เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 286 ถ้าทำให้ฉันหมดความอดทน ฉันก็จะเดินจากไป
อาเธอร์ดึงตัวเหลิ่งรั่วปิงมาโอบกอดด้วยความปวดใจ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ เหลิ่งรั่วปิงมีด้านที่อ่อนโยนมาโดยตลอด ถึงแม้จะเคยผ่านสมรภูมิรบมามากมายนับไม่ถ้วน แต่จิตใจของเธอไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่แสดงออกมา
ตอนที่แสงแดดสาดส่องเข้ามา เหลิ่งรั่วปิงผละออกจากอ้อมกอดของเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ ”ฉันต้องกลับไปแล้ว”
เธอคิดว่า หนานกงเยี่ยไปช่วยเฉินลู่เหยา คงไม่กลับวิลล่าหย่าเก๋อง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงมาเจออาเธอร์ด้วยความใจกล้าแบบนี้ ถ้าหนานกงเยี่ยกลับไปถึงวิลล่าหย่าเก๋อแล้วไม่เจอเธอ เขาต้องอาละวาดแน่ๆ
อาเธอร์ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ”อืม เดี๋ยวฉันไปส่ง” ผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกับเขาคนนี้ เป็นผู้หญิงที่เขารักเหมือนน้องสาว ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เคารพสิ่งที่เธอเลือกและการตัดสินใจของเธอ พร้อมปกป้องเธอตลอดเวลา
หนานกงเยี่ยรอฟังความคืบหน้าในการตามหาเหลิ่งรั่วปิงในวิลล่าหย่าเก๋อด้วยความเป็นกังวล เขาจ้องมองสัญญาณดาวเทียมอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นสัญญาณโทรศัพท์ของเธอ ตำแหน่งของเธออยู่ที่ชาญเมืองตะวันตก เขาเอนตัวลงบนโซฟา แล้วกดโทรหาเหลิ่งรั่วปิง
ปลายสายรับอย่างรวดเร็ว หนานกงเยี่ยดีใจจนเสียงสั่นเทา ”ที่รัก คุณกำลังทำอะไรอยู่”
เหลิ่งรั่วปิงสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของหนานกงเยี่ย เธอปลายตามองอาเธอร์ แล้วคลายยิ้มบางๆ ”ฉันกำลังจะกลับบ้านแล้วค่ะ”
เมื่อมั่นใจว่าเหลิ่งรั่วปิงปลอดภัยดี หนานกงเยี่ยโล่งอก ”ผมไปรับคุณนะ”
ขณะพูด เขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วออกไปจากวิลล่าหย่าเก่อ สตาร์ตรถด้วยความเร่งรีบ ขับออกไปด้วยความเร็วสูง
เฉินลู่เหยายืนอยู่ริมหน้าต่างบนชั้นสาม เธอมองรถของหนานกงเยี่ยที่ขับออกไปจากวิลล่าหย่าเก๋อด้วยความเร็วสูง แววตาของเฉินลู่เหยาหม่นหมอง ครั้งหนึ่งเธอคิดว่า เขาไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหน เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า เขาจะให้ความสำคัญกับเหลิ่งรั่วปิงมากขนาดนี้ เมื่อกี้ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงหายไป เขาเครียดจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
ไม่นานหลังจากนั้น ริมฝีปากบางของเธอคลายยิ้มราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง เธอบอกกับตนเอง เขาแค่เป็นห่วงลูกในท้องของเหลิ่งรั่วปิงเท่านั้น แต่ความเป็นจริงเธอจะไม่รู้ได้อย่างไร ผู้ชายที่เป็นเสมือนราชาอย่างหนานกงเยี่ย ถ้าเขาไม่ได้รักผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นตั้งท้องลูกของตนเองแน่นอน แต่ตอนนี้เธอไม่อยากคิดแบบนั้น ความคิดของเธอเอนเอียงไปอีกด้านหนึ่ง
สำหรับหนานกงเยี่ย เธอจะต้องครอบครองเขาให้ได้
ดังนั้น หลังจากหนานกงเยี่ยออกไป เธอเดินลงไปชั้นล่าง เข้าไปในห้องของเหลิ่งรั่วปิง
หลังจากวางสาย เหลิ่งรั่วปิงหันไปยิ้มให้อาเธอร์ ”อาเธอร์ นายกลับไปเถอะ ฉันลงตรงนี้”
“อืม” อาเธอร์จอดเทียบข้างทาง พูดด้วยความหนักแน่น ”รั่วปิง ถึงแม้ว่าจะมีลูก แต่เธอไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองเจ็บปวดเพื่อผู้ชายคนเดียว ถ้าไม่มีความสุข ฉันพร้อมจะพาเธอไปจากที่นี่ตลอดเวลา เหมือนครั้งแรกที่หนีไปจากเมืองหลง ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ฉันจะดูแลเธอกับลูกเอง”
