เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 302 เหตุการณ์ทำลายความยั้งคิด
หนานกงเยี่ยหันหลังกำลังจะเดินออกไป เฉินลู่เหยาที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นมานั่ง เธอโอบกอดเขาจากด้านหลัง “คุณหนานกง คุณช่วยฉันด้วยนะคะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
หนานกงเยี่ยดึงมือของเธอออกอย่างแรง แล้วโยนเธอกลับไปที่เตียง “คุณอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”
“ไม่ค่ะ” เฉินลู่เหยาลุกขึ้นมาอีกครั้ง เธอกอดแขนของหนานกงเยี่ยแน่น “คุณหนานกง คุณยอมมีอะไรกับฉันเถอะนะคะ ฉันรักนวลสงวนตัวมานานหลายปีเพื่อคุณคนเดียว การยกตัวเองให้คุณเป็นความฝันตลอดหลายปีที่ผ่านมาของฉัน วันนี้สวรรค์เป็นใจแล้ว ถึงแม้คุณจะไม่รับผิดชอบฉัน ฉันก็ไม่มีวันต่อว่าคุณแน่นอน”
หนานกงเยี่ยหลุบตาลง ยังคงพูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณอย่าพูดเหลวไหล ผมแต่งงานแล้ว นอกจากนี้ผมยังรักภรรยาของผมมาก ผมซื่อสัตย์ต่อชีวิตแต่งงาน ดังนั้นผมไม่มีวันแตะต้องผู้หญิงคนอื่นอย่างแน่นอน” เขาถอนหายใจเล็กน้อย “ตอนนี้ผมจะถือว่าคุณพูดจาเหลวไหลเพราะฤทธิ์ยา ไม่ถือสาคุณ คุณนอนเถอะนะ ผมจะรีบตามหมอมาเดี๋ยวนี้”
เฉินลู่เหยายังคงไม่ยอมปล่อยแขนของหนานกงเยี่ย “ไม่ค่ะ คุณหนานกงเยี่ย คุณถือว่าเป็นการเมตตาฉันนะคะ ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันแค่อยากจะเป็นผู้หญิงของคุณ ช่วยฉันเถอะนะคะ ฉันไม่ต้องการหมอ ฉันอยากให้คุณช่วยฉัน”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยฉายความโกรธเคืองเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอทรมานแทบตายด้วยฤทธิ์ยา เขาคงทิ้งเธอแล้วเดินออกไปแล้ว แต่เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เขาจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงสะบัดแขนของเธออย่างแรง แล้ววางเธอลงบนเตียงอีกครั้ง จากนั้นเดินสาวเท้าก้าวใหญ่ออกไป เตรียมลงไปโทรศัพท์ที่ชั้นล่าง
แต่เพิ่งเดินไปถึงประตู เขากลับรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ยังไม่รอให้เขารู้ตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เฉินลู่เหยาก็มากอดเขาไว้อีกครั้ง หนานกงเยี่ยอยากจะสะบัดเธอทิ้ง แต่ร่างกายของเขากลับไม่ให้ความร่วมมือ การถูกเธอกอดแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกโหยหา
สุดท้าย ทั้งสองล้มลงบนเตียงด้วยกัน
เฉินลู่เหยาดีใจอย่างมาก ครุ่นคิดในใจว่ายาที่ซย่าอี่มั่วให้มาต้องออกฤทธิ์แล้วแน่นอน สมแล้วที่เป็นยาชั้นดีที่ใช้ในด้านการทหาร แม้แต่หนานกงเยี่ยที่เป็นผู้ชายแข็งแกร่งยังต้านทานฤทธิ์ยาไม่ได้
หนานกงเยี่ยถึงขั้นสงสัย เป็นเพราะหลังจากเหลิ่งรั่วปิงตั้งครรภ์ ทำให้เขาต้องอดทนจนทรมานเกินไปหรือเปล่า จึงทำให้มีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ความคิดของเขามีเสียงหนึ่งดังขึ้น ห้ามกอดเฉินลู่เหยา ห้ามแตะต้องเธอ แต่ก็มีอีกเสียงดังขึ้นมาเช่นเดียวกัน กลัวอะไร เฉินลู่เหยาเป็นคนเสนอตัวมาถึงที่ ยิ่งไปกว่านั้น…ยิ่งไปกว่านั้นอะไร เขาเองก็พูดไม่ถูก สรุปแล้ว อีกเสียงหนึ่งในความคิดของเขาบอกให้เขาทำเรื่องอย่างว่ากับเฉินลู่เหยา
เสียงในความคิดของหนานกงเยี่ยสู้กัน ทำให้เขาปวดหัวจนแทบระเบิด เขาพยายามให้เสียงแรกข่มเสียงที่สอง เสียงในหัวต่อสู้อย่างหนัก
