เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 288 คุณทำร้ายผมอย่างไรก็ได้ แต่อย่าไปจากผมเลยนะ
เหลิ่งรั่วปิงเชิดคางขึ้นมา ”ตั้งแต่เฉินลู่เหยากลับมา คุณทำให้ฉันต้องเสียใจเพื่อคุณ วันนี้ฉันสุดจะทนแล้ว” ใบหน้าที่สวยงามของเหลิ่งรั่วปิงเผยความเย้ยหยันอีกครั้ง ”ให้ฉันเชื่อใจคุณใช่ไหมคะ นี่นะเหรอเหตุผลที่คุณให้ฉันเชื่อใจคุณ”
ขณะพูด เหลิ่งรั่วปิงฟาดแท็บเล็ตไปที่หนานกงเยี่ย
หน้าจอแท็บเล็ตกำลังเปิดเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นข่าวบันเทิง บนหน้าเพจของเว็บไซต์เหล่านั้น คือรูปของหนานกงเยี่ยที่กำลังกอดเฉินลู่เหยาซึ่งสวมแค่ชุดนอนตัวสั้น มุมกล้องของภาพนี้ถ่ายเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แสงปรับได้พอดี เผยให้เห็นหัวไหล่กลมมนและเรียวขาขาวของเฉินลู่เหยา เผยให้เห็นออกมาอย่างชัดเจน ภาพถ่ายที่ชวนคิดแบบนี้ ทำให้คนรู้ทันทีว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันเช่นไร
หนานกงเยี่ยโต้เถียงอะไรไม่ได้ เขาโยนแท็บเล็ตทิ้งด้วยความโมโห แต่ยังคงไม่สงสัยในการกระทำของเฉินลู่เหยา เขาคิดว่านี่เป็นฝีมือของหนานกงจวิ้น ในเมื่อแก้แค้นเฉินลู่เหยาไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้รูปถ่ายพวกนี้มาทำลายความสัมพันธ์ของตนและเหลิ่งรั่วปิง
ดวงตาคู่สวยของเหลิ่งรั่วปิงนิ่งสงบ เปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน ”ฉันเป็นแค่ตัวแทนของเฉินลู่เหยา ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ฉันไม่หน้าด้านทนเป็นก้างขวางคอพวกคุณหรอกค่ะ คุณเซ็นใบหย่าให้ฉันเดี๋ยวนี้”
หนานกงเยี่ยโยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโห ตามด้วยเสียงแหบพร่าที่เจ็บปวด น้ำเสียงของเขาโมโหจนถึงขีดสุด ”ใครบอกว่าคุณเป็นแค่ตัวแทนของเฉินลู่เหยา!” ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะความโกรธ ”คนอย่างผมจะยอมทิ้งชีวิตตัวเอง เพื่อผู้หญิงที่เป็นแค่ตัวแทนของอีกคนหนึ่งเหรอ” กัดฟันแน่นแล้วเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ”เหลิ่งรั่วปิง วันนี้คุณไปเจอกับใคร คนของซือคงอวี้ใช่ไหม คุณอยากกลับไปหาเขาใช่ไหม คุณก็เลยสรรหาเหตุผลแย่ๆ พวกนี้มาต่อว่าผม”
“ผมขอบอกคุณเอาไว้เลย ผมเคยแย่งคุณมาจากซือคงอวี้แล้วหนึ่งครั้ง ครั้งที่สองก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน และยังจะแย่งคุณมาจากเขาอีกนับครั้งไม่ถ้วน อยากกลับไปหาซือคงอวี้ อย่าแม้แต่จะคิดฝัน!”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ ”คุณหนานกงเยี่ย คุณที่มีชู้คือคุณ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเรื่อง น่าไม่อายจริงๆ”
หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอเช่นเดียวกัน ”แค่รูปถ่ายไม่กี่รูปคุณก็ตัดสินว่าผมมีชู้? ความเชื่อใจที่คุณมีต่อผมทำไมมันถึงเบาบางราวกับปีกของจักจั่นแบบนี้”
เหลิ่งรั่วปิงหมดแรงจะโต้เถียง เขาเอาแต่บอกให้เธอเชื่อใจเขา แต่ทำไมเขาไม่ลองถามตัวเองดูว่าได้เห็นแก่ความรู้สึกของเธอไหม
“คุณหนานกงเยี่ย ฉันจะบอกอะไรให้นะคะ ฉันไม่เคยคิดอยากจะได้อะไรทั้งนั้น ฉันจะคืนให้คุณทั้งหมด!” ขณะพูด เหลิ่งรั่วปิงโยนเศษซากของเอกสารที่ถือเอาไว้ในมือไปตรงหน้าหนานกงเยี่ย จากนั้นหมุนตัวหันหลังเดินขึ้นชั้นบน
หนานกงเยี่ยยืนอยู่ที่เดิมอยู่นาน มองบันไดที่เธอเดินลับหายไป สุดท้ายเขาก้มตัวลงเก็บเศษกระดาษบนพื้น ที่แท้เอกสารพวกนี้ก็คือสัญญาที่เขายกทุกอย่างให้เธอ เธอคืนทุกอย่างที่เขาให้เธอ!
