เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 294 หนานกงเยี่ยเป็นคนกลางที่น่ากระอักกระอ่วน
หลังจากกู้จือเหาดูกล้องวงจรปิด หัวใจของเขาก็ยิ่งหนักอึ้งด้วยความเป็นห่วง ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วหันไปมองเหลิ่งรั่วปิง ”รั่วปิง มู่เฉิงซีจะเอาตัวเวินอี๋ไปไว้ที่ไหน”
แววตาของเหลิ่งรั่วปิงราวกับคบเพลิง ความเยือกเย็นไปถึงขีดสุด ”มู่เฉิงซีเป็นตำรวจ เขาฉลาดและใจเย็น ทั้งยังมีความคิดรอบคอบ เชี่ยวชาญในด้านวิเคราะห์ความรุนแรง ดังนั้นเขาต้องพาเวินอี๋ไปในที่ที่เราไม่มีวันหาเจอ”
กู้จือเหาเป็นกังวล ”แล้ว…แล้วจะทำยังไงครับ”
เหลิ่งรั่วปิงทำหน้านิ่ง เดินออกมาจากห้องควบคุม เธอเดินตรงไปยังห้องที่หนานกงเยี่ยอยู่ ถีบประตูอย่างแรง สายตาของเธอจับจ้องไปยังหนานกงเยี่ยที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ”คุณหนานกงเยี่ย คุณยังมีหน้ามานั่งทำงานในนี้อยู่อีกเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจ ”มีอะไรหรือเปล่าครับที่รัก” เขาไม่กล้าบอกเหลิ่งรั่วปิง เขารู้สึกร้อนตัวอย่างมาก เพราะเขาเป็นคนจงใจปล่อยมู่เฉิงซีไป
สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงเคร่งขรึม อยากจะยัดหนานกงเยี่ยเข้าปากแล้วเคี้ยวให้เละ ”แสดงละคร แสดงละครตบตาต่อไปสิคะ!”
สายตาเย็นยะเยือกของหนานกงเยี่ยจับจ้องไปยังกู้จือเหาที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลิ่งรั่วปิง จนกระทั่งบีบให้กู้จือเหาออกไปจากห้อง ตอนที่ภายในห้องเหลือแค่พวกเขาสองคนสามีภรรยา หนานกงเยี่ยกลายเป็นพ่อบ้านที่กลัวภรรยาทันที เขายิ้มแล้วเดินไปออดอ้อนเธอ ”ที่รักครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นทำไมถึงโมโหขนาดนี้ หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงปัดมือของหนานกงเยี่ยที่ยื่นมา ”มู่เฉิงซีลักพาตัวเวินอี๋ไป คุณเป็นคนปล่อยเขาไปใช่ไหมครับ”
หนานกงเยี่ยลูบจมูกด้วยความร้อนตัว พูดออดอ้อนต่อ ”ที่รัก เรื่องบางเรื่องคุณเองก็ไม่รู้ เฉิงซีรักและจริงใจกับเวินอี๋มาก ถ้าเวินอี๋คบกับกู้จือเหาจริงๆ มู่เฉิงซีต้องฆ่าเขาแน่ๆ”
“ถุย!” เหลิ่งรั่วปิงโมโหจนอยากจะสบถด่าหยาบ ”ถ้าจริงใจกับเวินอี๋ก็อย่าไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วให้เวินอี๋เป็นแค่นางบำเรอ คุณหนานกงเยี่ย ทั้งคุณและมู่เฉิงซีสารเลวพอๆ กัน!”
ขณะพูด เหลิ่งรั่วปิงยกเท้ากวาดขึ้นมาแล้วเตะไปที่หนานกงเยี่ หนานกงเยี่ยตกใจจนรีบวิ่งไปกอดเธอเอาไว้ ”อย่าสิครับที่รัก คุณอย่าโมโหนะ หืม ตอนนี้คุณกำลังท้องกำลังไส้ อย่าใช้ความรุนแรงเลยครับไม่อย่างนั้นจะเสียสุขภาพเอาได้” โน้มตัวลงแล้วช้อนตัวเธอขึ้นมา จากนั้นวางเหลิ่งรั่วปิงไว้บนเก้าอี้ ”มาๆๆ มานั่งพักก่อน”
เหลิ่งรั่วปิงผลักหนานกงเยี่ยที่กำลังจะเดินมานั่งข้างเธอ ”รีบสั่งให้คนตามหาเวินอี๋ ทั่วทั้งเมืองหลงเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันจะไปเผาบ้านตระกูลมู่!”
