เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 298 แผนการชั่วร้ายเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ไซ่หย่าเซวียนหยุดชะงัก ภาพในหัวของเธอฉายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น แก้มของเธอแดงระเรื่อ
อวี้ไป่หันหัวเราะ เสียงของเขาอ่อนโยนมาก ”ถ้าคุณอยากจะกัด ก็เปลี่ยนไปกัดอีกข้างหนึ่ง แบบนี้มือทั้งสองข้างของผมจะได้มีรอยตีตราของคุณ”
ไซ่หย่าเซวียนจ้องรอยแผลเป็นของเขาอยู่นาน สุดท้ายเธอก็สะบัดแขนของอวี้ไป่หันทิ้ง ”คุณมันโรคจิต คุณอยากทิ้งร่องรอยเอาไว้ ฉันไม่มีวันทำตามความต้องการของคุณหรอกนะ”
อวี้ไป่หันกลับมาเศร้าอีกครั้ง ”ที่ผมโรคจิตแบบนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละ คุณบอกว่าจะดูพฤติกรรมของผม แต่ผมยังไม่ได้ทำเต็มที่เลย คุณก็ไปกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ถ้าผมไม่โรคจิต ผมก็คงกลายเป็นคนบ้ากามไปแล้ว”
ไซ่หย่าเซวียนชำเลืองมองอวี้ไป่หัน ”คุณชอบฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
อวี้ไป่หันมองตาเธอด้วยความจริงใจ ”จะให้ผมควักหัวใจตัวเองออกมาให้คุณดูไหมครับ”
ไซ่หย่าเซวียนหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยความหงุดหงิด ”ใครจะดู” ผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจ มาวันนี้กลับหงุดหงิดเพราะผู้ชายคนหนึ่ง พูดได้แค่ว่าเขาทำให้ในหัวใจของเธอเกิดขึ้นแล้ว เธอเริ่มสงสัยแล้วว่าที่เธอกลับมาเมืองหลงอีกครั้ง เป็นเพราะเพื่อมาเจอเขารึเปล่า การที่บอกว่าจะมาอวยพรเหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเองนั้น เป็นแค่เหตุผลที่เธอโน้มน้าวใจตนเองก็เท่านั้น
อวี้ไป่หันมองสีหน้าของหญิงสาว ภายในใจของเขาเกิดคลื่นเล็กๆ ขึ้นมา เขาก้มหน้าลงกระซิบข้างหูเธอด้วยเสียงอ่อนโยนราวกับลมแผ่วเบาที่พัดผ่านทุ่งดอกไม้ ”ไซ่หย่าเซวียน อันที่จริงคุณไม่ได้เกลียดผมมากมายขนาดนั้น ฉู่เทียนรุ่นก็ใช่ว่าจะเหมาะสมกับคุณ การที่คุณเลือกเขา อาจจะเป็นแค่เพราะคุณไม่พอใจกับเรื่องที่คุณยืนหยัดมาตลอดสิบกว่าปีก็เท่านั้น”
ไซ่หย่าเซวียนลังเลครู่หนึ่ง พยายามส่ายหน้า ”เป็นไปไม่ได้ ฉันชอบพี่เทียนรุ่น ชอบมาตั้งแต่เด็ก เรื่องนี้เป็นความจริง”
อวี้ไป่หันเม้มปากด้วยความเศร้า ”สิ่งที่คุณทำเรียกว่าสะกดจิตตัวเอง คุณเกลี้ยกล่อมตัวเองมานานสิบกว่าปีจนหลุดจากภวังค์ความคิดไม่ได้ พวกคุณเป็นเหมือนคนรักกันจริงๆ เหรอ ถ้าเป็นคนรักกันมีหรือที่จะไม่กอดจูบกันและกัน”
ไซ่หย่าเซวียน ”…” ใช่ เธอไม่มีอะไรจะโต้เถียง เธอกับฉู่เทียนรุ่ยไม่เหมือนคนรักกัน
อวี้ไป่หันมองหน้าด้านข้างของเธอด้วยความตั้งใจ แววตาของอบอุ่นราวกับน้ำ ”ไซ่หย่าเซวียน เราลองมาคบกันดูดีไหม คุณให้โอกาสผมสักครั้งหนึ่ง เพื่อดูว่าคุณชอบผมรึเปล่า หืม”
ไซ่หย่าเซวียนขมวดคิ้วเป็นปม ริมฝีปากกระจับของเธอเบะออก สีหน้าเคร่งเครียดราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังเสียใจ ”เป็น…เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่มีวันทำเรื่องที่ผิดต่อพี่เทียนรุ่ยเด็ดขาด” จากที่เงียบมานาน จู่ๆ ไซ่หย่าเซวียนระเบิดอารมณ์ออกมา ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของอวี้ไป่หัน ”นี่ อวี้ไป่หัน ฉันเตือนคุณตั้งแต่ก่อนออกมาแล้วนะ ฉันไม่มีวันให้โอกาสคุณ ทำไมตอนนี้คุณถึงยังตามตอแยฉันไม่เลิก ฉันเกลียดคุณ ไม่อยากยุ่งกับคุณแล้ว”
ขณะพูด ไซ่หย่าเซวียนคว้ากระเป๋าเดินออกไป แม้แต่แผ่นหลังของเธอก็เคล้าไปด้วยความหงุดหงิดกับหัวใจที่ว้าวุ่น
ใช่ หัวใจของเธอกำลังว้าวุ่น ก่อนที่จะเจอกับอวี้ไป่หัน เธอไม่มีความรู้สึกแบบนี้ เธอใช้ชีวิตอยู่ในการดูแลเอาใจใส่ของฉู่เทียนรุ่ย ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะไม่มีความเร่าร้อนเหมือนอย่างที่คนเป็นแฟนควรมี แต่ถึงอย่างไรก็เป็นความรักที่หอมหวาน เป็นผลลัพธ์จากการที่ตนไล่ตามมาตลอดสิบกว่าปี เธอไม่มีวันยอมเลิกกับฉู่เทียนรุ่ย แต่ทว่า อวี้ไป่หันทำให้หัวใจที่สงบของเธอว้าวุ่น
นอกจากรีบเดินหนีออกมา เธอไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว
อวี้ไป่หันทำตัวไม่ถูก ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้ไซ่หย่าเซวียนจิตใจว้าวุ่นไปหมดแล้ว เขาไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ เขาบอกกับตนเองในใจว่าตนใจร้อนเกินไป เขามองแผ่นหลังของเธอที่เดินไปถึงประตูก็รีบวิ่งตามไป คว้าข้อมือเธอ ”ไซ่หย่าเซวียน ผมไม่บีบบังคับคุณแล้ว คุณอย่าโกรธผมเลยนะ หืม”
ไซ่หย่าเซวียนไม่ได้ยืนกรานที่จะออกไปอีก เธอสะบัดมือของเขาทิ้งด้วยความโมโห หันหน้าไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้าเขา ใบหน้ากลมๆ ของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เบ้ปากจนจะแขวนแอปเปิ้ลได้แล้ว
อวี้ไป่หันพยายามทำสีหน้าและน้ำเสียงให้อ่อนโยน ”ผมพาคุณออกไปหาอะไรกินนะครับ หืม?”
ไซ่หย่าเซวียนเบ้ปาก เงียบอยู่นานไม่พูดไม่จา
อวี้ไป่หันปลอบเธอด้วยความระมัดระวัง ”ไปภัตตาคารหรูในเครือบริษัทอวี้ซื่อของผมนะครับ ไปกินเมนูปลาที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลง” หันไปสังเกตสีหน้าของเธอ ”ถ้าคุณไม่ไป คงจะน่าเสียดายมากนะครับ ทั้งเมืองหลง ไม่มีปลาภัตตาคารไหนอร่อยเท่าของผมแล้วนะครับ”
หลังจากผ่านไปนาน ไซ่หย่าเซวียนหัวเราะ เสียงของเธอราวกับกระดิ่งที่ทำลายบรรยากาศตึงเครียดในลานโบว์ลิ่ง
อวี้ไป่หันโล่งอกมาก รอยยิ้มของเขามีเสน่ห์แพรวพราว รีบคว้าจับข้อมือของไซ่หย่าเซวียน ”ไปกันเถอะ”
ซย่าอี่มั่วออกมาจากสนามบิน ไม่ได้ตรงไปที่บ้านตระกูลมู่ เพราะเธอรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นนั้นแล้ว ตอนนี้คุณหญิงมู่ทราบแล้วว่าเวินอี๋เป็นน้องสาวของเหลิ่งรั่วปิง ไม่ว่าเธอจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรคุณหญิงมู่ก็ไม่มีวันฟังเธอ ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้คุณหญิงมู่ยังถูกเหลิ่งรั่วปิงสั่งสอน เสียหน้ามาก ต้องรู้สึกแย่อย่างแน่นอน เธอกลับไปก็มีแต่ต้องทนรับแรงกดดัน