แต่เฉินลู่เหยาไม่ให้โอกาสนั้นกับเขา เธอเหมือนงูที่โอบรัดเขา ทั้งยังเป็นฝ่ายจูบเขา ถอดเสื้อผ้าของเขา
สุดท้าย เสียงแรกของหนานกงเยี่ยอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เสียงที่สองร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เขารู้สึกสิ้นหวัง ประตูห้องถูกเปิดกะทันหัน เหลิ่งรั่วปิงและทุกคนบุกเข้ามาในห้อง
เห็นทั้งสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงบนเตียงด้วยความเร่าร้อน ทุกคนต่างตกใจอย่างมาก โดยเฉพาะอวี้ไป่หัน เขาอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ “เดี๋ยวก่อน หนานกง แกมาแอบมีอะไรกับเฉินลู่เหยาจริงๆ เหรอ”
ท่ามกลางทุกคน มีเพียงเหลิ่งรั่วปิงเท่านั้นที่สีหน้าเรียบเฉย เธอเยือกเย็นและสง่า สูงศักดิ์ด้วยความนิ่งเงียบ ราวกับรูปปั้นแกะสลักที่งดงามตราตรึง
หนานกงเยี่ยมองหน้าเหลิ่งรั่วปิง เขามีสติขึ้นมาเล็กน้อย “ที่รัก ผม…” เขาไม่รู้จะพูดอะไร เขาเกลียดตัวเองที่ไม่หนักแน่นพอ
คล้ายกับเฉินลู่เหยาตกใจอย่างมาก เธอกอดคอหนานกงเยี่ยแน่นไม่ขยับเขยื้อน แต่ภายในใจของเธอรู้สึกลิงโลดเล็กน้อย ถึงแม้แผนการในวันนี้จะไม่สำเร็จ แต่ด้วยนิสัยของเหลิ่งรั่วปิง เมื่อได้เห็นภาพนี้เข้า ต้องไม่มีวันเลือกหนานกงเยี่ยอีกแน่นอน ความสัมพันธ์ของพวกเขาจบลงแล้ว
ถึงแม้หลินมั่นหรูและถังเฮ่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยา แต่กับยาชั้นเลิศที่ใช้ในด้านการทหาร พวกเขาไม่ได้ศึกษาจนเชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงไม่เห็นความผิดปกติอะไรทั้งนั้น พวกเขาขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ หนานกงเยี่ยเป็นอะไรไป หรือว่าจะเป็นไปตามข่าวลือ คนที่หนานกงเยี่ยรักคือเฉินลู่เหยา ส่วนเหลิ่งรั่วปิงเป็นแค่ตัวแทนของเฉินลู่เหยาเท่านั้น ตอนนี้ที่หนานกงเยี่ยยังคงรักและตามใจเหลิ่งรั่วปิง เป็นเพราะเด็กในท้อง?
ไซ่หย่าเซวียนโมโหอย่างมาก เธอยืนข้างเหลิ่งรั่วปิง ราวกับทหารที่คอยปกป้อง ให้การปกป้องเหลิ่งรั่วปิงตลอดเวลา
ก่วนอวี้โตมาพร้อมกับหนานกงเยี่ย เขารู้จักหนานกงเยี่ยเป็นอย่างดี เขาเชื่อว่าหนานกงเยี่ยรักเหลิ่งรั่วปิง แต่ถึงยังไงเจ้านายกับลูกน้องก็มีระยะห่างระหว่างกัน เขาไม่ได้รู้จักแก่นแท้นของหนานกงเยี่ย ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจ
เมื่อเทียบกับความตกใจของทุกคน เหลิ่งรั่วปิงยังคงนิ่งสงบมาก เธอเพียงแค่มองเงียบๆ ไม่กี่วินาที จากนั้นเดินออกไปจากห้อง ลงไปชั้นล่าง
“ที่รัก!” หนานกงเยี่ยพยายามจะวิ่งตามเหลิ่งรั่วปิงไป แต่เพราะฤทธิ์ยาที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บวกกับเฉินลู่เหยาที่กอดเขาแน่น เขาจึงรู้สึกหลงใหลเล็กน้อย
ก่วนอวี้ไม่เข้าใจว่าเจ้านายของตนเป็นอะไรไป เขารีบวิ่งตามเหลิ่งรั่วปิงไปชั้นล่าง “คุณผู้หญิงครับ ใจเย็นก่อนนะครับ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้สนใจก่วนอวี้ เธอเดินตรงไปชั้นล่าง เข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำมาหนึ่งขวด เทน้ำใส่แก้วจนเต็ม จากนั้นเดินขึ้นไปชั้นบน ก่วนอวี้มองแผ่นหลังของเธอด้วยความงุนงง แล้วรีบเดินตามเธอขึ้นไป
เหลิ่งรั่วปิงกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง ท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน เธอสาดน้ำเย็นใส่หน้าหนานกงเยี่ย
ฟู่!
