เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 301 เหลิ่งรั่วปิงที่อ่านความคิดไม่ออก
ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสนิท รถยนต์ของชายชุดดำหายไปในความมืด เหล่าบอดี้การ์ดยังคงชุลมุนกับบรรดาแฟนคลับ ปลีกตัวออกมาไม่ได้
พวกบอดี้การ์ดถึงกับกระวนกระวายขึ้นมาทันที เฉินลู่เหยาเป็นคนพิเศษ พวกเขาต้องรักษาความปลอดภัยของเธอ แต่นี่เธอกลับถูกคนลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตา แล้วจะให้พวกเขาบอกกับหนานกงเยี่ยยังไง
ถึงแม้จะกลัวมาก แต่พวกบอดี้การ์ดไม่มีใครกล้าเก็บงำเป็นความลับ พวกเขารีบโทรหาก่วนอวี้ทันที
ก่วนอวี้ในเวลานี้ อยู่ในห้องวีไอพีกับหนานกงเยี่ย ทันทีที่ได้รับสายจากบอดี้การ์ด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลงกระซิบบอกกับหนานกงเยี่ย
สีหน้าของหนานกงเยี่ยเปลี่ยนไปทันที ความคิดแรกของเขาคือ หนานกงจวิ้นส่งคนมาลักพาตัวเฉินลู่เหยา ถ้าอย่างนั้นเฉินลู่เหยาก็มีโอกาสตายมากกว่ารอด
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขารีบวางแก้วไวน์ลง แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เดินไปไม่กี่ก้าวหนานกงเยี่ยนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ก่วนอวี้ นายส่งเหลิ่งรั่วปิงกลับวิลล่าหย่าเก๋อด้วย” หันไปมองถังเฮ่า “ถังเฮ่า นายกับหลินมั่นหรูช่วยดูแลเหลิ่งรั่วปิงแทนฉันที”
ถึงแม้ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เรื่องที่สามารถทำให้หนานกงเยี่ยทิ้งเหลิ่งรั่วปิงแล้วไปจัดการได้นั้น ต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงระมัดระวังตัวขึ้นมา
อวี้ไป่หันพูดขึ้น “วางใจเถอะ หนานกง เดี๋ยวฉันกับหย่าเซวียนก็จะไปส่งรั่วปิงด้วย”
หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างจนพร้อม หนานกงเยี่ยจึงออกไปจากห้อง หลังฟังรายงานจากบอดี้การ์ดของเฉินลู่เหยาแล้ว เขาก็ขับรถไปตามทิศทางที่เฉินลู่เหยาหายตัวไป
ถึงแม้จะรู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงอาจจะโกรธ แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไปช่วยเฉินลู่เหยาด้วยตนเอง เพราะเขารู้ดีว่าคนของหนานกงจวิ้นเหี้ยมโหดมากแค่ไหน ถ้าหากให้คนอื่นไปก็คงปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จอย่างแน่นอน แต่ถ้าเขาไปด้วยตนเองทุกอย่างก็จะต่างออกไป ไม่ว่าเขากับพ่อจะมีปัญหาขัดแย้งกันมากแค่ไหน แต่ไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาที่เป็นคุณชายหนานกงอย่างแน่นอน
เมื่อเหลิ่งรั่วปิงและหลินมั่นหรูกลับเข้ามาในห้อง เห็นว่าหนานกงเยี่ยไม่อยู่แล้ว เหลิ่งรั่วปิงจึงเอ่ยถามก่วนอวี้ ถึงแม้ก่วนอวี้จะไม่อยากให้เหลิ่งรั่วปิงรู้ว่าหนานกงเยี่ยที่ออกไปแบบนี้เพราะเฉินลู่เหยา แต่เขาไม่กล้าปิดบัง เพราะหนานกงเยี่ยเคยบอกว่าจะชัดเจนกับเหลิ่งรั่วปิงทุกเรื่อง ถ้าตอนนี้เขาปิดบังเหลิ่งรั่วปิง วันข้างหน้าหนานกงเยี่ยมาสารภาพกับเธอ จะเป็นการนำมาความเดือดร้อนที่ไม่จำเป็นไปให้หนานกงเยี่ย
ดังนั้นก่วนอวี้จึงพูดออกไปตามตรง
ทุกคนต่างคิดว่าเหลิ่งรั่วปิงจะโมโห หรือไม่ก็เดินออกไปด้วยความโกรธเคือง แต่เธอไม่ได้เป็นแบบนั้น เหลิ่งรั่วปิงฟังก่วนอวี้รายงานจนจบ จากนั้นครุ่นคิดเงียบๆ อยู่หลายวินาที มุมปากของเธอยกขึ้น เผยรอยยิ้มร้ายกาจ เหลิ่งรั่วปิงที่เป็นแบบนี้ ทำให้อ่านความคิดของเธอไม่ได้
อวี้ไป่หันอยากจะช่วยหนานกงเยี่ยพูด “รั่วปิง ความรู้สึกที่หนานกงมีต่อคุณพวกเราทุกคนล้วนรู้ดี เฉินลู่เหยาคนนี้ หนานกงเยี่ยอาจจะให้ความพิเศษกับเธอเล็กน้อย แต่ผมเชื่อว่าหนานกงไม่ได้ชอบเฉินลู่เหยา คุณคิดแบบนั้นไหม”