เส้นเลือดที่ขมับของหนานกงเยี่ยถึงกับเต้นกะทันหัน เขารู้จักภรรยาของตนเป็นอย่างดี ด้วยนิสัยอารมณ์ร้อนและเกรี้ยวกราดของเธอ ถ้าโมโหขึ้นมาเธอเผาบ้านตระกูลมู่ได้จริงๆ ”ที่รักครับ ฟังผมพูดก่อน ความเป็นจริงเฉิงซีมันยังไม่ได้แต่งงานกับซย่าอี่มั่ว…”
หนานกงเยี่ยพูดเสียงเบา พยายามเอาอกเอาใจภรรยา ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขาคนนี้จะเป็นจอมมารร้ายที่ไม่ว่าใครมีปัญหาด้วยก็ต้องถูกฆ่าไม่ก็ตายทั้งเป็น
หลังจากฟังหนานกงเยี่ยอธิบายจนจบ เหลิ่งรั่วปิงจับจ้องไปที่ดวงตาเฉียบคมของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ”คุณบอกว่าเรื่องที่มู่เฉิงซีจดทะเบียนสมรสกับซย่าอี่มั่วเป็นเรื่องโกหก”
“ครับ!” หนานกงเยี่ยพยักหน้า ”ดังนั้น เฉิงซีมันพยายามทำทุกอย่างเพื่อเวินอี๋แล้ว คุณต้องเข้าใจเฉิงซีนะครับ คงจะปล่อยให้ปู่ของเฉิงซีตายเพราะมันไม่ได้ และบีบให้แม่ของเฉิงซีคุกเข่าอ้อนวอนมันไม่ได้ นอกจากนี้ยังโวยวายบอกว่าจะกระโดดตึกอะไรนี่อีก”
เหลิ่งรั่วปิงเงียบและครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่เธอยังคงหัวเราะเย้ยหยัน ”แล้วยังไงคะ ก่อนที่เวินอี๋จะถูกคุณนายมู่ตบหน้า มู่เฉิงซีต้องการที่จะแต่งงานกับซย่าอี่มั่วจริงๆ ทั้งยังบอกให้เวินอี๋ยอมแพ้เรื่องการแต่งงาน แต่เพราะซย่าอี่มั่วเสี้ยมให้คุณนายมู่ทำลายขีดความอดทนของเขา เขาจึงเปลี่ยนแผน มู่เฉิงซีทำผิดตั้งแต่แรก ดังนั้นไม่ควรค่าที่จะให้อภัย!”
เหลิ่งรั่วปิงยืนขึ้นด้วยความโมโห ”คุณหนานกงเยี่ย คุณรีบไปตามหาเวินอี๋เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปตามหาด้วยตนเอง คุณไปอยู่กับเฉินลู่เหยาของคุณซะ”
“ฟืด!”หนานกงเยี่ยโมโหจนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เกี่ยวอะไรกับเฉินลู่เหยา เรื่องของผู้หญิงคนนี้เหลิ่งรั่วปิงปล่อยผ่านมันไปไม่ได้? ”คุณอย่าอะไรนิดอะไรหน่อยก็เอาลู่เหยามาพูดได้ไหม ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ดีว่าระหว่างผมกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น”
“หึ ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่มีข่าวฉาวไปทั่วเนี่ยนะ ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่กอดกันกลมทั้งที่แทบเปลือยเปล่า ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่กลับรับเธอมาอยู่ที่บ้าน!”
หนานกงเยี่ยถูกเหลิ่งรั่วปิงประชดประชันจนรู้สึกเหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ในใจ เขากัดฟันแน่นแล้วมองไปที่ดวงตาคู่สวยของเหลิ่งรั่วปิง ”ครับๆ ผมจะสั่งคนไปตามหาเดี๋ยวนี้เลย พอใจหรือยัง”
ในที่สุดเหลิ่งรั่วปิงก็โล่งอก มองค้อนไปที่หนานกงเยี่ยด้วยสายตาเย็นชา ”ยังไม่รีบไปอีก?”
