เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 292 การแก้แค้นของรั่วปิง
สีหน้าคมคายของมู่เฉิงซีหม่นหมองลง น้ำเสียงหนักแน่น ”แม่ครับ ช่วยระวังคำพูดตัวเองหน่อย!”
คุณนายมู่มองมู่เฉิงซีด้วยความโมโห ”แม่พูดผิดหรือไง ลูกแต่งงานกับอี่มั่วแล้ว แต่ไม่ยอมกลับบ้านไปเข้าห้องหอ เอาแต่คิดถึงผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ วันนี้ถ้าแม่ไม่ตามลูกมา ลูกจะเลี้ยงนางผู้หญิงคนนี้เอาไว้นอกบ้านใช่ไหม”
เลี้ยง คำพูดนี้ทำให้เวินอี๋เจ็บปวด ความรักที่ครั้งหนึ่งเธอเคยภาคภูมิใจ เวลานี้กลับกลายเป็นการเลี้ยงดู
ซย่าอี่มั่วเดินเข้ามาด้วยความเชื่อฟัง พร้อมกับช่วยลูบหลังให้คุณนายมู่ ”แม่คะ อย่าโมโหเลยนะคะ เฉินซีแค่หลงผิดไปเท่านั้น สักวันเขาต้องคิดได้ค่ะ”
คุณนายมู่ชี้หน้าด่ามู่เฉิงซีด้วยความปวดใจ ”ลูกดูสิ ผู้หญิงที่ลูกแต่งงานด้วยดีแค่ไหน แต่ลูกกลับไม่รู้จักเห็นค่า!” หันไปมองเวินอี๋ด้วยแววตาเหี้ยมโหด ”เพราะนางผู้หญิงแพศยาคนนี้ทำให้ลูกไม่มีชีวิตที่สงบ วันนี้แม่จะสั่งสอนมันให้หลาบจำ!”
ขณะพูด คุณนายมู่เดินไปด้านหน้า พร้อมกับยกมือขึ้นจะตบเวินอี๋
วินาทีที่มือของคุณนายมู่ตบลงมา มีคนสองคนออกโรงพร้อมกัน มู่เฉิงซีกอดเวินอี๋เอาไว้ ส่วนเหลิ่งรั่วปิงคว้าข้อมือของคุณนายมู่เอาไว้
คุณนายมู่ตกใจจนทำตัวไม่ถูก ”คุณผู้หญิงหนานกง คุณทำแบบนี้หมายความว่าอะไร”
ความสัมพันธ์ระหว่างเหลิ่งรั่วปิงและเวินอี๋ คุณนายมู่ไม่รู้ ถ้าเธอรู้ ก่อนหน้านี้เธอไม่มีวันกล้าทำแบบนั้นกับเวินอี๋แน่นอน
วินาทีที่เหลิ่งรั่วปิงจับข้อมือของคุณนายมู่ ซย่าอี่มั่วรู้ว่าตนเองคิดผิดไปแล้วทันที ซึ่งก็คือเธอไม่ควรให้คุณนายมู่และเหลิ่งรั่วปิงอยู่ด้วยกัน ก่อนหน้านี้เธอบอกให้คุณนายมู่จัดการเวินอี๋นั้นราบรื่นมาก แต่ถ้าคุณนายมู่รู้ว่าเวินอี๋เป็นน้องสาวของเหลิ่งรั่วปิง ถ้าอย่างนั้นคุณนายมู่ต้องไม่กล้าเตะต้องเวินอี๋อีกแน่นอน คุณนายมู่เป็นผู้หญิงฉลาด ให้ความสำคัญกับการแต่งงานที่สมฐานะ ถ้าหากได้เกี่ยวดองกับหนานกงเยี่ย ต้องไม่เห็นตระกูลซย่าอยู่ในสายตาอย่างแน่นอน
ถึงแม้คุณนายมู่กับคุณแม่ของซย่าอี่มั่วจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่เมื่อเอาความสัมพันธ์มาเทียบกับผลประโยชน์ของตระกูล แน่นอนว่าผลประโยชน์ของตระกูลสำคัญกว่า
ดังนั้น ซย่าอี่มั่วจึงรู้สึกเครียดขึ้นมาแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงเพิ่มน้ำหนักมือมากขึ้น ถึงแม้คุณนายมู่จะเจ็บแต่กลับไม่กล้าพูด ”คุณนายมู่ คุณด่าว่าน้องสาวของฉันเป็นผู้หญิงแพศยา คิดว่าครอบครัวของเราไม่มีใครหรือไงคะ”