ถังเฮ่าเองก็รีบช่วยพูด “ใช่แล้ว รั่วปิง ถึงแม้พวกผมจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรหนานกงถึงดูแลเฉินลู่เหยามากเป็นพิเศษ แต่ผมเชื่อว่าหนานกงเยี่ยรักแค่คุณคนเดียว หลายปีที่ผ่านมานี้ ผมไม่เคยเห็นมันยอมทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน”
ก่วนอวี้กระวนกระวายจนเหงื่อท่วมมือ เขาไม่รู้ว่าควรจะเกลี้ยกล่อมเหลิ่งรั่วปิงยังไง ถ้าตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงไม่ยอมกลับวิลล่าหย่าเก๋อกับเขา แล้วยังออกไปด้วยความโมโห เขาคงพูดอะไรกับหนานกงเยี่ยไม่ได้
ไซ่หย่าเซวียนก็มองออกเล็กน้อย ข่าวฉาวระหว่างหนานกงเยี่ยกับเฉินลู่เหยาเธอเองก็เห็นแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นแค่ข่าวในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่วันนี้ดูท่าว่าต้องมีเลศนัยบางอย่างแน่นอน ไซ่หย่าเซวียนเดินเข้าไปหาเหลิ่งรั่วปิง “รั่วปิง บางทีอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ เธออย่าคิดมากเลย”
ท่ามกลางทุกคนที่อยู่ในห้อง หลินมั่นหรูรู้จักนิสัยของเหลิ่งรั่วปิงดีที่สุด เธอเพียงแค่ชำเลืองมองไปทางเหลิ่งรั่วปิง โดยไม่ได้พูดอะไร เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบคิดมาก เธอเคยเป็นนักฆ่าไร้ความปรานีมาก่อน เวลาเกิดเรื่องขึ้นเหลิ่งรั่วปิงย่อมพิจารณาด้วยความใจเย็นแล้วจัดการขั้นเด็ดขาด
เป็นไปตามที่หลินมั่นหรูคิด เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ออกไปด้วยความโมโห และไม่ได้เกรี้ยวกราดแต่อย่างใด ทั้งยังไม่ได้ร้องไห้ด้วยความเสียใจ เธอเพียงแค่ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ริมฝีปากเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “คุณหนานกงเยี่ยบอกให้นายพาฉันกลับวิลล่าหย่าเก๋อไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอเชิญทุกคนไปดูละครฉากใหญ่”
เอ๊ะ?
ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าเหลิ่งรั่วปิงจะทำอะไรกันแน่
เหลิ่งรั่วปิงกลับยิ้ม เสียงของเธอเหมือนกระดิ่งลมที่น่าฟัง “ไปกันเถอะ ก่วนอวี้ พาฉันไปบ้านพักของเฉินลู่เหยา”
ก่วนอวี้ไม่เข้าใจ “คุณผู้หญิงครับ คุณจะไปที่นั่นทำไมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเดินออกไปด้านนอก พร้อมกับพูดด้วยความใจเย็นสองคำสั้นๆ “จับชู้”
หลินมั่นหรูเป็นคนแรกที่ตามเหลิ่งรั่วปิงออกไปจากห้อง ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงเป็นความหวังเดียวของเธอ เธอต้องคุ้มกันความปลอดภัยให้กับเหลิ่งรั่วปิง
ทางด้านก่วนอวี้ถึงแม้ยังจะไม่เข้าใจ แต่เขาไม่กล้าเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นจึงรีบตามไป
ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันมองหน้ากัน เดินตามออกไปด้วยสีหน้าสงสัย อวี้ไป่หันจับมือไซ่หย่าเซวียนแล้วพาเธอออกไป
เพื่อดูแลความปลอดภัยของเหลิ่งรั่วปิง อวี้ไป่หันเอารถกันกระสุนของเขาออกมาใช้ พวกเขานั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน นั่งล้อมเอาไว้โดยมีเหลิ่งรั่วปิงอยู่ตรงกลาง
สำหรับการดูแลของทุกคน เหลิ่งรั่วปิงรับเอาไว้ เอนตัวลงนอนพิงบนเบาะนุ่ม หลับตาลงเพื่อพักผ่อนสายตา รถขับได้นิ่มมาก ทำให้ใช้เวลาไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไป
หลังจากเหลิ่งรั่วปิงนอนหลับ อวี้ไป่หันกระทุ้งตัวถังเฮ่าเบาๆ แล้วเอ่ยถาม “นี่ แกว่า เหลิ่งรั่วปิงคิดจะทำอะไร”
ถังเฮ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือเหลิ่งรั่วปิงคิดว่าหนานกงกำลังโกหก เธอรู้สึกว่าหนานกงไม่ได้ไปหาเฉินลู่เหยาเพราะผู้หญิงคนนั้นตกอยู่ในอันตราย แต่ที่ไปหาเฉินลู่เหยาเพราะจะทำเรื่องที่ผิดต่อเหลิ่งรั่วปิง?”