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม น้ำตาคลอเบ้า ”ขอบคุณนายมากนะอาเธอร์” เธอตบมืออาเธอร์เบาๆ อยากจะบอกเขา ความเป็นจริงชีวิตของเธอไม่ได้ลำบากเหมือนอย่างที่เขาคิด หนานกงเยี่ยดีกับเธอมาก เรื่องบางเรื่อง เป็นความลับระหว่างสามีภรรยา ไม่อาจพูดออกมาได้
สุดท้าย เหลิ่งรั่วปิงลงจากรถภายใต้สายตาเจ็บปวดของอาเธอร์ ยืนรอหนานกงเยี่ยอยู่ริมถนน
ถนนยามเช้า รถขับแล่นไปมาน้อยมาก เธอยืนอยู่ใต้แสงแดดยามเช้า แสงแดดสีแดงสาดแสงกระทบลงมาที่เธอราวกับภาพในความฝัน เหลิ่งรั่วปิงที่ท้องแค่เพียงสามเดือน ท้องของเธอยังมองไม่ค่อยออก ไม่มีใครรู้ว่าในท้องของเธอมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ สองคนอาศัยอยู่ แต่รอบตัวของเธอเปล่งออร่าความเป็นแม่ ออร่านี้ทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้า
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น รถของหนานกงเยี่ยขับมาถึงชาญเมืองตะวันตก เวลานี้ รถยังมีไม่มากเท่าไร เขาจึงขับแซงรถทุกคันได้อย่างสบาย ไม่นานก็มาถึงจุดที่เหลิ่งรั่วปิงยืน
วินาทีที่เห็นเธอ เขาจึงรู้สึกวางใจ หนานกงเยี่ยมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง ราวกับของล้ำค่าที่หายาก ของล้ำค่านี้สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา ถ้าเสียเธอไป เขาคงจะเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น
หลังจากจอดรถจนสนิท หนานกงเยี่ยลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว สิ่งที่แรกที่เขาทำคือโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ”ที่รัก!” คำพูดธรรมดาเพียงสองคำ แสดงความเป็นกังวลและคิดถึงของเขาออกมาอย่างเด่นชัด
ถูกต้อง เพียงแค่แยกจากกันไม่กี่ชั่วโมง เขาก็คิดถึงเธอมาก เขาเสียเธอไปหลายครั้งเกินไปแล้ว เสียเธอไปจนทำให้แค่ติดต่อเธอไม่ได้เขาก็เป็นกังวลและหวาดกลัว
อยู่ในอ้อมกอดที่กว้างและแข็งแกร่งของชายหนุ่ม เหลิ่งรั่วปิงสัมผัสได้ถึงความกังวลของเขา ท่ามกลางหัวใจที่เต้นแรงของเขา เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ ความเสียใจและไม่พอใจทุกอย่างหายไปจนหมด
ตอนแรก เธอออกมาตามลำพัง ทั้งยังปิดเครื่อง ทำให้เขาหาเธอไม่เจอ หนานกงเยี่ยรู้สึกโกรธ แต่วินาทีที่เจอเธอ เขาตำหนิเธอไม่ได้แม้แต่คำเดียว ความรู้สึกโกรธเคืองและโมโหแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน ”ที่รัก คุณออกไปไหนครับ หืม” มือที่อบอุ่นลูบจับผมของเธอ ”ทำไมต้องปิดเครื่องด้วย”
เหลิ่งรั่วปิงคนเดิม ไม่เคยคิดจะบอกความจริงกับหนานกงเยี่ย เพราะเธอมีความลับมากมาย ที่ให้ใครรู้ไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว เธอรู้ว่าตนเองควรจะพูดความจริง แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับซือคงอวี้ เธอพูดไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงมองหน้าหนานกงเยี่ยด้วยแววตาที่จริงใจ ”ฉันไปพบคนคนหนึ่งมาค่ะ แต่ฉันบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม พอจะคาดเดาได้บ้าง ”ที่รัก คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เหลิ่งรั่วปิง ”ไม่มีค่ะ แค่ไปเจอกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานก็เท่านั้น”
หนานกงเยี่ยรู้ดี ภรรยาของเขาให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนตัวและความเป็นอิสระ เรื่องที่เธอไม่อยากพูด เขาถามจู้จี้ไม่ได้ การที่เธอบอกเรื่องพวกนี้กับเขา เท่ากับแสดงความจริงใจของเธอแล้ว หนานกงเยี่ยยิ้มอ่อนโยน ”เรากลับบ้านกันเถอะนะครับ?”