ตอนที่เขารู้ว่าเธอไม่เคยอยากได้ของพวกนี้ เมื่อไรที่สัญญานี้ยังไม่เป็นโมฆะ เท่ากับว่าเธอยังรักเขา แต่ตอนนี้เธอกลับเซ็นสัญญาพวกนี้ทิ้ง เท่ากับว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ต้องการชีวิตคู่ในครั้งนี้
หนานกงเยี่ยยืนอยู่ที่เดิม หวนคิดถึงเรื่องทุกอย่าง ตั้งแต่เฉินลู่เหยาปรากฏตัว บางทีเขาอาจจะละเลยความรู้สึกของเหลิ่งรั่วปิง และประเมินความรู้สึกของเธอสูงเกินไป เขาคิดมาตลอดว่าเธอไม่สนใจคำพูดของคนอื่น แต่เขาลืมไปว่าเหลิ่งรั่วปิงก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อีกทั้งเธอยังเป็นผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง ข่าวฉาวพวกนั้นทำให้เธอไม่สบายใจ
หลังจากผ่านไปนาน หนานกงเยี่ยถอนหายใจเบาๆ เดินขึ้นบันได ความโกรธเคืองและโมโหของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดและสงสารเหลิ่งรั่วปิงอย่างรวดเร็ว
ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน หนานกงเยี่ยเหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด ลังเลอยู่แบบนั้น ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะเปิดประตูเข้าไปช้าๆ
เวลานี้เหลิ่งรั่วปิงกำลังยืนอยู่ตรงริมหน้าต่าง เธอก้มหน้าลง ความเป็นจริงเธอเองก็กำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ถามตนเองว่าอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า เธอนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ระหว่างตนและหนานกงเยี่ย ภาพในอดีต ฉายออกมาราวกับภาพยนตร์ สุดท้ายความทรงจำเหล่านั้นสะสมเอาไว้มากมายราวกับประวัติศาสตร์ วินาทีที่หนานกงเยี่ยเปิดประตูเข้ามา เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ เธอได้คำตอบแล้ว เธอควรเชื่อใจเขา
เขาบอกว่า ถ้าเธอเป็นแค่ตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วทำไมเขาต้องยอมเสี่ยงตายเพื่อเธอด้วย
ดังนั้น ตอนที่หนานกงเยี่ยโอบกอดเธอจากด้านหลัง เธอไม่ได้ขัดขืน แต่กลับอ่อนโยนลงเล็กน้อย
หนานกงเยี่ยก้มหน้าลงใช้แก้มของเขาถูหน้าของเธอ ”ที่รักครับ ผมมันแย่เอง คุณอย่าโมโหเลยนะ หืม”
เหลิ่งรั่วปิงหลุบตาลง ”คุณไม่โกรธที่ฉันใจแคบเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยหอมแก้มเธอด้วยความอ่อนโยน ”ไม่ครับ ผมไม่โทษคุณ ผมไม่รอบคอบเอง ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคุณ คุณอย่าโกรธผมเลยนะ”
เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจเบาๆ เธอรู้สึกว่าตั้งแต่ตนเองท้อง เธอก็ไม่อาจเด็ดขาดและไม่แคร์ใครได้แล้ว เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ชอบคาดเดาไปต่างๆ นานา กลายเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย และเป็นกังวลง่ายขึ้น ”คุณหนานกงเยี่ย ฉันรู้สึกว่าฉันควรไปพบแพทย์”
หนานกงเยี่ยนิ่งค้าง สีหน้าเป็นกังวล ”คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหน”
เหลิ่งรั่วปิงส่ายหน้า ”ฉันรู้สึกว่าสุขภาพจิตของฉันมีปัญหาค่ะ”
หนานกงเยี่ยได้ยินแบบนี้จึงหัวเราะ ”ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผู้หญิงท้องอารมณ์อ่อนไหว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของผม ผมดูแลคุณไม่ดีเอง” หันตัวเหลิ่งรั่วปิงมาหาตนช้าๆ เผชิญหน้ากับหนานกงเยี่ย จากนั้นเขาก้มหน้าลง ประทับจุมพิตลงบนหน้าผากของเธอ ลงบนแก้ม และริมฝีปาก เขาทำด้วยความอ่อนโยน ราวกับเธอเป็นของล้ำค่า
ความใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้ ไม่เกิดขึ้นอีกเลยตั้งแต่เธอท้อง เขาพยายามหักห้ามใจตัวเองทุกวัน กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วทำให้เธอต้องเจ็บ ดังนั้นจึงพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้ ตอนเช้าเกิดเรื่องที่ทำให้ต้องตกใจ ร่วมกับทะเลาะกันเมื่อครู่ ทำให้เขาอยากจะรักและทะนุถนอมเธอให้มากๆ ดังนั้นเขายิ่งจูบเธอก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้
เหลิ่งรั่วปิงถอนตัวออกมาจากการจูบที่ดูดดื่มของเขา ”ไม่ได้นะคะ ฉันกำลังท้อง”
หนานกงเยี่ยจูบเธออย่างเอาแต่ใจ ”ไม่เป็นไรครับ คุณท้องสามเดือนแล้ว หมอบอกว่าทำกิจกรรมบนเตียงได้แล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ขัดขืน ใช่ว่าเธอไม่คิดถึงรสชาติของเขา
บรรยากาศภายในห้องอบอุ่นทวีคูณ เต็มไปด้วยความเสน่หา
ขณะที่เหลิ่งรั่วปิงกำลังนอนสะลึมสะลืออยู่นั้น เธอได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดกระซิบอยู่ข้างหู ”ที่รักครับ เราอย่าทะเลาะกันเลยนะ คุณห้ามพูดคำว่าหย่าอีก หลังจากนี้ถ้าคุณโมโหก็ทุบตีต่อว่าทำร้ายผมได้เลย แต่อย่าบอกว่าจะไปจากผมอีก”
ทุกครั้งที่เธอพูดมันออกมาอย่างไร้เยื่อใย ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและเสียใจอย่างมาก
*****
ก่วนอวี้ทำงานได้เป็นอย่างดี หนานกงเยี่ยสั่งให้เขาจัดหาที่อยู่ให้เฉินลู่เหยา เขาจงใจเลือกบ้านที่อยู่ห่างจากวิลล่าหย่าเก๋อ ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันก็ให้เฉินลู่เหยาย้ายเข้าไปพัก ทำตามสิ่งที่หนานกงเยี่ยสั่ง รักษาความปลอดภัยและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
หลังจากย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ เฉินลู่เหยาขังตัวเองอยู่ในห้องนอน เธอฉีกนิตยสารทิ้งด้วยความโมโห เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ แผนการที่เธออุตส่าห์คิดขึ้นมา สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องน่าตลกแค่เพราะเหลิ่งรั่วปิงโมโห
เธอยังไม่หายโมโห เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอนึกว่าหนานกงเยี่ยโทรมาปลอบเธอ ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นยืน วิ่งไปคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนเตียง แต่เบอร์โทรศัพท์บนหน้าจอทำให้เธอผิดหวังอย่างมาก แต่เฉินลู่เหยาไม่กล้ารอช้า รับสายอย่างรวดเร็ว ”สวัสดีค่ะท่านหนานกง”
“อืม” เสียงของหนานกงจวิ้นเคล้าไปด้วยความเกียจคร้านและเย้ยหยัน ”เป็นยังไง ถูกไล่ออกมาจากวิลล่าหย่าเก๋อแล้วเหรอ”
เฉินลู่เหยามองซ้ายมองขวาด้วยความตกใจ ”ท่านหนานกง ท่านรู้ทุกอย่างจริงๆ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงจวิ้นหัวเราะด้วยความเยือกเย็น ”ทุกการกระทำของเธอล้วนอยู่ในการควบคุมของฉัน ดังนั้นอย่าคิดที่จะเจ้าเล่ห์เหมือนครั้งที่แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันฆ่าเธอได้ตลอดเวลา”
เฉินลู่เหยารู้สึกว่ามีสายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เธอ เธออดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นไปทั้งตัว ”ค่ะ ท่านหนานกงวางใจได้เลยค่ะ ฉันจะให้ความร่วมมือกับท่านเป็นอย่างดี” จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ ”ท่านหนานกงคะ ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดีคะ”