นั่งฟังสิ่งที่ผู้ชายทั้งสองคนคาดเดา หลินมั่นหรูยิ้มหยัน แต่เธอยังคงนั่งเงียบไม่พูดอะไร ความคิดของเหลิ่งรั่วปิง หลินมั่นหรูมองออก เหลิ่งรั่วปิงยังคงเชื่อใจหนานกงเยี่ย แต่ที่เฉินลู่เหยาถูกลักพาตัวไปในวันนี้เป็นแค่การเล่นละครเท่านั้น หากวันนี้เหลิ่งรั่วปิงไม่ไป ‘จับชู้’ มีความเป็นไปได้ว่าสามีของเธอจะถูกล่วงละเมิดอย่างแน่นอน
อวี้ไป่หันมองหลินมั่นหรูครู่หนึ่ง ตามด้วยหัวเราะ “เดี๋ยวก่อน เสี่ยวหรู คุณทำสีหน้าแบบนี้หมายความว่าอะไร จริงด้วย คุณกับรั่วปิงอยู่ด้วยกันมานานกว่าหกปี น่าจะรู้สึกเหลิ่งรั่วปิงมากกว่าพวกผม เหลิ่งรั่วปิงทำแบบนี้หมายความว่าอะไรกันแน่”
หลินมั่นหรูพูดเพียงเล็กน้อยราวกับกลัวดอกพิกุลทองจะร่วง “ไปถึงก็รู้เองค่ะ” หลังจากนั้น หลินมั่นหรูก็หลับตาลง
ถังเฮ่าเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่โอบกอดหลินมั่นหรูเบาๆ เท่านั้น เขาเองก็พอจะคาดเดาบางอย่างเอาไว้ในใจแล้วเหมือนกัน
หนานกงเยี่ยขับรถตามรถที่ลักพาตัวเฉินลู่เหยาไปตามลำพัง ไม่นานก็ตามทัน บนท้องถนนยามค่ำคืน เขาขับรถด้วยความเร็วสูง ใช้ปืนยิงหน้าต่างรถยนต์ของอีกฝ่ายเพื่อบีบให้จอดรถ ชายชุดดำในรถพยายามจะยิงปืนโต้ตอบ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหนานกงเยี่ย พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น
หนานกงเยี่ยเชิดคางขึ้น มองชายชุดดำเหล่านั้นราวกับเป็นฑูตแห่งความตาย “ใครเป็นคนส่งพวกแกมา”
ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ท่าน…ท่านหนานกงครับ”
หนานกงเยี่ยกำหมัดแน่น “พ่อให้พวกนายทำอะไร”
ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้า “ต้องการให้พวกผมกำจัดเฉินลู่เหยาครับ”
หนานกงเยี่ยกระโดดเตะชายชุดดำคนที่เป็นหัวหน้า “ไสหัวไป!” ถึงแม้พวกเขาพ่อลูกจะฆ่าฟันกัน แต่หนานกงเยี่ยไม่มีวันฆ่าคนที่ทำงานถวายชีวิตเพื่อตระกูลหนานกงเรื่อยเปื่อย
ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ารีบวิ่งหนี ชายชุดดำคนอื่นๆ ก็รีบวิ่งตามไป
หนานกงเยี่ยเดินย้อนกลับมา แล้วดึงเฉินลู่เหยาออกมาจากรถ “ลู่เหยา คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เฉินลู่เหยาในเวลานี้ตกใจจนหน้าถอดสี ตัวของเธอสั่นระริก เสื้อผ้าขาดวิ่น บริเวณหัวไหล่และด้านหลังของชุดเดรสสีขาวขาดไปหมด ราวกับดอกบัวขาวที่บอบช้ำ
ตอนที่หนานกงเยี่ยดึงตัวเธอลงมาจากรถ เฉินลู่เหยาร้องไห้อย่างหนักแล้วพุ่งเข้ากอดหนานกงเยี่ย “คุณหนานกง ฉันคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอคุณอีกแล้ว”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม แล้วผลักเธอออกไปเล็กน้อย ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะไม่อยู่ แต่เขาจำได้ว่าเหลิ่งรั่วปิงถือสาเรื่องที่เขาเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉินลู่เหยา ดังนั้นเขาจึงเจตนารักษาระยะห่างกับเธอ มองดูเฉินลู่เหยาที่น่าสงสารท่ามกลางลมหนาวยามค่ำคืน สุดท้ายเขาก็อดสงสารไม่ได้ ถอดเสื้อสูทของตนเองออกมา แล้วยื่นให้เธอ “ใส่นี่ซะ เดี๋ยวผมส่งคุณกลับไป”