หนานกงเยี่ยกลัวเหลิ่งรั่วปิงจะโมโห เขาจับมือเหลิ่งรั่วปิงด้วยความระมัดระวัง ”ครับๆๆ ผมส่งคุณกลับไปพักก่อน แล้วสั่งให้ก่วนอวี้ไปตามหาเวินอี๋นะครับ หืม”
ขณะพูด หนานกงเยี่ยเอื้อมมือไปจับเหลิ่งรั่วปิงเพื่อพาเธอเดินออกไปด้านนอก แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับสะบัดมือทิ้งอย่างแรงโดยไม่ไว้หน้าเขา ”ฉันเดินเองได้ค่ะ”
หนานกงเยี่ยหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ตอนนี้เขาไม่กล้าหาเรื่องเธอแม้แต่น้อย ผู้หญิงเวลาท้องมีอำนาจยิ่งกว่าสวรรค์ เรื่องของเฉินลู่เหยาทำให้เขาโต้เถียงเธอไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังมีเรื่องมู่เฉิงซีเพิ่มเข้ามาอีก หนานกงเยี่ยอยากจะคว้าตัวมู่เฉิงซีมาต่อยให้หายโมโห เรื่องของเขากับเวินอี๋ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว มู่เฉิงซีเคยรู้บ้างไหม
กลับไปถึงวิลล่าหย่าเก๋อ เหลิ่งรั่วปิงไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกดีขึ้น ในทางกลับกันเธอโมโหยิ่งกว่าเดิม อยากจะฉีกร่างมู่เฉิงซีเป็นชิ้นๆ สั่งสอนเขาให้เข็ดหลาบ เขามีสิทธิ์อะไรถึงทำแบบนั้นกับเวินอี๋ คิดอยากจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจตัวเอง เกียรติของเวินอี๋ไม่มีเหลืออย่างไร
หนานกงเยี่ยกลัวว่าจะทำให้เหลิ่งรั่วปิงโมโหอีก เขาจึงระมัดระวังทุกอย่าง อยากจะรีบกล่อมเธอนอน ทำให้เธอลืมเรื่องนี้ แต่เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ผู้หญิงที่โตมาพร้อมกับการเกลี้ยกล่อม เธอโตขึ้นท่ามกลางการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงและยากลำบาก ดังนั้นเธอจึงมีสติเป็นอย่างดี ”คุณหนานกงเยี่ย ทำไมคุณยังนิ่งเฉยอยู่อีก”
หนานกงเยี่ยรู้ว่าภรรยาของตนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหลอกได้ง่ายๆ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาก่วนอวี้ต่อหน้าเธอ ”ก่วนอวี้ มู่เฉิงซีเอาตัวเวินอี๋ไปแล้ว ตอนนี้นายรีบสั่งให้คนสืบดูว่าช่วงนี้มู่เฉิงซีทำอะไรบ้าง และเขาได้ซื้อบ้านที่ไหนไว้หรือเปล่า รีบตามหาเวินอี๋ให้เจอ”
หลังจากออกคำสั่งเสร็จ เขาก็ยิ้มพร้อมกับเขย่าโทรศัพท์ไปมา ”เรียบร้อยนะครับ สบายใจหรือยัง”
“หึ!”เหลิ่งรั่วปิงนั่งอยู่บนเตียงด้วยความโมโห ”ฉันจะรอฟังข่าวที่นี่ ถ้าคุณไม่พาเวินอี๋กลับมา ก็อย่ามาเจอฉันอีก”