น้ำเย็นแก้วนี้ สาดไปที่ใบหน้าหนานกงเยี่ยโดยไม่เหลือแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
ถึงแม้ถังเฮ่าและหลินมั่นหรูจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยาพิษ แต่พวกเขาก็ไม่เห็นความผิดปกติของหนานกงเยี่ย ทว่าเพราะความรักที่เหลิ่งรั่วปิงมีต่อหนานกงเยี่ย ทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดเวลาทั้งเช้าเย็น ดังนั้นเธอจึงรู้จักหนานกงเยี่ยเป็นอย่างดี เธอสังเกตเห็นนัยน์ตาที่เปลี่ยนไปของเขาได้ แม้เพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ ก็ตาม สิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือยากล่อมประสาทที่ใช้ในด้านการทหาร ดังนั้นเธอจึงนำน้ำเย็นมาสาดไปที่หน้าหนานกงเยี่ย ทำตามในละครที่ใช้วิธีนี้ในการปลุกนักโทษที่หมดสติให้ตื่นขึ้น
น้ำเย็นแก้วนี้ได้ผล สติของหนานกงเยี่ยกลับมาอีกครั้ง
ความเย็นเฉียบของน้ำทำให้หนานกงเยี่ยรู้สึกสบายไปทั้งตัว เหมือนคนที่ทุกข์ทรมานในเปลวเพลิงอยู่นานสุดท้ายก็มีสายฝนสาดลงมาชโลมใจ หนานกงเยี่ยเด้งตัวขึ้นมานั่ง มือใหญ่ของเขาเช็ดน้ำที่เปียกชุ่มบนใบหน้า พร้อมกับสูดลมหายใจด้วยความสดชื่น
เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนแรกบนโลกใบนี้ ที่กล้าเอาน้ำสาดหน้าหนานกงเยี่ย ผู้ชายอย่างเขา ถึงแม้จะออกมาลักกินขโมยกินแล้วยังไงเล่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเช่นนี้ ผู้หญิงมากมายต่างก็ต้องการ เมียหลวงคนไหนบ้างที่จะกล้าเอาน้ำสาดหน้าสามีเหมือนอย่างที่เหลิ่งรั่วปิงทำ
ทุกคนต่างคาดการณ์กันว่า วันนี้พวกเขาสองสามีภรรยาต้องทะเลาะกันแน่นอน
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือ หนานกงเยี่ยไม่ได้โมโห กลับกัน เขาเดินไปตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง หลบเลี่ยงสายตาของเธอ เหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา หนานกงเยี่ยอยากจะอธิบาย แต่กลับพูดไม่ออก เมื่อกี้ไม่ได้มีใครบีบบังคับเขา อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้เผลอกินสิ่งที่ไม่ควรกิน สุดท้ายเขาจึงคิดว่า เป็นเพราะต้องอดทนมานาน ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้
เมื่อคิดได้แบบนี้ หนานกงเยี่ยรู้สึกผิดมาก อย่าว่าแต่เหลิ่งรั่วปิงเอาน้ำเย็นสาดหน้าเขา ถึงแม้ตอนนี้เธอจะใช้มีดบินลงโทษเขา เขาก็ยินดี
สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงยังคงนิ่งเรียบ ราวกับว่าผู้ชายที่กำลังมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นไม่ใช่สามีของเธอ เธอจับจ้องไปที่ดวงตาของหนานกงเยี่ย สังเกตอยู่ไม่กี่วินาที “ได้สติแล้วเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยเหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ครับ”
เหลิ่งรั่วปิงปรายตาลง แล้วเดินออกไป “ถ้าได้สติแล้วก็กลับบ้านกันเถอะ”
เธอบอกว่ากลับบ้าน! เหลิ่งรั่วปิงไม่ตีเขา ไม่ด่าเขา และไม่ได้โมโห ตรงกันข้าม เธอบอกให้เขากลับบ้าน นี่มันไม่ใช่นิสัยของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยทำตัวไม่ถูก รีบเดินตามไป เขาเดินตามหลังเหลิ่งรั่วปิงด้วยความระมัดระวัง เปิดประตูรถให้เธอ แล้วรัดเข็มขัดนิรภัยให้ หนานกงเยี่ยมองสีหน้านิ่งสงบของเหลิ่งรั่วปิง “ที่รัก ถ้าคุณโกรธผม คุณตีผมต่อว่าผม วันนี้…ผมผิดไปแล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงหลับตาลงอย่างเกียจคร้าน “กลับบ้านเถอะค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
หนานกงเยี่ยมองหน้าเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ หลายวินาที “ครับ”
มองหนานกงเยี่ยที่ขับรถออกไปพร้อมกับเหลิ่งรั่วปิง ทุกคนยังไม่ได้สติกลับมา วันนี้พวกเขาทั้งสองผิดปกติอย่างมาก หนานกงเยี่ยเป็นคนที่มีปณิธานแรงกล้า ถึงแม้เฉินลู่เหยาจะสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ทั้งยังตามตอแยเขาไม่เลิก แต่ถ้าใจของหนานกงเยี่ยปฏิเสธ ไม่มีวันนอนบนเตียงของเธอ เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของหนานกงเยี่ย แต่เหลิ่งรั่วปิง เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง ยอมเป็นหยกที่แตกสลายก็ไม่มีวันยอมเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ วันนี้กลับจัดการเรื่องที่หนานกงเยี่ยนอกใจด้วยความนิ่งสงบ หรือว่าเวลาผู้หญิงท้องจะมีความอดทน ยอมทำให้ตนเองเจ็บปวด?
สุดท้ายไซ่หย่าเซวียนร้องไห้ด้วยความโมโห “หนานกงเยี่ยไม่ใช่ผู้ชาย เหลิ่งรั่วปิงกำลังท้องกำลังไส้ แต่เขากลับมาลักกินขโมยกินด้านนอก ถุย!”
อวี้ไป่หันรีบจับมือของเธอ ตบมือน้อยเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน “ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ เท่าที่ผมรู้ หนานกงเยี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ฮึ!” ไซ่หย่าเซวียนสะบัดมืออวี้ไป่หันทิ้งด้วยความโมโห “คุณต้องเข้าข้างคุณหนานกงเยี่ยอยู่แล้ว พวกคุณมันพวกเดียวกัน หน้าด้าน หลายใจ นิสัยไม่ดี!”
เอ่อ…
อวี้ไป่หันถูกไซ่หย่าเซวียนด่าทอ “คุณอย่าเป็นแบบนี้สิ อย่าอคติกับผมเพราะเรื่องนี้เลย ผมไม่เคยทำเรื่องไม่ดีลับหลังคุณเลยนะ”
ไซ่หย่าเซวียนชำเลืองมองอวี้ไป่หัน “คุณได้ทำหรือไม่ได้ทำแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันคะ” พูดจบเธอก็เดินออกไป
“นี่ ไซ่หย่าเซวียน” อวี้ไป่หันรีบคว้ามือเธอเอาไว้ “อย่าโมโหสิ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณเป็นผู้หญิงออกไปกลางดึกแบบนี้มันอันตราย ขึ้นรถเร็วเข้า เดี๋ยวผมส่งคุณกลับโรงแรมอิมพีเรียล”
อวี้ไป่หันพาไซ่หย่าเซวียนขึ้นรถ จากนั้นก็หันไปมองถังเฮ่ากับหลินมั่นหรู “นี่ พวกแกกลับด้วยกันไหม”
“พวกฉันไม่ได้เอารถมาสักหน่อย ต้องนั่งรถแกกลับอยู่แล้ว” ถังเฮ่าจับมือหลินมั่นหรูแล้วขึ้นไปบนรถ
ก่วนอวี้อยู่ที่วิลล่าต่อ คอยดูแลจัดการตามหมอมารักษาเฉินลู่เหยา
หนานกงเยี่ยเอาแต่โทษตัวเองมาตลอดทาง เขาไม่สบายใจอย่างมาก ชำเลืองมองเหลิ่งรั่วปิงทุกสองสามวินาที สังเกตสีหน้าของเธอ แต่เธอกลับทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น สิ่งนี้ทำให้หนานกงเยี่ยรู้สึกกลัวอย่างมาก สุดท้ายเมื่อกลับไปถึงวิลล่าหย่าเก๋อ เขาก็กระวนกระวายจนถึงขีดสุด