หนานกงเยี่ยเป็นผู้ชายฉลาด เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร เรื่องเดียวที่จะทำให้เธอระมัดระวังแบบนี้ มีแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิหารซีหลิงและซือคงอวี้เท่านั้น เขาเชื่อใจเธอ ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในใจเต็มไปด้วยความหึงหวง แต่เพราะความตกใจกลัวที่หาเธอไม่เจอเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา ทำให้เขาข่มความหึงหวงลงไป
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า กำลังจะเดินขึ้นรถ หนานกงเยี่ยช้อนตัวเธอขึ้นมา แล้ววางเธอลงตรงที่นั่งข้างคนขับ ความระมัดระวังของเขา ทำให้เธอรู้สึกปวดใจ เหลิ่งรั่วปิงพอจะจินตนาการได้ ตอนที่เธอหายไป เขาหวาดกลัวกระวนกระวายมากแค่ไหน เพราะมีหลายต่อหลายครั้งที่เขาแทบบ้าในตอนที่เธอหายไป
ดังนั้น ตอนที่หนานกงเยี่ยนั่งประจำที่นั่งคนขับ ช่วยเธอรัดเข็มขัดนิรภพัย เหลิ่งรั่วปิงเอาหน้าซบลงบนแขนของเขา ”ที่รัก ฉันขอโทษนะคะ ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องทรมานกับความกลัวที่จะสูญเสียฉันไปอีกครั้ง
หนานกงเยี่ยปวดใจ เขาโอบกอดเธอเอาไว้แน่น ”ผมผิดเอง ผมไม่ควรออกไปกลางดึก” เธอไม่โทษเขา ไม่ทำตัวงี่เง่า แต่กลับขอโทษเขา ทำให้เขายิ่งรู้สึกผิด
กลับไปถึงวิลล่าหย่าเก๋อ หนานกงเยี่ยจอดรถ เดินลงจากรถด้วยความรวดเร็ว อ้อมไปอีกด้านหนึ่ง แล้วอุ้มเหลิ่งรั่วปิงลงจากรถ เดินเข้าไปในวิลล่า
“ฉันเดินเองได้ค่ะ” เผชิญหน้ากับพ่อบ้านและสาวใช้ เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
หนานกงเยี่ยใช้แก้มถูกผมของเธอด้วยความทะนุถนอม ”ผมอุ้มคุณเข้าไป กินอาหารเช้าเสร็จแล้วเข้านอนนะครับ คุณไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ”
เข้าไปในห้องรับแขก เฉินลู่เหยาเดินมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ”คุณผู้หญิง กลับมาแล้วเหรอคะ ตอนที่หาคุณไม่เจอ คุณหนานกงเยี่ยเป็นห่วงแทบแย่”
เห็นได้ชัด เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะพาเฉินลู่เหยามาที่วิลล่าหย่าเก๋อ ภายในใจของเธอมีเมฆครึ้ม ถึงแม้เธอพยายามจะบอกตัวเองให้ใจกว้าง ต้องเข้าใจสามี แต่การที่เห็นเฉินลู่เหยาอยู่บ้าน ทำให้เธอโมโหอย่างมากเหมือนม้าที่หลุดพ้นจากการพันธนาการ ไม่อาจควบคุมตนเองได้
เธอไม่ใช่คนที่ใจกว้างอยู่แล้ว ในเรื่องของความรัก ความเป็นจริงเธอเป็นคนที่ใจแคบมาก เธอไม่อาจทนเห็นอะไรที่ขัดหูขัดตาได้ ตอนนั้นเธอเพิกเฉยต่ออวี้หลานซีได้ นั่นเป็นเพราะเธอไม่ได้รักหนานกงเยี่ย ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาแล้ว เธอจะยอมให้ผู้หญิงที่ปรารถนาในตัวสามีของตนเองเข้ามาอยู่ในบ้านได้อย่างไร ความเชื่อใจที่เธอมีต่อหนานกงเยี่ยลดลง เธอนึกถึงสิ่งที่สำนักข่าววิเคราะห์ บอกว่าเธอเป็นแค่ตัวแทนของเฉินลู่เหยา
