เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 290 การกลับมาของเวินอี๋
หนานกงเยี่ยประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของเธอด้วยความทะนุถนอม ”ขอโทษนะครับ ที่รัก ผมมันไม่ดีเอง คุณอย่าโกรธเลยนะ เราไปรับเวินอี๋กันเถอะ หืม?”
สุดท้ายเหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า ตอนเช้าเธอเพิ่งตัดสินใจเชื่อใจเขา เวลานี้ถ้าเธอเอาแต่ไม่จบไม่สิ้นกับเรื่องนี้มันจะทำให้เธอดูงี่เง่า หยุดโกรธสักพักหนึ่งคือทางเลือกที่ดีที่สุด
หนานกงเยี่ยยิ้มด้วยความดีใจ ตอนนี้เขาอยากให้เวินอี๋มาอยู่บ้านกับเหลิ่งรั่วปิงอย่างมาก เขารู้สึกว่าตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงท้องเธอก็กลายเป็นคนอ่อนไหวและคิดมาก บางทีการที่มีเวินอี๋อยู่ด้วยแบบนี้อาจจะทำให้เธอมีความสุขมากยิ่งขึ้น
เวินอี๋รู้สึกว่าตนเองเผชิญหน้ากับมู่เฉิงซีได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีความกลัว ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณสิบวันก็ถึงวันแต่งงานของเหลิ่งรั่วปิงแล้ว เธอจึงกลับมาที่เมืองหลง นอกจากนี้ยังมีกู้จือเหาและไซ่หย่าเซวียนที่กลับมาพร้อมกับเธอ แน่นอนว่าที่กู้จือเหาตามเธอกลับมาเมืองหลงนั้นเพราะอยากจะกันเธอจากผู้ชายคนอื่น ส่วนไซ่หย่าเซวียนกลับมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเหลิ่งรั่วปิง
ตั้งแต่เล็กจนโตไซ่หย่าเซวียนเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ เธอมีเพื่อนไม่มากเท่าไร เหลิ่งรั่วปิงถือเป็นคนที่ดีประมาณหนึ่ง ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเธอนั้นเหนียวแน่น ถึงแม้การกลับมาเมืองหลงแล้วต้องเผชิญหน้ากับอวี้ไป่หันจะทำให้เธอประหม่า แต่เธอก็อยากมาร่วมแสดงความยินดีกับเหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเอง
กู้จือเหาจริงจังกับเวินอี๋มาก และอยากจะใช้โอกาสนี้มาเจอกับเหลิ่งรั่วปิง หวังว่าจะได้ความรู้สึกดีๆ จากเธอ อนุญาตให้เขาตามจีบเวินอี๋
ระหว่างทาง เหลิ่งรั่วปิงค่อยๆ มีความสุขขึ้นมา ตอนนั้นที่มู่เฉิงซีตัดสินใจแต่งงานกับซย่าอี่มั่ว เธอกลัวว่าเวินอี๋จะคิดสั้นมาก แต่วันนี้เห็นเวินอี๋กลับมาเหมือนเดิม ทำให้เธอรู้สึกดีใจกับเวินอี๋
เห็นเหลิ่งรั่วปิงอารมณ์ดีแล้ว หนานกงเยี่ยก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย ”ที่รักครับ ผมได้ยินมาว่าท้องสามเดือนก็ตรวจเพศของเด็กในท้องได้แล้ว พวกเราไปตรวจกันหน่อยดีไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองหนานกงเยี่ย ริมฝีปากชมพูระเรื่อของเธอเบะออกเล็กน้อย ”มันมีความหมายมากเหรอคะ หรือว่าถ้าเด็กในท้องไม่ใช่ผู้หญิง คุณก็จะไม่ให้ฉันคลอดลูกทั้งสองคน”
“แฮะๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเบาๆ ”ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ขอแค่เป็นลูกของคุณกับผม ผมก็รักทั้งนั้น ผมแค่อยากจะให้หลังจากตรวจเพศของลูกเสร็จ พวกเราจะได้เริ่มตั้งชื่อลูกกัน”
พูดถึงลูก รอบตัวของหนานกงเยี่ยมีออร่าความอบอุ่นเผยออกมา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเขาทำให้เหลิ่งรั่วปิงยิ้มไปด้วย หัวใจของเธอกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง ซบหน้าลงที่หัวไหล่ของหนานกงเยี่ย