เผชิญหน้ากับความห่างเหินของหนานกงเยี่ย ถึงแม้เฉินลู่เหยาจะรู้สึกผิดหวัง แต่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา วันนี้แสดงละครฉากใหญ่เพื่อให้เขายอมจำนนต่อเธอ อีกเดี๋ยวเขาก็จะกลายเป็นอาหารอันโอชะของเธอแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินลู่เหยาทั้งตื่นเต้นและดีใจ เธอรีบใส่เสื้อผ้าที่หนานกงเยี่ยยื่นมาให้ จากนั้นก็ตามเขาไปที่รถ
หนานกงเยี่ยนั่งเงียบมาตลอดทาง ส่งเฉินลู่เหยากลับไปที่วิลล่าของเธอ
“เรียบร้อย คุณขึ้นไปบนห้องเถอะ เดี๋ยวผมจะส่งบอดี้การ์ดมาดูแลความปลอดภัยของคุณให้มากขึ้น” รถจอดตรงด้านนอกวิลล่า หนานกงเยี่ยพูดเสียงเบา
เฉินลู่เหยาก้มหน้าลงไม่ได้พูดอะไร เธอเม้มกัดริมฝีปากล่างแน่น ตัวของเธอสั่นเทา เหงื่อเม็ดโตไหลผุดออกมา คล้ายว่ากำลังอดทนต่ออะไรบางอย่าง
เห็นเธอเงียบอยู่นานไม่ยอมตอบคำถาม หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว สังเกตเห็นความผิดปกต “ลู่เหยา คุณเป็นอะไรไป”
เฉินลู่เหยาเงยหน้าขึ้น เผยสีหน้าเหมือนแมวน้อยที่น่าสงสาร มองหนานกงเยี่ยด้วยความอ่อนแรงและปรารถนา “คุณหนานกง คนพวกนั้นให้ฉันกินยาเข้าไปหนึ่งเม็ด ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไรค่ะ ตอนนี้ฉันทรมานมากเลย”
หนานกงเยี่ยก้มหน้ามองเธออย่างพิจารณา เห็นว่าแก้มของเฉินลู่เหยาแดงระเรื่อ เมื่อยื่นมือไปแตะหน้าผากของเธอก็พบว่าร้อนเล็กน้อย เสียงหายใจหอบถี่แววตาดูไม่มีสติมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เขายื่นมือออกไป เธอเหมือนคนที่กระหายอยู่นานแล้วได้รับน้ำ คว้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
คนที่ฉลาดอย่างหนานกงเยี่ย รู้ทันทีว่าเธอกินยาอะไรเข้าไป
ถูกต้อง เฉินลู่เหยากินยาปลุกเซ็กส์เข้าไปหนึ่งเม็ด แน่นอนว่าฤทธิ์ของยาไม่ได้รุนแรงเหมือนที่เธอแสดงออกมา เธอแค่แสดงละครเก่งก็เท่านั้น เฉินลู่เหยาจับมือหนานกงเยี่ยมาแตะที่แก้มของตนเอง เสียงของเธออ่อนระโหยโรยแรงเหมือนลูกแมวน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ “คุณหนานกง ช่วยฉันด้วยนะคะ” แน่นอน เสียงของเธอยังยั่วยวนมากอีกด้วย
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว เปิดประตูแล้วลงจากรถ จากนั้นเดินไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อพาตัวเฉินลู่เหยาออกมา พยุงเธอเข้าไปในวิลล่า แล้ววางเธอลงบนเตียง “คุณอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวผมโทรตามหมอมาดูอาการให้”