เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 303 ฉันต้องการให้คุณกำจัดเฉินลู่เหยา
เหลิ่งรั่วปิงไม่มีทีท่าจะลงจากรถ เธอนั่งหลับตาอยู่ในรถ อ่านความคิดของเธอไม่ได้
เสียงของหนานกงเยี่ยทำลายความเงียบ “ที่รัก ถ้าตีผมแล้วทำให้คุณหายโกรธ คุณก็ตีผมเถอะ ตีผมนานแค่ไหนก็ได้”
เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ เธอปรายตามองไปที่หนานกงเยี่ย พร้อมกับพูดเสียงเรียบ “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ คุณไม่เคยคิดไตร่ตรองดูหน่อยเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยมองลึกเข้าไปในตาของเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ อยากจะเห็นแววตาเกรี้ยวกราดและตำหนิจากดวงตาคู่สวย แต่กลับไม่มี “คุณอยากให้ผมคิดอะไรครับ”
เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ คุณเชื่อความหนักแน่นของตนเอง ทั้งยังไม่สงสัยในตัวเฉินลู่เหยาแม้แต่น้อยเลยเหรอ”
หนานกงเยี่ยเงียบ เหลิ่งรั่วปิงพูดแบบนี้ แสดงว่าเธอยังเชื่อใจเขา สิ่งนี้ทำให้เขาซาบซึ้งอย่างมาก แต่เขารู้สึกว่าตนเองไม่หนักแน่นมากพอ ความเชื่อใจของเหลิ่งรั่วปิงทำให้เขายิ่งรู้สึกผิด
หลังจากผ่านไปนาน หนานกงเยี่ยพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด “ที่รัก ผมขอโทษ ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดี ไม่ใช่สามีที่ดี” เงียบไปสองวินาที “ผมเองก็อยากจะสงสัยเฉินลู่เหยาเหมือนกัน แต่ผมไม่มีเหตุผล ทั้งยังไม่มีหลักฐาน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผม คุณจะโกรธผมยังไงผมก็ไม่มีข้อแก้ตัว”
เหลิ่งรั่วปิงมองหนานกงเยี่ยเงียบๆ ผู้ชายคนนี้ฉลาด มีความกล้าหาญ เย็นชา กระหายเลือด แต่บางครั้งบางเวลา ทั้งหมดนี้เป็นขีดจำกัดของเขา ในฐานะทายาทของตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กคือ ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง การที่หนานกงเยี่ยให้ความสำคัญกับหน้าที่ถือเป็นข้อดีของเขา แต่ในบางครั้งมันก็เป็นข้อเสียของเขาเหมือนกัน
ในอดีต เขารู้สึกว่าการดูแลอวี้หลานซีเป็นหน้าที่ของเขา ดังนั้นจึงยอมอภัยให้เธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้อวี้หลานซีทำผิดซ้ำซ้อน ตอนนี้ ในสถานการณ์เดียวกัน เขาเองก็รู้สึกว่าตนมีหน้าที่ต้องดูแลเฉินลู่เหยา ดังนั้นจึงมองไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ของเธอ หรือบางทีเขาอาจจะมองออก ทั้งยังเคยหวาดระแวงสงสัยในตัวเธอ แต่เขาไม่อยากจะเชื่อแบบนั้น แม่ของเฉินลู่เหยาตายแล้ว หนานกงเยี่ยไม่อยากเห็นเฉินลู่เหยามีจุดจบที่ไม่สวย ดังนั้นเขาจึงเลี่ยงที่จะหวาดระแวงสงสัยในตัวเธอ
ในเมื่อเขาลังเลไม่ยอมตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เธอก็ต้องลงมือจัดการแทนเขา เหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่ลูกแกะที่นอนรอความตาย
หลังเงียบอยู่หลายวินาที เหลิ่งรั่วปิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง “หมายความว่า คุณคิดไม่ซื่อกับเฉินลู่เหยา หรือจะพูดว่าคุณชอบเธอ?”
“ไม่นะครับ” หนานกงเยี่ยพูดเสียงหนักแน่น เขามั่นใจว่าตนเองไม่เคยคิดแบบนั้นกับเฉินลู่เหยา ในใจของเขามีผู้หญิงแค่คนเดียว ซึ่งก็คือภรรยาของเขา
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเย้ยหยัน “ในเมื่อคุณไม่ได้คิดอะไรกับเธอ แต่คุณเกือบจะมีอะไรกับเธอ ดูเหมือนว่าฉันที่เป็นภรรยาคนนี้ทำหน้าที่ได้แย่มาก ไม่ผ่านเกณฑ์ในการเป็นภรรยา ทำให้คุณถึงขั้นไปนอนกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมคุณถึงไม่หย่ากับฉันเลยล่ะคะ”
หนานกงเยี่ยหันหน้ากลับไป สีหน้ากระวนกระวาย “เหลิ่งรั่วปิง ทำไมเวลามีปัญหาทีไรคุณถึงเอาแต่พูดถึงเรื่องหย่า ในสายตาของคุณ ชีวิตแต่งงานของเรามันบอบบางขนาดนี้เลยเหรอครับ” เขาไม่เคยคิดเรื่องหย่ามาก่อน เขาอยากจะให้ชีวิตแต่งงานนี้ยืนยาวจนแก่เฒ่า แต่ทำไมเหลิ่งรั่วปิงถึงเอาแต่พูดคำว่าหย่า
เหลิ่งรั่วปิงนิ่งสงบ จับจ้องเข้าไปในแววตาของหนานกงเยี่ยด้วยความเรียบเฉย “แล้วจะให้ฉันพูดอะไรล่ะคะ สามีของฉันทิ้งฉันเอาไว้ในไนท์คลับตอนกลางดึก แล้วไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งยังยอมรับว่าตนเองไม่หนักแน่นพอ ฉันไม่ควรพูดถึงเรื่องหย่าเหรอคะ” ความเย้ยหยันแสดงออกมาจากหางตาของเธอชัดเจนมากยิ่งขึ้น “หรือคุณคิดว่าฉันควรทำตามพวกคนมีฐานะ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ยอมให้สามีของตนเองเลี้ยงผู้หญิงไว้นอกบ้าน”
หนานกงเยี่ยถูกย้อนถามจนพูดไม่ออก เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทำให้เขาแก้ตัวไม่ถูก เขาไม่รู้จะพูดอะไร หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยสูดลมหายใจเข้า “เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ผมไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ผมอธิบายไม่ได้เหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดี ผมรักคุณ ไม่มีใครแทนที่คุณได้”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะด้วยความเย็นชา “คุณชายหนานกงที่ทุกคนให้ฉายาว่าเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรด หลงใหลให้กับความอ่อนโยนของผู้หญิง แต่กลับอธิบายไม่ได้ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง ฮึ น่าขำจริงๆ!”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงก็เปิดประตู ก้าวเท้าลงจากรถ จากนั้นเดินเข้าไปในวิลล่า
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะพูดถ้อยคำที่เยือกเย็น แต่เธอก็ยังคงเข้าใจหนานกงเยี่ย เฉินลู่เหยาใช้ยากล่อมประสาทที่ทหารใช้ซึ่งได้มาจากซย่าอี่มั่ว ยากที่หนานกงเยี่ยจะรู้ตัว ทุกอย่างที่เธอพูด ล้วนพูดเพื่อบีบให้หนานกงเยี่ยมองสถานการณ์ให้ออก
หนานกงเยี่ยไม่ได้รีบลงจากรถ เขานั่งคิดพิจารณาอยู่บนรถเงียบๆ เขาอยากจะคิดทบทวนเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ละเอียด คิดดูว่าปัญหามันเกิดขึ้นตรงไหน
คิดอยู่นาน เขาก็ยังคงไม่สงสัยเฉินลู่เหยา เพราะคนที่ถูกวางยาคือเฉินลู่เหยา และเธอก็ไม่ได้ให้เขาดื่มหรือกินอะไรทั้งนั้น เขาไม่มีวันตกหลุมพรางของใครแน่ ในเมื่อไม่มีวันหลงกลใคร แล้วทำไมเขาถึงหักห้ามใจตนเองจากการยั่วยวนของเฉินลู่เหยาไม่ได้
สุดท้าย หนานกงเยี่ยยังคงโทษตัวเอง โทษตัวเองที่ไม่หนักแน่นมากพอ ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงท้องได้สามเดือนแล้ว สามารถทำเรื่องอย่างว่ากับเขาได้แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาก็ได้ร่วมบรรเลงเพลงรักด้วยกัน แต่ถึงยังไงเหลิ่งรั่วปิงก็กำลังท้องกำลังไส้ เขาต้องดูแลเธอเป็นอย่างดี ทำเรื่องแบบนั้นบ่อยๆ ไม่ได้ และปลดปล่อยได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนเอาไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะหลายวันที่ผ่านมานี้ เขารู้สึกว่าตนเองอดทนจนทรมาน ในทุกคืนต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำเย็นก่อนถึงจะสบายตัว
บางทีอาจจะเป็นเพราะต้องอดทนแบบนี้ทุกวันๆ คืนนี้จึงควบคุมตนเองไม่ได้
หนานกงเยี่ยที่คิดว่าตนไม่ได้เป็นผู้ชายมักมากในกาม เมื่อก่อนเขาไม่ได้มีอะไรกับใครก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงหักห้ามใจไม่ได้
หนานกงเยี่ยเครียดมาก
หลังจากผ่านไปนานพักใหญ่ เขาถอนหายใจเบาๆ เปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงมา จากนั้นเดินเข้าไปในวิลล่าเงียบๆ เดินขึ้นไปบนชั้นสอง เมื่อเห็นว่าเหลิ่งรั่วปิงกำลังอาบน้ำอยู่ เขาก็เหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด เดินเข้าไปในห้องน้ำเงียบๆ ช่วยเหลิ่งรั่วปิงสระผม หลังจากสระผมเสร็จก็หยิบผ้าขนหนูมาจากเธอ แล้วช่วยเหลิ่งรั่วปิงถูหลัง
ทำทุกอย่างด้วยความเป็นธรรมชาติ ทว่าเงียบกริบไร้ซึ่งเสียง ความรู้สึกผิดเอ่อล้นไปทั่วห้องน้ำ หนานกงเยี่ยไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีอะไรกับเฉินลู่เหยา แต่เขารู้สึกว่าตนเองทำความผิดใหญ่หลวง
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ขัดขืนกับการดูแลของเขา แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกดีใจจนออกนอกหน้า เธอนิ่งสงบมาก
เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เธอทั้งโกรธเขา และไม่โกรธเขา
มีคนแอบเอาสารสกัดจากต้นลำโพงมาวางไว้ในห้องของเธอ ทำให้หนานกงเยี่ยมีความต้องการทางเพศสูงขึ้น แต่เพื่อถนอมเธอ เขาต้องอดทนด้วยความทุกข์ทรมานทุกวัน คืนนี้เฉินลู่เหยาต้องใช้ยาอะไรบางอย่างกับเขาแน่นอน ภายใต้ฤทธิ์ของยาทั้งสองตัว ทำให้หนานกงเยี่ยทำความผิด ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โกรธเขาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ในทางกลับกัน เมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบ บวกกับสีหน้ารู้สึกผิดนั้น ทำให้เธอรู้สึกปวดใจ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอโกรธเขา นั่นก็คือ เขาหน้ามืดตามัวเพราะเฉินลู่เหยา ไม่ยอมตาสว่างสักที ถ้าเขาตาสว่างเร็วกว่านี้คงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายพวกนี้ขึ้น ถ้าคืนนี้เธอไม่รีบไปหาหนานกงเยี่ย เขาคงเสร็จเฉินลู่เหยาไปแล้ว ถึงแม้หนานกงเยี่ยไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เธอที่มีความทะนงตนก็ไม่มีวันทนอยู่กับหนานกงเยี่ยได้อีก ถ้าเป็นแบบนั้นชีวิตคู่ของพวกเขาคงมาถึงตอนจบ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ หนานกงเยี่ยใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมตัวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ อุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำ วางไว้บนเตียง จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้เธอ
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว
หลังจากเช็ดผมจนแห้ง หนานกงเยี่ยเดินไปหยิบชุดนอนมาให้เหลิ่งรั่วปิง พร้อมกับสวมชุดให้เธอ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปอาบน้ำ ตอนเดินออกมา หนานกงเยี่ยเห็นว่าเหลิ่งรั่วปิงยังไม่นอน เธอนั่งเงียบอยู่ตรงหัวเตียง ห่มผ้าไว้ครึ่งตัว ผมยาวสลวยเงางามบดบังใบหน้าของเธอ
เหลิ่งรั่วปิงเงียบมาก เธอนั่งอยู่ตรงนั้น คล้ายกับดอกลิลลี่ฟังเสียงธรรมชาติอยู่ใต้แสงจันทร์
ภายในใจของหนานกงเยี่ยกระอักกระอ่วน แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบเช็ดผมให้แห้ง เปลี่ยนชุดนอน แล้วขึ้นไปบนเตียง จากนั้นโอบกอดเธอเอาไว้ “ที่รัก อย่าโกรธผมเลยนะ ได้ไหมครับ” เขาช้อนผมของเธอขึ้นด้วยความทะนุถนอม
เสียงของเหลิ่งรั่วปิงเรียบเฉย คล้ายกับหมอกควันที่ลอยตามลม “สามีของฉันเกือบจะมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโกรธเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ผมรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” หนานกงเยี่ยตัดสินใจ ตอนนี้ความหนักแน่นของเขาบอบบางเหลือเกิน เขาจะไม่ไปเจอผู้หญิงคนไหนอีก
เงียบอยู่หลายวินาที เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้น หันไปมองหนานกงเยี่ย ผมของเธอปล่อยยาวถึงแผ่นหลัง เผยให้เห็นใบหูเล็กน้อย สีหน้าของเธอนิ่งสงบ แววตาเรียบเฉย ทำให้อ่านไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไร
เสียงของเหลิ่งรั่วปิงเปล่งขึ้นเบาๆ ด้วยความสง่างามและไพเราะ “คุณหนานกงเยี่ย ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันตัดสินใจไปจากเมืองหลง ฉันเคยบอกกับคุณแล้วว่า เรื่องบางเรื่องแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นได้แล้ว หากทำผิดพลาดไปก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัว ถ้าคุณไม่ไปตามง้อฉันถึงประเทศเอ้าตู ทั้งยังไม่เกิดเรื่องมากมายเหล่านี้ขึ้น ตอนนี้ฉันคงไม่ใช่ภรรยาของคุณ”
ภายในใจของหนานกงเยี่ยเกิดความกลัว เขาไม่อยากจะจากลากับเธอแบบนั้นอีก เขารู้จักเหลิ่งรั่วปิงดี ถ้าเธอตัดสินใจจะไป ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ไม่มีวันรั้งเธอเอาไว้ได้ “ที่รักครับ ผมยอมทำทุกอย่าง แต่คุณห้ามพูดว่าจะไปจากผมอีกเลยนะ”
นัยน์ตาของเหลิ่งรั่วปิงฉายแววเหี้ยมโหด “ฉันต้องการให้คุณกำจัดเฉินลู่เหยา”
หนานกงเยี่ย “…”
เขาไม่มีหลักฐาน ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเฉินลู่เหยามีเจตนาร้าย หรือเขาต้องกำจัดเฉินลู่เหยาเพราะเรื่องส่วนตัวของตน? ผู้หญิงใสซื่อหน้าตาสะสวยคนนั้น เมื่อห้าปีก่อน ถึงแม้ชีวิตจะยากลำบาก แต่เธอก็มีความสุข มีความคิดอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เขาเป็นคนเดินเข้าไปในชีวิตของเฉินลู่เหยา ให้ทุกอย่างที่เธอมีในตอนนี้ จะให้เขากำจัดเฉินลู่เหยา ปล่อยให้เธอกลับไปมีชีวิตเหมือนเดิม แล้วเธอจะกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นได้เหรอ
เหลิ่งรั่วปิงจับจ้องใบหน้าของหนานกงเยี่ย เห็นเขาครุ่นคิดอย่างหนัก แววตาของเธอแสดงความผิดหวัง เหลิ่งรั่วปิงถอนสายตากลับ ผลักอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย จากนั้นก็ดึงผ้าห่ม แล้วนอนหันหลังให้เขา หลับตาลงเบาๆ
ความห่างเหินที่แผ่ออกมาจากตัวเหลิ่งรั่วปิงเหมือนกำแพงหนาที่กั้นกลางระหว่างเธอกับหนานกงเยี่ย เป็นเส้นแบ่งเขตแดนที่เย็นยะเยือก