บางทีการทะเลาะกัน อาจจะเป็นบทเรียนที่สามีภรรยาทุกคู่ต้องเรียนรู้ ทั้งเขาและเธอต่างเป็นคนที่ดื้อด้าน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองและอดทนเพื่อเธอ บางทีเธอควรที่จะใจกว้างกว่านี้หน่อย ไม่ว่าหนานกงเยี่ยจะไม่พอใจมากแค่ไหน แต่ในใจของเธอก็ยังมีซือคงอวี้และไซ่ตี้จวิ้น แต่หนานกงเยี่ยยังคงข่มความคิดเล็กคิดน้อยของเขาเอาไว้ บางทีเธอควรจะยอมให้ในใจของเขามีที่ว่างสำหรับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งที่ว่างนั้นไม่ใช่ที่ว่างสำหรับความรัก
ผู้หญิงคนหนึ่ง มักจะคิดทบทวนการกระทำของตนเอง อธิบายได้แค่ว่าเธอรักเขามากขึ้นเรื่อยๆ เหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจที่จะเชื่อหนานกงเยี่ยอีกครั้ง เธอได้แต่หวังว่า สุดท้ายความรักในครั้งนี้จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
สำหรับความอ่อนโยนของเหลิ่งรั่วปิง ทำให้หัวใจของหนานกงเยี่ยอ่อนระทวย ราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิที่ปัดเป่าเมฆฝน เขาห้ามใจไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ เสียงอ่อนโยนเปล่งออกมาจากลำคอ ”ที่รักครับ ผมรักคุณ รักคุณชั่วชีวิต รักคุณแค่คนเดียว ดังนั้นคุณต้องเชื่อใจผมนะครับ”
แววตาของเขาร้อนรุ่ม เหลิ่งรั่วปิงนึกถึงรสสัมผัสแนบชิดเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา แก้มของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย ฟาดมือไปที่เขาหนึ่งที ”ขับรถดีๆ ค่ะ”
ริมฝีปากของหนานกงเยี่ยเผยยิ้ม เขาไม่กล้าบอกเธอ ก่อนจะขับรถออกมา เขาได้แอบโทรหามู่เฉิงซี
ตอนที่ได้รับสายจากหนานกงเยี่ย มู่เฉิงซีกำลังประชุมที่สถานีตำรวจ ได้ยินหนานกงเยี่ยบอกว่าเวินอี๋มาถึงสนามบินเมืองหลงแล้ว เขาดีใจอย่างมาก จบการประชุมทันที จากนั้นก็รีบขับรถไปสนามบิน ห่างกันหนึ่งเดือน เขามีคำพูดมากมายอยากจะบอกกับเธอ
มาถึงสนามบิน เหลิ่งรั่วปิงเซอร์ไพรส์มากกว่าเดิม เธอคิดไม่ถึงว่าไซ่หย่าเซวียนจะมาด้วย แน่นอนเธอยิ่งคิดไม่ถึงว่า กู้จือเหาก็มาด้วย
เจอกู้จือเหาอีกครั้ง เหลิ่งรั่วปิงตกใจมาก ภาพลักษณ์ภายนอกของผู้ชายตรงหน้าแตกต่างจากตอนอยู่ที่ประเทศเอ้าตู เขาไม่ใช่คุณชายนิสัยไม่ดีอีกแล้ว ตอนนี้เขาแต่งตัวเรียบร้อย มีความเป็นสุภาพบุรุษและมีมารยาท ตอนที่เจอเธอเขามีความประหม่าเล็กน้อย
หนานกงเยี่ยเห็นกู้จือเหา รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น สายตาที่จับจ้องไปทางกู้จือเหาราวกลับน้ำแข็งที่เยือกเย็นบนภูเขาหิมะ มองจนกู้จือเหารู้สึกเสียวสันหลัง เขาคือหนานกงเยี่ย เทพแห่งธุรกิจของโลก คุณชายหนานกงที่มีชื่อเสีย แต่เขาก็เป็นผู้ชายที่รักภรรยาของตนเองมาก เขาหึงง่ายกว่าผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ ดังนั้น สำหรับกู้เจือเหา เขาไม่รู้สึกดีด้วยเลยสักนิด
เพราะสายตาของหนานกงเยี่ยที่มองมา ทำให้กู้จือเหาเกร็งมากกว่าเดิม ข้อมือที่รักษาหายมานานรู้สึกเจ็บขึ้นเล็กน้อย
เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนฉลาด แค่เห็นกู้จือเหาคอยยืนอยู่ข้างเวินอี๋ด้วยความใส่ใจ ทั้งยังช่วยเวินอี๋ลากกระเป๋าเดินทาง เธอก็พอจะมองออก แต่ว่าเธอไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด กู้จือเหาจีบเวินอี๋ ขณะที่เธอกำลังอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง เวินอี๋วิ่งมาหาด้วยรอยยิ้ม ”พี่รั่วปิง”
เหลิ่งรั่วปิงมองหน้าเวินอี๋ ความเจ็บปวดก่อตัวขึ้นในใจ ถึงแม้เวินอี๋จะบอกว่าตนลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว เธอกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไม่ว่าใครก็ดูออก เวินอี๋ทุกข์ทรมานอย่างมาก ผู้หญิงที่ผอมบางอยู่แล้ว ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เธอผอมลงยิ่งกว่าเดิม
ยิ่งเธอสงสารเวินอี๋มากเท่าใด ก็ยิ่งเกลียดมู่เฉิงซีมากเท่านั้น
ไซ่หย่าเซวียนยิ้มแล้วเดินเข้ามาหา ”รั่วปิง ฉันมาอาศัยกินข้าวในงานแต่งของเธอ เธอคงจะไม่รังเกียจใช่ไหม”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแล้วตีศีรษะของไซ่หย่าเซวียนเบาๆ ”จะรังเกียจได้ยังไง ไม่ว่ายังไงเธอก็เคยเป็นน้องของว่าที่เจ้าบ่าว ฉันจะให้เธอกินจนอิ่มแปล้ไปเลย”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยที่หงุดหงิดอยู่แล้ว ตอนที่เขาได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ยิ่งหน้างอมากกว่าเดิม ราวกับเมฆครึ้มที่ก่อตัวขึ้นตอนที่ฝนจะตก สิ่งนี้ทำให้กู้จือเหาเกร็งไปทั้งตัว เขาซ่อนข้อมือไปด้านหลังอย่างห้ามใจไม่ได้ นิสัยของคุณหนานกงเหี้ยมโหดมากแค่ไหน เขาได้รับบทเรียนมาแล้ว
หลังจากพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับไซ่หย่าเซวียน สายตาของเหลิ่งรั่วปิงจับจ้องไปที่กู้จือเหา ”คุณกู้ คุณถ่อมาถึงเมืองหลงแบบนี้ เพราะต้องมาทำงานหรือมาเที่ยวคะ”
กู้จือเหาถูกเหลิ่งรั่วปิงมองแบบนี้ ทำให้เขาประหม่าไปหมด ฝืนยิ้มประจบ ”หนิงซยา ไม่สิ รั่วปิง ผมมาเป็นเพื่อนเวินอี๋ครับ”
หนานกงเยี่ยเป็นคนฉลาด แค่มองก็ดูออกว่าจุดประสงค์ของกู้จือเหาคืออะไร เขารู้สึกเคืองตาขึ้นมาทันที
มู่เฉิงซีอยากจะกลับมาคืนดีกับเวินอี๋ รอคอยเวินอี๋จนผมแทบจะหงอกหมดทั้งหัวแล้ว ตอนนี้มีกู้จือเหาโผล่เข้ามา อย่าพูดถึงเลยว่ามู่เฉิงซีจะเป็นอย่างไรตอนที่รู้เรื่องนี้ เขาที่รู้เรื่องนี้เป็นคนแรกยังรับไม่ได้ ในความรู้ความเข้าใจของเขา เวินอี๋ต้องแต่งงานกับมู่เฉิงซีเท่านั้น
ดังนั้นหนานกงเยี่ยจึงไม่รู้สึกดีกับกู้จือเหาแม้แต่น้อย ความแค้นเก่าและใหม่ปะทุออกมาพร้อมกัน ”กู้จือเหา นายใจกล้าเกินไปแล้วรึเปล่าฮะ!” แววตาของเขาคล้ายว่าจะฉีกกู้จือเหาเป็นชิ้นๆ
กู้จือเหาตกใจจนหน้าซีดขาว รีบอธิบาย ”คุณหนานกงครับ คุณสบายใจได้ ผมไม่ยุ่งกับคุณรั่วปิงแล้วครับ”
ไซ่หย่าเซวียนหันไปมองกู้จือเหา แล้วรีบช่วยเขาพูด ”คุณหนานกง ตอนนี้จือเหากลับตัวกลับใจแล้ว เขาเคยจีบรั่วปิงก็จริง แต่ตอนนี้เขาตัดใจจากรั่วปิงแล้ว นั่นเป็นแค่เรื่องในอดีตเท่านั้น คุณอย่าถือสาเขาอีกเลย ตอนนั้นคุณทำร้ายจนข้อมือของเขาหัก ยังไม่พอใจอีกหรือไงคะ”
“!!!”เสียงตกตะลึงดังขึ้นในความคิดของเหลิ่งรั่วปิง ที่ตอนนั้นกู้จือเหาข้อมือหักเป็นฝีมือของหนานกงเยี่ย เขาเป็นผู้ชายที่ชอบใช้กำลังจริงๆ!