“ฮะ?” คุณนายมู่มองเวินอี๋ด้วยความตกตะลึง แล้วหันไปมองเหลิ่งรั่วปิง ”เวินอี๋ เป็นน้องสาวของคุณ”
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้มเย็นยะเยือก ”ใช่ค่ะ” แววตาเยือกเย็นของเหลิ่งรั่วปิงกวาดมองที่ใบหน้าของคุณนายมู่ ทำให้คุณนายมู่หนาวสะท้านไปถึงกระดูก ”ฉันจำเป็นต้องพูดกับคุณให้ชัดเจนนะคะ น้องสาวของฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่มู่เฉิงซีเลี้ยงเอาไว้ แต่เป็นผู้หญิงที่เขาตามจีบด้วยความไร้ยางอาย ทั้งยังคุกเข่าขอเธอแต่งงาน สุดท้ายตอนจบมันเป็นแบบนี้ พูดได้แค่ว่าน้องสาวของฉันมีตาแต่ไม่มีแวว รักผู้ชายผิดคน ตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลมู่ของพวกคุณ น้องสาวของฉันไม่คิดอยากได้”
แววตาของเหลิ่งรั่วปิงเยือกเย็น มองลึกเข้าไปในนัยน์ตาของคุณนายมู่ด้วยความบีบเค้น ทำให้คุณนายมู่รู้สึกตัวเล็กลงสามเท่า ”คุณนายมู่ ถึงแม้ความรักครั้งนี้ของน้องสาวฉันมันจะไร้ค่ามาก แต่ความอับอายที่ตระกูลมู่ทำให้เรา ฉันจะทวงคืนกลับมา!”
กรึก!
สิ้นเสียงของเหลิ่งรั่วปิง คุณนายมู่ถึงกับไหล่หลุด หัวไหล่ของเธอทิ้งตัวไปมาบนอากาศราวกับกระดิ่ง
เหลิ่งรั่วปิงไม่เคยลืมความอัปยศที่คุณนายมู่ทำให้เวินอี๋ เธอคิดจะแก้แค้นตั้งแต่วันแต่งงานของมู่เฉิงซี แต่เวินอี๋ห้ามเธอเอาไว้ วันนี้คนตระกูลมู่ยังใจกล้าแบบนี้ แล้วจะให้เธอทนได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงใช้แรงระดับหนึ่ง และใช้ทักษะเล็กน้อย ถึงแม้จะแค่ไหล่หลุด แต่คุณนายมู่ก็เจ็บจนเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก เรี่ยวแรงในร่างกายหายไปหมด เธอยืนอยู่ตรงนั้น คล้ายกับหญ้าที่โบกปลิวไปตามแรงลม
ท่าทีน่าเวทนาของคุณนายมู่ ทำให้เวินอี๋ตกใจอย่างมาก เธอรีบวิ่งไปหาเหลิงรั่วปิง ”พี่รั่วปิง อย่าถือสาเลยค่ะ”
มู่เฉิงซีเองก็ดึงสติกลับมา รีบเดินไปหาคุณนายมู่ แล้วโอบกอดคุณนายมู่เอาไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ”แม่ครับ”
คุณนายมู่เจ็บจนไม่มีแรงในการพูด ใช้มือข้างที่ไม่ได้เป็นอะไรชี้หน้าเหลิ่งรั่วปิง แล้วชี้หน้าเวินอี๋ พร้อมทั้งมองมู่เฉิงซีด้วยแววตาตำหนิ ”เฮ้อ ทำไม…ลูกไม่บอกเร็วกว่านี้”
พูดจบ ภาพตรงหน้าคุณนายมู่มืดสนิท แล้วเป็นลมหมดสติในอ้อมกอดของมู่เฉิงซี
มู่เฉิงซีช้อนตัวคุณนายมู่ขึ้นมา มองไปที่เหลิ่งรั่วปิง ”เหลิ่งรั่วปิง ตอนนี้คุณหายโมโหแล้วหรือยัง” ถ้าเธอหายโมโหจะได้ไม่ต้องขวางเขาในการเจอเวินอี๋อีก
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเยือกเย็น ”คุณมู่เฉิงซี วันนี้ความแค้นระหว่างเราจบลงเท่านี้ แต่อย่าให้ฉันเห็นว่าคุณไปยุ่งกับเวินอี๋อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะเผาบ้านของคุณทิ้ง!”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงจับมือเวินอี๋ แล้วเดินออกไปจากอาคารผู้โดยสารขาเข้า หนานกงเยี่ยตบแขนมู่เฉิงซีเบาๆ เป็นการปลอบโยน จากนั้นก็รีบวิ่งตามเหลิ่งรั่วปิงออกไป ส่วนกู้จือเหาและไซ่หย่าเซวียนเองก็ทยอยตามกันออกไป
มู่เฉิงซีถอนหายใจ แล้วอุ้มคุณนายมู่ออกไป โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองซย่าอี่มั่ว
ซย่าอี่มั่วกำลังเจ็บใจที่วันนี้ตนได้ทำความผิดครั้งใหญ่ ดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งตามไป ”เฉิงซี?”
“ไสหัวไป!” มู่เฉิงซีพูดด้วยเสียงเย็นชา แล้วเดินออกไป
ซย่าอี่มั่วยืนอยู่ในอาคารผู้โดยสารขาเข้าตามลำพัง เธอกำหมัดแน่น ใบหน้าสวยๆ ของเธอเคร่งเครียดอย่างมาก แก้มทั้งสองข้างของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย เธอรู้สึกโมโหอย่างมาก คว้าปืนออกมายิง
ปัง ปัง ปัง!
โคมไฟในอาคารผู้โดยสารขาเข้าตกลงมานับสิบดวง
พนักงานในสนามบินรีบวิ่งมา กำลังจะต่อว่าเธอ แต่เมื่อเห็นว่าเธอคือคุณหนูซย่า เขาจึงถามด้วยความเคารพ ”คุณหนูซย่าไม่พอใจอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไสหัวไป!” ซย่าอี่มั่วด่ากราดด้วยความโมโห จากนั้นก็ออกไปจากสนามบินด้วยความร้อนใจ
เพื่อขอบคุณกู้จือเหาและไซ่หย่าเซวียนที่คอยดูแลเวินอี๋ เหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจให้พวกเขาพักที่โรงแรมอิมพีเรียล ปกติการรวมตัวกันแบบนี้ ต้องถูกจัดขึ้นที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ แต่เพื่อไม่ให้ไซ่หย่าเซวียนรู้สึกกระอักกระอ่วน ดังนั้นเธอจึงเลือกมาที่โรงแรมอิมพีเรียล
ภายในห้อง กู้จือเหานั่งอยู่ข้างเวินอี๋ คอยตักอาหารให้เธอ เขาทั้งสุภาพและใส่ใจในรายละเอียด หนานกงเยี่ยมองด้วยความขัดตา แต่ก็ไม่กล้าทำให้เหลิ่งรั่วปิงต้องหงุดหงิด ดังนั้นเขาจึงนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เมื่อทนมองต่อไปไม่ได้ เขาจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ อยากจะยืนหลบอยู่ตรงทางเดินเพื่อสูบบุหรี่ แต่นึกขึ้นมาได้กะทันหัน ครั้งที่แล้วตั้งแต่ตามเหลิ่งรั่วปิงกลับมาจากประเทศเอ้าตู เธอขอให้เขาเลิกสูบบุหรี่ ดังนั้นเขาจึงเลิกสูบ ไม่พกบุหรี่ติดต่อแม้แต่มวนเดียว
สุดท้ายเขาหัวเราะเยาะตนเอง แล้วเปิดห้องอีกห้องหนึ่ง นั่งทำงานอยู่ภายในห้องนั้นตามลำพัง
หลังจากหนานกงเยี่ยออกไป ไซ่หย่าเซวียนและกู้จือเหารู้สึกว่าภูเขาลูกใหญ่ได้อพยพไปแล้ว ทั้งสองรู้สึกโล่งอกอย่างมาก
ไซ่หย่าเซวียนชูนิ้วโป้งให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยความดีใจ ”รั่วปิง เมื่อกี้เธอทำได้ดีมากเลย!” ดวงตากลมโตสีนิลกรอกไปมา เม้มกัดริมฝีปากด้วยความซุกซน ”ถ้าให้ฉันพูด ยังไม่หายโมโหเลย เมื่อกี้เธอน่าจะดึงแขนของยัยป้านั่นลงมา แล้วตบคนสารเลวมู่เฉิงซีสักสองสามที”
ถึงแม้จะผิดหวังกับมู่เฉิงซี แต่เวินอี๋ไม่อยากได้ยินคนอื่นด่าเขา เธอสูดลมหายใจเข้า มองกู้จือเหาด้วยความรู้สึกผิด ”จือเหา เมื่อกี้ฉันใช้คุณเป็นเครื่องมือ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
กู้จือเหายิ้มด้วยความไม่ใส่ใจ ”การที่คุณใช้ผมเป็นเครื่องมือ ผมดีใจมากครับ”
เหลิ่งรั่วปิงสังเกตกู้จือเหามาโดยตลอด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเวินอี๋นั้นเป็นความจริง ”กู้จือเหา คุณอยากจีบเวินอี๋จริงๆ เหรอคะ”
“ครับ” กู้จือเหาวางตะเกียบลงด้วยความสุภาพ มองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความจริงใจ ”รั่วปิง เมื่อก่อนผมมันเลวมาก ผมรู้ว่าการจะได้รับความเชื่อใจจากคุณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณเชื่อผมเถอะนะครับ ผมกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ และผมก็จริงจังกับเวินอี๋มากด้วย ผมคบกับเธอโดยหวังแต่งงาน หวังว่าคุณจะให้โอกาสผม มาเมืองหลงในครั้งนี้ ผมเองก็มาเพื่อขออนุญาตจากคุณ”
เหลิ่งรั่วปิงมองกู้จือเหาอย่างพิจารณา ”คบเพื่อหวังแต่งงาน? คุณชายตระกูลไฮโซอย่างคุณ ตัดสินใจชีวิตแต่งงานของตนเองได้ด้วยเหรอคะ”
“ครับ ไม่มีปัญหา” กู้จือเหาพยักหน้า ”ตั้งแต่เรื่องของฉู่หนิงซยาที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วทั้งเมือง พ่อกับแม่และพี่ชายของผมก็ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของผมอีกเลย เรื่องนี้พี่ตี้จวิ้นเป็นพยานได้ครับ”
แน่นอนว่าเหลิ่งรั่วปิงไว้วางใจไซ่ตี้จวิ้นได้ เขาให้เวินอี๋ไปทำงานใกล้ชิดกับกู้จือเหา คิดว่าคงอยากจะให้ทั้งสองได้รักกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้กู้จือจะกลายเป็นคนดีแล้ว แต่ว่า ”กู้จือเหา เวินอี๋เพิ่งจบความสัมพันธ์ที่ไม่ดีลงไปได้ไม่นาน เธอต้องการเวลา ฉันไม่คัดค้านเรื่องที่คุณอยากจะจีบเธอ แต่ฉันอยากให้คุณให้เกียรติเวินอี๋ด้วย”
กู้จือเหาพยักหน้าด้วยความรู้สึกตื้นตัน ”วางใจเถอะครับ ผมไม่กล้ารังแกเธอ” หัวเราะเยาะตัว ”ผมกลัวว่าจะต้องตายภายใต้มีดบินของคุณ”
ท่าทีของกู้จือเหา ทำให้ไซ่หย่าเซวียนหัวเราะ เหลิ่งรั่วปิงเองก็หัวเราะด้วยความสง่างาม ส่วนเวินอี๋นั้นเขินอายจนหน้าแดงระเรื่อ ”ไม่ต้องพูดเรื่องของฉันแล้วค่ะ กู้จือเหา ถ้าขืนคุณยังตรงไปตรงมาแบบนี้อีกฉันจะไม่ไปทำงานกับคุณแล้วนะคะ”
กู้จือเหารีบตักอาหารเพื่อเป็นการขอโทษเธอ ”ครับๆ ไม่พูดแล้วครับ”
เมื่อเทียบกับความเหี้ยมโหดของมู่เฉิงซี กู้จือเหาถือเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและอ่อนโยนมาก ทั้งยังสุภาพมากด้วย แววตาของเหลิ่งรั่วปิงฉายความยินดี ถ้าหากกู้จือเหาทำให้เวินอี๋ลืมความรักครั้งนี้ได้ เธอเองก็ยินดีอย่างมาก
ประตูห้องถูกเปิดกะทันหัน อวี้ไป่หันพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับหายใจหอบ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ไซ่หย่าเซวียน แววตาของเขาราวกับค้นพบขุมทรัพย์หลังจากเดินข้ามผ่านภูเขานับพันลูก
คนในห้องที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน หันไปมองอวี้ไป่หัน เหลิ่งรั่วปิงยักไหล่ ลูบจับหน้าผากด้วยความจนปัญญา
เวินอี๋และกู้จือเหาไม่ได้แสดงท่าทีอะไร พวกเขาเพียงแค่ก้มหน้าลงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ไซ่หย่าเซวียนกลับเหมือนมีน้ำแข็งก่อตัวขึ้นบนตัวของเธอ เธอนั่งตัวแข็งทื่อ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าควรจะทำสีหน้าอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอวี้ไป่หันอีกครั้ง ถึงแม้ระหว่างทั้งคู่จะไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ความชอบและการรุกจีบของอวี้ไป่หัน แสดงออกมาอย่างชัดเจน ตอนนั้นเธอได้รับการดูแลจากอวี้ไป่หันเป็นอย่างดี หลังจากที่เธอเลือกฉู่เทียนรุ่ยแล้ว เธอก็ไม่คิดที่จะเจอกับอวี้ไป่หันอีก วันนี้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง เธอทั้งรู้สึกประหม่าและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน
อวี้ไป่หันดีใจอย่างมากที่ได้เจอไซ่หย่าเซวียนอีกครั้งหนึ่ง เขาไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของไซ่หย่าเซวียน เขายิ้มสดใส เดินมานั่งข้างๆ หญิงสาว ”ไซ่หย่าเซวียน คุณมาได้ยังไงครับ”
กลิ่นความเป็นชายของอวี้ไป่หันโอบล้อมไซ่หย่าเซวียน ไซ่หย่าเซวียนยิ้มด้วยความประหม่า ”อวี้ไป่หัน คุณสบายดีไหมคะ”
อวี้ไป่หันยิ้มเยาะตนเอง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ไซ่หย่าเซวียนตลอดเวลา ”แล้วคุณคิดว่ายังไงครับ”