างที่เขารักเธอ แต่วันนี้เหลิ่งรั่วปิงกลับบอกกับเขา เธอไม่มีวันไปจากเขา เธอจะรักเขาและมอบความสุขให้เขา
“ที่รักครับ ที่รัก ที่รัก…”
เสียงพึมพำอย่างเร่าร้อนออกมาจากริมฝีปากบางเซ็กซี่ของเขา เคล้าไปด้วยลมหายใจอุ่นๆ และกลิ่นอายของผู้ชาย รสจูบร้อนแรงอย่างเก็บซ่อนเอาไว้ไม่อยู่
มู่เฉิงซีนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนอน มองดูเวินอี๋เก็บข้าวของเครื่องใช้ของตนเอง ลงไปในกระเป๋าเดินทาง หัวใจของเขารู้สึกเหมือนถูกกระจกบาด เลือดไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
เขาคิด ทำไมเศษแก้วของเหลิ่งรั่วปิงในวันนี้ ถึงไม่บาดคอของเขาเสีย
ตอนที่เวินอี๋ปิดกระเป๋าเดินทาง เขาลุกขึ้นแล้วกอดเธอจากด้านหลัง ”คุณไม่จำเป็นต้องไป วิลล่าหลังนี้ผมยกให้คุณ และทรัพย์สินทุกอย่างของผม ผมยกให้คุณทั้งหมด”
เวินอี๋พยายามกลั้นน้ำตา ริมฝีปากบางคลายยิ้ม ”แม่ของคุณเอาแต่บอกว่าฉันเป็นผู้หญิงขายตัว ถ้าฉันรับของของคุณเท่ากับสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริงไม่ใช่เหรอคะ”
มู่เฉิงซีกอดเวินอี๋แน่น แทบจะทำให้กระดูกของเธอแหลกสลาย ”เวินอี๋ ผมขอโทษ” เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ เขาทนเห็นปู่ตายเพราะตนไม่ได้ และทนเห็นแม่คุกเข่าให้ตนไม่ได้
ภายนอกเวินอี๋เป็นผู้หญิงบอบบาง แต่ข้างในของเธอกลับแข็งแกร่งและทระนง ดังนั้นเธอจึงไม่มีวันปล่อยให้น้ำตาตนเองไหลลงมา เพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ”ทำไมต้องขอโทษด้วยคะ ตอนนั้นคุณไม่ได้เอาปืนมาบีบบังคับฉันสักหน่อย และไม่ได้มัดตัวฉันมาด้วย ฉันสมัครใจมาที่นี่เอง”
คำพูดของเธออ่อนโยน แต่ปวดร้าวไปทั้งหูของมู่เฉิงซี ทุกคำพูดทุกพยางค์ เหมือนตะปูที่ตอกหัวใจของเขา ตอนนั้น เธอเป็นคนสมัครใจมาที่นี่เอง แต่เพราะคำสัญญาของเขา เขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับเธอ แต่ตอนนี้ เขากลับทิ้งเธอ!
มู่เฉิงซีเป็นชายชาติทหาร ไม่เคยร้องไห้ แต่วินาทีนี้เขากลับน้ำตาคลอเบ้า ”คุณอยากให้ผมชดใช้ด้วยอะไรครับ”
เวินอี๋ยิ้ม ”คุณชดใช้ให้ฉันแล้วค่ะ คุณให้บทเรียนที่สำคัญมากๆ ในชีวิตของฉัน ซึ่งก็คือคำพูดผู้ชายเชื่อไม่ได้”
เวินอี๋แกะมือมู่เฉิงซีออก ผลักเขา แล้วหยิบกระเป๋าเดินทางบนเตียง หมุนตัวเดินออกไป
มู่เฉิงซีรีบคว้าข้อมือของเธอ ”คุณจะไปไหนครับ” เธอไม่มีบ้านแล้ว นอกจากที่นี่ เธอยังจะมีที่พักที่ไหนอีก
เวินอี๋ยิ้มเย้ยหยัน ”โลกตั้งกว้างใหญ่ ฉันต้องมีที่ไปอยู่แล้วค่ะ หลังจากก้าวขาออกจากที่นี่พวกเราก็เป็นแค่คนแปลกหน้า เรื่องของฉันคุณตำรวจไม่ต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ”
หน้าของมู่เฉิงซีแดงก่ำเพราะความเจ็บปวด ริมฝีปากสั่นเทาเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เขานึกถึงเวินอี๋ที่เจอในตอนแรก เวินอี๋ในตอนนั้นใสซื่อ มีความสุข เป็นสิ่งสวยงาม แต่เขากลับทำลายเธอ
“ผมไม่เลิกกับคุณแล้ว” มู่เฉิงซีพูดขึ้นมากะทันหัน
เวินอี๋หน้านิ่งไปพักหนึ่ง แล้วยิ้ม ”คุณไม่อยากเลิกแล้ว? หึ คุณไม่กลัวปู่ของคุณจะเครียดจนตายเหรอคะ คุณไม่กลัวแม่ของคุณคุกเข่าให้คุณอีกเหรอคะ”
ก่อนหน้านี้เขาบอกเหตุผลมากมายให้เธอฟัง บอกว่าเขาหมดหนทางอย่างไรบ้าง ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อเลิกกับเธอ หลังจากที่ร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดไปหมดแล้ว ตอนนี้เธออยากออกไปเงียบๆ แต่เขากลับบอกว่าไม่อยากเลิกแล้ว หึ เขามีสิทธิ์อะไร
เขาทำใจทำร้ายจิตใจปู่ไม่ลงคอ ทำร้ายแม่ไม่ลงคอ สุดท้ายเลือกที่จะทิ้งเธอ นี่คือความรักที่เธอยึดมั่น!
มู่เฉิงซีกัดฟันแล้วถอนหายใจ ”คุณให้เวลาผมอีกหน่อยนะ” ขณะพูด มู่เฉิงซีแย่งกระเป๋าเดินทางมาจากเวินอี๋ แล้วเก็บเข้าไปในตู้ ”เวินอี๋ คุณให้เวลาผมอีกหน่อยนะ ให้ผมคิดหาวิธีอีกสักหน่อย ดีไหมครับ”
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเวินอี๋มีรอยยิ้มจางๆ แต่แววตาของเธอกลับเคลือบด้วยความเยือกเย็น ”คุณมู่เฉิงซี คุณคิดอยากจะเลิกก็เลิก คิดอยากจะไม่เลิกก็ไม่เลิก คุณมีสิทธิ์อะไรคะ”
สายตาของมู่เฉิงซีทอดมองเข้าไปในแววตาของเวินอี๋ ความเยือกเย็นที่เคลือบอยู่ในแววตาของเธอทำให้เขาปวดร้าว ”ยังไงวันนี้คุณก็ห้ามไปจากที่นี่”
พูดจบ ไม่รอให้เวินอี๋ได้พูดอะไร เขาก็เดินออกจากห้อง แล้วเข้าไปในห้องหนังสือ
หลังจากที่เหลือแค่ตนเพียงคนเดียว ในที่สุดน้ำตาของเวินอี๋ก็ไหลงมา เธอนั่งกอดเข่าร้องไห้ ความเป็นจริงเธอไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น เปลือกนอกที่เข้มแข็งเป็นแรงเฮือกสุดท้ายของเธอ
มู่เฉิงซีขังตัวเองเอาไว้ในห้องหนังสือ หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน จุดไฟ สูบ สองนาทีหลังจากนั้น เขาโยนบุหรี่ทิ้ง ใช้เท้าบี้มันอย่างแรง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาซย่าอี่มั่ว