เหลิ่งรั่วปิงมองไปทางหนานกงเยี่ยด้วยแววตาเยือกเย็น แววตาเต็มไปด้วยความตำหนิ มองจนหนานกงเยี่ยรู้สึกเหมือนมีมีดเล่มเล็กกำลังทิ่มแทงไปทั่วทั้งตัว เขาหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยความประหม่า พร้อมกับพูดขอโทษมู่เฉิงซีในใจ เรื่องของเวินอี๋เขาไม่ยุ่งแล้ว แค่เข้าไปยุ่งนิดหน่อยภรรยาที่ดุเหมือนเสือของเขาก็พร้อมจะข่มขู่ ช่วงนี้เพราะเรื่องของเฉินลู่เหยา ทำให้เหลิ่งรั่วปิงโกรธ เขาไม่กล้าทำให้เธอโมโหอีกแล้ว ดังนั้นคุณชายหนานกงที่สูงศักดิ์ราวกับเทพ เมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยาก็กลายเป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายในทันที
เหลิ่งรั่วปิงมองกู้จือเหาครู่หนึ่ง อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สมควร กู้จือเหากลายเป็นคนดีจริงหรือไม่ ตอนนี้เธอยังไม่แน่ใจ แต่ว่าเวินอี๋เพิ่งจบกับมู่เฉิงซีได้ไม่นาน แล้วมาคบกับกู้จือเหาแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีกันแน่ เธอกลัวว่าเวินอี๋จะต้องเสียใจอีกครั้งจริงๆ
เวินอี๋ฉลาดมาก รู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงกำลังกังวลเรื่องอะไร เธอยิ้มแล้วพูดเสียงเบา ”พี่รั่วปิง ฉันกับจือเหาเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ คุณไซ่แนะนำให้ฉันไปฝึกงานที่บริษัทของเขา”
เรื่องที่ไซ่ตี้จวิ้นทำ เหลิ่งรั่วปิงวางใจอย่างมาก เขากล้าเอาเวินอี๋ไปอยู่ใกล้ชิดกับกู้จือเหา เท่ากับว่ากู้จือเหาในตอนนี้ไว้วางใจได้ ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงโล่งอก หันไปมองกู้จือเหาด้วยแววตาเป็นมิตร ”คุณกู้ ขอบคุณที่ดูแลเวินอี๋นะคะ”
ความเป็นมิตรของเหลิ่งรั่วปิง กู้จือเหาสัมผัสได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงยิ้มด้วยความสบายใจขึ้นมาก ”คุณรั่วปิง คุณอย่าเกรงใจผมเลยครับ” นึกถึงเรื่องที่เขาเคยไปตามตอแยเธอในอดีต เขายังคงรู้สึกเกรงใจ
เพราะความเยือกเย็นของหนานกงเยี่ย ทำให้กู้จือเหาไม่กล้าพูดอะไรมาก ส่งยิ้มให้เหลิ่งรั่วปิงอย่างเป็นมิตร แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
บรรยากาศกระอักกระอ่วนเล็กน้อย บรรยากาศนี้ถูกทำลายโดยการมาของมู่เฉิงซี
มู่เฉิงซีรีบวิ่งมายังอาคารผู้โดยการขาเข้า กวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็เห็นทุกคน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบวิ่งมา โดยไม่สนใจสายตารังเกียจของเหลิ่งรั่วปิง ”เวินอี๋”
แววตาของมู่เฉิงซีแสดงความคิดถึง ราวกับน้ำที่ชโลมตัวเวินอี๋ ตั้งแต่เวินอี๋จากไป เขาคิดถึงเธอทุกคืนวัน คิดถึงความอ่อนโยนของเธอ ใบหน้าของเธอ คำพูดของเธอ รอยยิ้มของเธอ กลิ่นของเธอ คิดถึงทุกอย่างของเวินอี๋ และวันนี้เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาต้องพยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ดึงตัวเธอเข้ามาก่อน
เวินอี๋ผอมลงไปมาก มู่เฉิงซีปวดร้าวไปทั้งหัวใจ
เห็นได้ชัด เวินอี๋คิดไม่ถึงว่ามู่เฉิงซีจะมาที่นี่ ดังนั้นสีหน้าของเธอจึงตกตะลึง หัวใจของเธอเต้นแรงจนไม่อาจควบคุมได้ ก่อนกลับมา เธอคิดว่าตนเองทำใจได้แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว แต่วินาทีที่เห็นมู่เฉิงซี เห็นแววตาคู่นั้นของเขา ร่วมกับใบหน้าซูบผอมและอิดโรยของเขา สุดท้ายมันทำให้เธอรู้ว่า เธอยังตัดใจจากเขาไม่ได้ วันเวลาที่อยู่ด้วยกัน ตอนที่เขากระซิบพูดคำหวานข้างหูเธอ ภาพต่างๆ ฉายออกมาในความคิด ทำให้ใบหน้าของเวินอี๋แดงระเรื่อ