แน่นอน หนานกงเยี่ยสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเหลิ่งรั่วปิง เขาก้มหน้าลงสังเกตสีหน้าของเธอด้วยความระมัดระวัง ”ที่รักครับ วิลล่าที่ลู่เหยาอยู่มันไกลมาก ไม่ปลอดภัย ให้เธอพักที่นี่วันสองวันนะครับ ไว้รอหาบ้านได้แล้วผมจะให้เธอย้ายออกไป”
เหลิ่งรั่วปิงดีดดิ้นแล้วลงมาจากอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย ยิ้มด้วยความเย้ยหยัน เสียงของเธอเหมือนเสียงภูตในหุบเขาที่ว่างเปล่า ”ไม่เป็นไรค่ะ ให้เธออยู่ที่นี่ยาวๆ เลยก็ได้ค่ะ หรือถ้าจำเป็นฉันยกห้องนอนให้เฉินลู่เหยาก็ได้นะคะ”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยราวกับสีของท้องฟ้าก่อนจะเกิดพายุฝน ถ้าไม่ใช่เพราะพยายามอดทนเอาไว้ เขาคงจะทำลายข้าวของอีกครั้ง เขาจับจ้องไปที่เหลิ่งรั่วปิง แววตาฉายความตำหนิ ทำไมเธอต้องพูดแบบนี้
เฉฺนลู่เหยาเดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ระมัดระวังอย่างเห็นได้ชัด ”คุณผู้หญิง ฉัน…สร้างความลำบากใจให้คุณ ฉันไม่ดีเองค่ะ อย่าโทษคุณหนานกงเลยนะคะ” ท่าทีของเธอ เหมือนละครในวังหลวงที่สนมเล็กถูกสนมใหญ่ตำหนิ
เหลิ่งรั่วปิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับยิ้ม ”เป็นปีศาจพันปีกันทั้งคู่ ไม่ต้องแสแสร้งตอแหลหรอก เฉินลู่เหยา เธอคิดอะไรอยู่ทั้งเธอและฉันต่างรู้ดี สามีของฉันเพียบพร้อมมากขนาดนี้ มีผู้หญิงอยากจะแย่งเขาไปมากมาย ฉันคร้านที่จะสนใจ แต่ผู้หญิงน่ารังเกียจที่ถ่อมาถึงบ้านแบบนี้ เธอเป็นคนแรก เธอออกไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ฉันจะไล่เธอไป”
หนานกงเยี่ยเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ดึงมือเหลิ่งรั่วปิงขึ้นไปชั้นบน ”พวกเราขึ้นไปคุยกันชั้นบน”
เหลิ่งรั่วปิงสะบัดมือหนานกงเยี่ยโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย เธอยังคงยิ้ม เพียงแต่แววตาของเธอนั้นเย็นชาอย่างมาก ”คุณหนานกงเยี่ย ถ้าคุณยังไม่ลืม วิลล่าหลังนี้เป็นชื่อฉัน ถ้าคุณคิดจะพาผู้หญิงคนอื่นมาอยู่ในบ้าน เชิญคุณพาไปอยู่บ้านหลังอื่น”
แววตาของหนานกงเยี่ยมืดสนิทราวกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ดวงตาสีนิลมีเงาสะท้อน ”คุณรู้ไหมว่าที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไง”
“ฉันรู้ดีค่ะ หนานกงเยี่ย” เหลิ่งรั่วปิงสู้สายตาหนานกงเยี่ยอย่างไม่ยอมแพ้ จงใจที่จะเพิกเฉยต่อความโมโหที่ฉายออกมาจากแววตาของเขา ”ฉันขอบอกเอาไว้ อย่าคิดว่าฉันแต่งงานกับคุณแล้ว มีลูกกับคุณแล้ว ฉันจะอยู่กับคุณตลอดไป ถ้าคุณทำลายความอดทนของฉัน ฉันพร้อมที่จะเดินจากไปทันที และไม่มีวันหันหลังกลับมา”