หนานกงเยี่ยรีบลดตัวลงนั่ง โอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ”เฉิงซีไม่มีวันทำร้ายเวินอี๋แน่นอน ผมตามหาเธอให้เจอแล้วพามาหาคุณก็สิ้นเรื่องแล้ว เป็นเด็กดีนะครับ อย่างอแงเลย รีบนอนเถอะ ถึงคุณจะไม่เหนื่อยแต่ลูกสาวทั้งสองคนของผมเหนื่อยแล้วนะครับ หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ล้มตัวลงนอนบนเตียง เธอไม่ควรจะโมโหกับเรื่องนี้ ต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของทารกในครรภ์ด้วย
หนานกงเยี่ยเห็นท่าทีของเธอที่ผ่อนคลายลง เขารีบช่วยเธอถอดรองเท้า ห่มผ้าให้เธอด้วยความใส่ใจ พร้อมกับจูบริมฝีปากของเธอด้วยความอ่อนโยน ”เป็นเด็กดีนะครับ นอนหลับเถอะนะ ผมจะพาเวินอี๋กลับมาให้ได้ หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงหลับตาลงช้าๆ ใช้เวลาไม่นานก็ผล็อยหลับไป เธอเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ผู้หญิงเวลาตั้งครรภ์จะเหนื่อยและอ่อนเพลียง่ายเป็นพิเศษ
หลังจากกล่อมเหลิ่งรั่วปิงนอนหลับไป หนานกงเยี่ยรู้สึกโล่งอกอย่างมาก เขาเดินออกไปจากห้องนอน ปิดประตูให้เรียบร้อย จากนั้นกัดฟันแน่นแล้วเดินเข้าไปในห้องหนังสือ กดโทรออกไปยังเบอร์ใหม่มู่เฉิงซี ”มู่เฉิงซี แกอยากให้ฉันตายหรือไง ฉันแค่รับปากให้นายเจอเวินอี๋ ไม่ได้บอกให้นายเอาตัวเธอไป รีบส่งเวินอี๋กลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้าทำให้รั่วปิงเป็นห่วงจนเป็นอะไรขึ้นมาฉันเอาชีวิตแกแน่!”
มู่เฉิงซีในตอนนี้กำลังนั่งมองเวินอี๋ที่นั่งทำหน้ามุ่ยด้วยความโกรธเคืองบนโซฟา เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยิ่งคุยกับหนานกงเยี่ยเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ”ช่วยก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะกว่าฉันจะพาเวินอี๋ออกมาได้ แล้วจะให้ฉันส่งเธอกลับไปได้ยังไง”
หนานกงเยี่ยส่งแรงสังหารผ่านโทรศัพท์ ”แกใจร้อนอยากจะง้อเวินอี๋ ถึงกับต้องทำให้รั่วปิงโมโหด้วยเหรอ ตอนนี้รั่วปิงกำลังท้อง แกรีบส่งเวินอี๋กลับมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งคนบุกไปรับเวินอี๋ถึงที่”
มู่เฉิงซีคว่ำปากด้วยความจำใจ ”ได้ๆๆ ฉันขอเวลาสองวัน”
“ไม่ได้!” หนานกงเยี่ยรีบปฏิเสธทันควัน ”เวลาสองวันทำให้รั่วปิงเลือดขึ้นหน้า จนต้องบุกไปเผาบ้านของแกแน่ๆ ส่งเวินอี๋กลับมาก่อนฟ้ามืด ถ้าแกไม่พาเธอกลับมาฉันจะส่งคนไปชิงตัวเธอถึงที่”
มู่เฉิงซีถอนหายใจ ”ได้ๆๆ ก่อนฟ้ามืดก็ก่อนฟ้ามืด” ยุคสมัยนี้ มีเพื่อนเป็นคนละเพศได้แต่ไม่มีเพื่อนที่มีมนุษยธรรม
หลังจากด่ามู่เฉิงซีจบ หนานกงเยี่ยจึงโล่งอก เขาย่องไปที่ประตูห้องนอน เปิดประตูห้องช้าๆ แล้วแอบดูเหลิ่งรั่วปิง เห็นว่าภรรยาของเขายังคงนอนหลับตาพริ้ม หนานกงเยี่ยจึงค่อยสบายใจ หวังว่าเธอจะนอนจนฟ้ามืด!
มู่เฉิงซีพาเวินอี๋มายังใต้ตึกคอนโดที่ตนเพิ่งซื้อ โดยไม่สนใจความไม่พอใจและขัดขืนของเธอ อุ้มเธอขึ้นไปชั้นบน แล้ววางเธอลงบนโซฟาในห้องรับแขก
เวินอี๋รู้ดีว่าเธอหนีไปจากการควบคุมของเขาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ขัดขืนอีก แต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดจา รอบตัวของเธอแผ่ซ่านไปด้วยความเย็นยะเยือก ไม่ใช้ความรุนแรงแต่ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเขา
หลังจากวางสายหนานกงเยี่ย มู่เฉิงซีเป็นกังวลอย่างมาก เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว เขาต้องใช้เวลาสั้นๆ นี้ในการทำให้เวินอี๋กลับมาหาเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถอนหายใจเบาๆ เดินไปหาเวินอี๋ เพื่อไม่ให้เธอขัดขืนรุนแรง เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงตรงข้ามเธอ ”สังเกตเห็นหรือเปล่าว่าบ้านหลังนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอคุ้นเคย”
เวินอี๋เป็นคนฉลาด ตั้งแต่เดินเข้ามาเธอก็เห็นแล้วว่าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ทุกอย่างภายในห้องนี้ขนย้ายมาจากวิลล่ามู่หวา แม้แต่กระถางดอกไม้ที่เธอชอบทั้งสองกระถางก็ขนย้ายมาด้วย สิ่งของทั้งหมดนี้เป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ก่อนหน้านี้เธอเคยใช้ เป็นของที่เธอและมู่เฉิงซีซื้อด้วยกัน มองสิ่่งต่างๆ ภายในใจของเธอรู้สึกหน่วง แต่ตอนนี้เธอเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งแล้ว เหลิ่งรั่วปิงสอนให้เธอทำอะไรด้วยตนเอง เป็นผู้หญิงที่มีความกล้าและแข็งแกร่ง ตอนนี้เธอกำลังเรียนรู้ที่จะเป็นแบบนั้น เธอกำลังพยายาม ดังนั้นเธอไม่อยากคิดถึงเรื่องพวกนี้อีก
สิ่งของเหล่านี้เป็นของตน แต่มู่เฉิงซีไม่ใช่ผู้ชายของตนแล้ว มีความจำเป็นอะไรที่ต้องคิดถึง
เวินอี๋ยิ้มบางๆ ”ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ เรื่องในอดีตหลายเรื่องฉันก็ลืมไปจนหมดแล้ว รวมถึง…คุณ”
มู่เฉิงซีอยากจะโมโหมาก แต่สุดท้ายเขาก็กำหมัดแน่น ”ผ่านไปแค่เดือนกว่าคุณก็ลืมผมไปแล้วเนี่ยนะ”
เวินอี๋ยังคงยิ้ม รอยยิ้มของเธอบางเบาราวกับปุยเมฆบนท้องฟ้า ”ไม่ ไม่ใช่หนึ่งเดือนกว่า ถ้าจะพูดให้ถูก วันแรกที่ฉันไปจากเมืองหลง ฉันก็ลืมคุณไปแล้ว”
มู่เฉิงซีกัดฟันแน่นมองดูคนตรงหน้าที่ในอดีตเคยเป็นคนอ่อนโยนแต่เวลานี้กลับเย็นชา เขารู้สึกปวดใจมาก ผู้หญิงคนนี้ นับวันก็ยิ่งเหมือนเหลิ่งรั่วปิงขึ้นเรื่อยๆ ดูแววตาของเธอสิ เย็นชาและไร้เยื่อใยไม่แตกต่างจากตอนที่เหลิ่งรั่วปิงปฏิเสธหนานกงเยี่ย มู่เฉิงซีรู้สึกกลัวมากเวินอี๋ที่ทั้งอ่อนโยนและเอาใจใส่คนนั้นกำลังหายไปช้าๆ ผู้หญิงที่หัวดื้อและไม่มีหัวใจเช่นเดียวกับเหลิ่งรั่วปิงกำลังเข้ามาแทนที่ เขาไม่ได้เป็นเหมือนหนานกงเยี่ย ที่ตามง้อผู้หญิงจนแทบจะเอาชีวิตไปทิ้ง เขาต้องแก้ไขก่อนที่มันจะสายไป