หนานกงจวิ้นครุ่นคิดด้วยความลึกล้ำ ”เรื่องวันนี้ ทำให้เกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว ต่อให้พวกเขาจะกลับมาคืนดีกัน แต่ถึงยังไงมันก็ส่งผลกระทบไปแล้ว เธอแค่สร้างเรื่องเหมือนวันนี้อีก จะรักกันแค่ไหนสุดท้ายก็พังทลายลงได้”
ดวงตาคู่สวยของเฉินลู่เหยาเปล่งประกาย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข ”ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากวางสาย เฉินลู่เหยามองไปยังหน้าต่างที่แสงแดดสาดส่องเข้ามา สีหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเธอสวยงามมาก สวยจนทำให้คนตัวสั่นสะท้าน
ไม่มีใครรู้ วันนี้เธอเอาอะไรไปเก็บไว้ในห้องของเหลิ่งรั่วปิง
*****
วันนี้ เหมือนว่าถูกกำหนดให้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ตอนเช้าสำนักข่าวใหญ่เผยรูปถ่ายหนานกงเยี่ยกอดเฉินลู่เหยาในบ้านพักของเธอ ตอนกลางวันก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง มีคนถ่ายรูปตอนที่หนานกงเยี่ยขับรถส่งเฉินลู่เหยากลับบ้านด้วยตนเอง คาดการณ์กันว่าเฉินลู่เหยากำลังจะเป็นคุณผู้หญิงหนานกง ขึ้นมาแทนที่เหลิ่งรั่วปิง แต่ก็มีสำนักข่าวที่วิเคราะห์ว่า หนานกงเยี่ยเห็นแก่ลูกในท้องของเหลิ่งรั่วปิง มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีภรรยาหนึ่งคนและเลี้ยงเมียน้อยอีกหนึ่งคน ดื่มด่ำกับความสุขของชีวิต
ข่าวใหญ่ระดับนี้ ได้รับความสนใจในเวลาสั้นๆ ในโลกอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ลอยฟุ้งไปทั่วราวกับต้นหลิว กระแสวิพากษ์วิจารณ์นี้ขุดคุ้ยเรื่องในอดีตออกมาอย่างรวดเร็ว มีคนโพสรูปและข่าวฉาวระหว่างหนานกงเยี่ยและเฉินลู่เหยาเมื่อห้าปีก่อน และมีคนโพสเรื่องบ้าคลั่งต่างๆ ที่หนานกงเยี่ยทำเพื่อเหลิ่งรั่วปิง สุดท้ายคนในสังคมพากันสับสน คุณชายหนานกงเยี่ยรักใครมากกว่ากันแน่
ด้วยเพราะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างเมียหลวงและเมียน้อยไม่หยุดหย่อน อยู่เต็มโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้เหลิ่งรั่วปิงถูกพูดถึงอีกครั้ง
ถึงแม้จะเป็นแค่เรื่องผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง ที่ผู้หญิงสองคนกำลังแย่งกัน แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหนานกงเยี่ย ทำให้กลายเป็นข่าวใหญ่ในซีหลิงและเอ้าตู
ตอนที่ไซ่ตี้จวิ้นเห็นข่าวนี้ เขากำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน มองพาดหัวข่าวด้วยความตกใจ นัยน์ตาของเขาหม่นหมอง ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง มือที่วางอยู่ตรงคอมพิวเตอร์กำหมัดแน่น
หนานกงเยี่ย นายได้ผู้หญิงที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ไปครอบครอง แต่กลับไม่เห็นคุณค่าของเธอ?
ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนานกงเยี่ย แต่เหลิ่งรั่วปิงถูกรังแกแบบนี้ เขาไม่ลังเลที่จะไปแย่งเธอกลับมา เขาเคยพูดแล้ว ขอเพียงเธอไม่มีความสุข หรือระหว่างพวกเขาเกิดปัญหาขึ้น เขาจะตามจีบเธออีกครั้ง
เงียบอยู่นาน เขากดไปที่เบอร์ภายในบริษัท สั่งผู้ชายของตน ”ช่วยฉันจัดการให้เรียบร้อย คืนนี้ฉันจะบินไปเมืองหลง”
ภายในวิหารของเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อ ณ ประเทศซีหลิง ซือคงอวี้ยกแท็บเล็ตขึ้นมาช้าๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยแรงสังหารที่ไม่อาจควบคุมได้…