ซย่าอี่มั่วรู้ดี สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เธอทำได้เพียงรีบโค่นเหลิ่งรั่วปิงให้ได้ จึงจะพลิกเกมได้ ดังนั้น เธอจึงไปหาเฉินลู่เหยา
ในตอนนี้ ก่วนอวี้เป็นคนจัดการบ้านพักของเฉินลู่เหยาให้เธอ เป็นวิลล่าติดทะเลหนึ่งหลัง ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ทั้งยังมีแม่น้ำกั้นกลาง เป็นวิลล่าที่เงียบสงบมาก
ซย่าอี่มั่วพยายามข่มความกังวลของตนเองเอาไว้ ให้น้ำเสียงของตนฟังเหมือนเป็นห่วงเฉินลู่เหยา ”ลู่เหยา แกเข้าไปอยู่ในวิลล่าหย่าเก๋อได้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนเช้าเพิ่งได้เข้าไปอยู่ ตอนนี้ก็ย้ายออกมาแล้ว”
ในความคิดของซย่าอี่มั่ว เธอดูออกอย่างชัดเจนว่าเฉินลู่เหยากลายเป็นปีศาจพันปีมานานแล้ว เพียงแค่ไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้น ”ทำอะไรได้ล่ะ ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงท้อง แม่มีวาสนาเพราะลูก ถึงยังไงคุณหนานกงก็ต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเหลิ่งรั่วปิง”
เธอไม่อยากพูดออกไปว่า ตอนนี้แค่เจอหนานกงเยี่ยก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอ ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงโมโห ก่วนอวี้เป็นคนรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างของเธอ ส่วนเรื่องงานแสดงของเธอก็มีผู้จัดการคอยดูแล หนานกงเยี่ยรับสายเธอน้อยลงด้วยซ้ำไป
เธอไม่มีโอกาสเข้าใกล้หนานกงเยี่ยได้แม้แต่น้อย
ซย่าอี่มั่วเป็นทหารมาหลายปี ถึงแม้เธอจะเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เธอไม่ใช่คนโง่ ดวงตาคู่สวยก]อกไปมา ”ลู่เหยา แกต้องรีบเร่งมือเข้านะ ฉันได้ยินว่าคุณหนานกงเยี่ยกำลังตามสืบเรื่องที่เขากับแกถูกแอบถ่าย”
มือเรียวยาวที่ถือแก้วไวน์ของเฉินลู่เหยาสั่นเทาเล็กน้อย หรือเขาเริ่มหวาดระแวงเธอแล้ว
ซย่าอี่มั่วสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฉินลู่เหยา จากนั้นก็นราดน้ำมันเข้ากองไฟ ”ลู่เหยา ฉันช่วยแกได้นะ”
ดวงตาสีดำสนิทของเฉินลู่เหยากรอกไปมา ”แกมีวิธีอะไรอย่างนั้นเหรอ”
ซย่าอี่มั่วยื่นเม็ดยาขนาดเท่าเมล็ดข้าวไปตรงหน้าเฉินลู่เหยา ”ยานี้เป็นยาอย่างดีที่ทหารใช้ในการสอบสวนจำเลย ทำให้จำเลยมีสติน้อยลง ไม่มีสีไม่มีกลิ่น ขอแค่สูดดมเข้าไปก็ออกฤทธิ์ทันที ถ้ายิ่งทาลงบนผิวหนังหรือเสื้อผ้า ฤทธิ์ของยาก็จะทวีคูณ…”
ซย่าอี่มั่วยิ้มชั่วร้าย ดวงตากลมโตหรี่เล็กเป็นเส้นตรง ”สิ่งที่ฉันพูด แกเข้าใจไหม” หนานกงเยี่ยไม่ใช่คนธรรมดา แน่นอนว่าห้ามลอบวางยาเขาเด็ดขาด เพราะนั่นเท่ากับรนหาที่ตาย ดังนั้นจึงลอบทำให้เขาขาดสติ
ดวงตาคู่สวยของเฉินลู่เหยาสั่นเทาเล็กน้อย ถึงอย่างไรซย่าอี่มั่วก็เป็นลูกหลานของตระกูลทหาร ทั้งยังมีอำนาจทางการทหารสูง การที่เธอมียาชนิดนี้เป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ แต่ว่า ”แต่ว่าตอนนี้ฉันไปพบคุณหนานกงเยี่ยไม่ได้ อีกทั้งฉันเองก็ไม่รู้แผนการเดินทางของคุณหนานกงเยี่ย?”
ซย่าอี่มั่วยิ้มด้วยความสดใส ”เรื่องนี้แกไม่ต้องเป็นห่วง ฉันเป็นทหาร สิ่งที่ฉันถนัดที่สุดก็คือการรวบรวบข่าวกรองต่างๆ อีกไม่นานแกก็จะมีโอกาสแล้ว”
อวี้ไป่หันพาไซ่หย่าเซวียนไปกินมื้อค่ำเรียบร้อย แน่นอนว่าไม่อยากส่งเธอเธอกลับโรงแรมอิมพีเรียล แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งเธอเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงแสดงความสามารถของตนเองออกมา ซึ่งก็คือการจัดงานเลี้ยง
เขารู้สึกว่า ตอนนี้เป็นช่วงที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา เหลิ่งรั่วปิงกลับมาแล้ว เวินอี๋กลับมาแล้ว ไซ่หย่าเซวียนก็กลับมาแล้ว แม้แต่ถังเฮ่าก็เอาชนะหัวใจกุหลาบพิษสำเร็จ ถ้าทุกคนได้มานั่งกินข้าวด้วยกัน ต้องเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบมาก
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงโทรไปหาหนานกงเยี่ย ถังเฮ่า และมู่เฉิงซี ชวนพวกเขาไปเจอกันที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ
เพราะระยะหลังที่ผ่านมานี้ เรื่องทุกอย่างต่างไม่ราบรื่น คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตามานานแล้ว ดังนั้นตอนนี้ที่ทุกคนต่างมีแต่เรื่องดีๆ โดยเฉพาะมู่เฉิงซีที่ตามง้อเวินอี๋กลับมาได้อีกครั้ง เวลานี้คอยมองอยู่ตลอดเวลา ย่อมดีกว่าไม่ได้มอง
ด้วยเหตุนี้ ตอนหัวค่ำ ห้องสำหรับต้อนรับคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง เพียงแต่การนั่งแตกต่างไป
เมื่อก่อน เวินอี๋จะนั่งข้างมู่เฉิงซีเหมือนนกน้อยที่คอยพึ่งพิงคน ส่วนมู่เฉิงซีก็คอยก้มหน้าพูดคุยกับเธอเสียงหวาน ทั้งสองคุยกันด้วยความหวานชื่น แต่วันนี้ เวินอี๋นั่งอยู่ห่างกับมู่เฉิงซี เธอย้ายไปนั่งข้างเหลิ่งรั่วปิง
ถึงแม้สถานะของหลินมั่นหรูจะพิเศษ แต่กลับเปิดเผยตัวในที่สาธารณชนไม่ได้ แต่ต่อหน้าคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลง เธอไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน ดังนั้นถังเฮ่าจึงพาเธอมาด้วย
ครั้งแรกที่มู่เฉิงซีเห็นหลินมั่นหรู อาจจะเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับอาชีพของเขา ทำให้เขาเห็นรอบตัวผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ต้องมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตายด้วยฝีมือเธอ เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงถังเฮ่า ถังเฮ่าไม่ใช่หนานกงเยี่ย เขาทนต่อความเปลวไฟแห่งความโมโหของซือคงอวี้ไม่ได้
หลินมั่นหรูนั่งเงียบ ภายในใจของเธอมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับเอาไว้ตลอดเวลา ความเป็นจริงที่เธอรอคอยความตายทุกวัน ขอเพียงวันนั้นมาถึง เธอก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัวแบบนี้แล้ว
ซือคงอวี้ กลายเป็นฝันร้ายของเธอ
เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิง เธอก็สบายใจขึ้นมา เธอรู้สึกว่าเหลิ่งรั่วปิงคือคนเดียวที่ช่วยเหลือตนได้ ซือคงอวี้รักเหลิ่งรั่วปิงมากแค่ไหน เรื่องนี้เธอรู้ดี ขอแค่เหลิ่งรั่วปิงยอมพูดขอร้องซือคงอวี้ ซือคงอวี้ต้องไว้ชีวิตเธอแน่นอน
ไซ่หย่าเซวียนถูกอวี้ไป่หันลากให้ไปนั่งใกล้ๆ เผชิญหน้ากับสายตาของเหลิ่งรั่วปิง เธอรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง ใช่แล้ว เธออ่านสายตาของเหลิ่งรั่วปิงได้ ทั้งที่ตอนนี้เธอเป็นแฟนของฉู่เทียนรุ่ย แต่เวลานี้เธอกลับใกล้ชิดสนิทสนมกับอวี้ไป่หัน ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ แต่ว่า เธอก็ผลักอวี้ไป่หันออกไปไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นแววตาเศร้าของเขา ส่วนที่อ่อนโยนที่สุดในใจของเธอก็ทำให้ทำกับเขาแบบนั้นไม่ลง
อวี้ไป่หันมองไซ่หย่าเซวียนที่เหมือนจะตัวเล็กลงเรื่อยๆ จึงหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยแววตาอ้อนวอน ”รั่วปิง เรื่องของความรู้สึกมันเป็นอะไรที่พูดยาก ก็เหมือนกับคุณในตอนนั้นทั้งที่ยังรักหนานกง แต่กลับยอมแต่งงานกับไซ่ตี้จวิ้น คุณให้เวลาผมกับหย่าเซวียนหน่อย ได้ไหมครับ”