“ฮัลโหล เฉิงซีเหรอ” เสียงของซย่าอี่มั่วดูดีใจอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉิงซีโทรศัพท์มาหาเธอ เธอไม่ได้บอกเขา ที่เธอลาออกก็เพื่อเขา ผู้หญิงพื้นเพครอบครัวมีอำนาจอย่างเธอ ไม่ถือสาที่มู่เฉิงซีมีผู้หญิงคนอื่น ทั้งยังยอมแต่งงานกับเขา นอกจากความรักแล้ว ไม่มีเหตุผลอื่น
“ซย่าอี่มั่ว” น้ำเสียงของมู่เฉิงซีเยือกเย็น ”คำพูดบางอย่าง ผมอยากจะพูดกับคุณให้ชัดเจน”
“ถ้าจะบอกว่าคุณอยากทำลายงานแต่งงาน ไม่จำเป็นต้องพูดค่ะ”
“ซย่าอี่มั่ว ผมไม่ได้รักคุณ ผมมีคนที่ผมรักแล้ว คุณเพียบพร้อมขนาดนี้ ทำไมถึงต้องเลือกผู้ชายที่ไม่รักตัวเองด้วย”
ซย่าอี่มั่วยิ้ม ”เฉิงซี คุณอยากจะบอกอะไรฉันกันแน่คะ”
“ผมอยากให้คุณเป็นฝ่ายปฏิเสธงานแต่งงานในครั้งนี้ ไปบอกปู่ของผมว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับผม ผมจะขอบคุณคุณมาก”
ซย่าอี่มั่วยังคงยิ้ม ”ฉันไม่มีวันทำแบบนั้น เฉิงซี ฉันเชื่อว่าหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว คุณต้องรักฉันแน่นอนค่ะ”
มู่เฉิงซีกำโทรศัพท์แน่น ”แล้วถ้าผมบอกคุณว่า ถึงแม้ผมจะแต่งงานกับคุณแล้ว ผมก็ไม่มีวันแตะต้องคุณ ไม่มีวันเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกับคุณล่ะ”
ซย่าอี่มั่วเงียบอยู่นาน ”เฉิงซี แต่งงานกับคุณ ฉันต้องแต่งให้ได้”
“ถึงแม้จะเป็นแค่การแต่งงานในนามเท่านั้น คุณก็ต้องการ?”
“…ค่ะ” ซย่าอี่มั่วรู้สึกว่า ผู้หญิงที่สวยแบบเธอ มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่หวั่นไหว ตอนที่เธออยู่ในค่าย มีผู้ชายมากมายบ้าคลั่งเพราะเธอ มู่เฉิงซีเองก็เป็นผู้ชาย ขอแค่เธออยู่กับเขาทุกวัน เขาต้องควบคุมตัวเองไม่ได้แน่ๆ ดังนั้น เธอต้องแต่งงานกับเขาก่อน
มู่เฉิงซีถอนหายใจอย่างจนปัญญา ”ได้ ซย่าอี่มั่ว คุณเป็นคนเลือกเอง ถ้าคุณยืนยันที่จะจะแต่งงานกับผมให้ได้ คุณก็เตรียมนอนเฝ้าเตียงเปล่าไปแล้วกัน”
ตัดสาย มู่เฉิงซียืนเงียบในห้องหนังสืออยู่นาน ตอนที่แสงแดดสาดส่องมาบนผนังห้อง เขาจึงเดินออกไปจากห้องหนังสือ
เปิดประตูห้องนอน พบว่าเวินอี๋ยืนเงียบๆ อยู่ตรงหน้าต่าง เธอกำลังยืนจัดคริสตัลผีเสื้อสีม่วงอ่อน คริสตัลผีเสื้อสีม่วงอ่อนนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่เขาให้เธอ
รู้ว่าเขาเดินเข้ามา เวินอี๋ไม่ได้หันกลับมา และยิ่งไม่ได้หันหน้ามามอง เธอไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
มู่เฉิงซีปิดประตูเบาๆ แววตาหนักแน่นของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดหลังจากตัดสินใจได้แล้ว ”เวินอี๋ ถ้าไม่มีงานแต่งงาน พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ ได้ไหมครับ”
มือของเวินอี๋ที่จับผีเสื้อเอาไว้หยุดชะงัก เธอยังคงไม่มีสีหน้าใดๆ
มู่เฉิงซีเดินเข้าไปใกล้เธอ ยืนอยู่ด้านหลัง ”ผมเอางานแต่งงานให้ซย่าอี่มั่ว เอาตัวและหัวใจของผมให้คุณ”