เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 304 สุดท้ายคนที่ผมเลือกคือภรรยาของผม
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะเชื่อใจหนานกงเยี่ยและรู้ว่าเขาไม่มีวันทรยศหักหลังเธอ ทั้งยังเชื่อว่าในใจของเขามีแค่เธอ รวมถึงเชื่อว่าเขายังรักเธอเหมือนที่ผ่านมา แต่เธอก็รู้สึกผิดหวัง สามีของเธอเชื่อใจผู้หญิงคนอื่นมากเกินไปแล้ว ความเชื่อใจนี้ส่งผลต่อความปลอดภัยของเธอ แต่เขากลับไม่ยอมตาสว่าง
ความรู้สึกห่างเหินนั้นทำให้หนานกงเยี่ยทรมานมาก เขาล้มตัวลงช้าๆ แล้วโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงจากด้านหลัง “ที่รักครับ ผมกำจัดเฉินลู่เหยาได้ แต่ผมก็ควรจะมีเหตุผลในการกำจัดเธอสิครับ” เขาไม่สามารถกำจัดคนในครอบครัวของผู้หญิงที่แม่ฝากฝังให้ดูแลได้ นอกจากนี้เขายังติดค้างเฉินลู่เหยาด้วย
เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองดูผ้าม่านที่ปลิวไปตามลมยามค่ำคืน “เหตุผลของฉันก็คือ ผู้หญิงคนนั้นจ้องจะจับสามีของฉัน ทั้งยังอยากให้ฉันตายอยู่ตลอดเวลา ฉันฝันร้ายทุกคืน ฝันร้ายของฉันก็คือเฉินลู่เหยา”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม “จากเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ผมยอมรับว่าผมยังเชื่อใจเฉินลู่เหยา เฉินลู่เหยาไม่มีวันทำร้ายคุณแน่นอน หลังจากนี้ผมจะไม่ไปเจอเธออีก ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมก็ไม่มีวันไปเจอเธออีก ดีไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงหันหน้ากลับไปด้วยความเย้ยหยัน จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของหนานกงเยี่ย “คุณหนานกงเยี่ย คุณเอาความเชื่อใจมากมายในตัวผู้หญิงคนนั้นมาจากไหนคะ ถึงขั้นไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูดเลยเหรอ” เสียงของเธอเย็นชายิ่งกว่าเดิม “บางทีเฉินลู่เหยาอาจจะเหมาะกับตำแหน่งคุณผู้หญิงหนานกงมากกว่าฉันก็ได้”
หนานกงเยี่ยรู้สึกเหมือนมีหนามแหลมคมทิ่มแทงหัวใจของเขา “คุณเลิกพูดแบบนี้สักทีได้ไหม ทั้งที่คุณก็รู้ดีว่าผมรักคุณ ผมยอมรับว่าผมเชื่อใจเฉินลู่เหยามากเกินไป แล้วผมก็รู้ตัวแล้ว ตอนนี้ผมกำลังตามสืบเรื่องของเฉินลู่เหยาอยู่ ถ้าเจอหลักฐาน ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย ผมก็ไม่มีวันปรานีผู้หญิงคนนั้น”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเยือกเย็น คงไม่มีวันหาหลักฐานอะไรเจอแน่นอน เฉินลู่เหยายังคงลอบร่วมมือกับหนานกงจวิ้นอย่างลับๆ ความผิดทุกอย่างถูกโยนไปให้หนานกงจวิ้น เฉินลู่เหยาแค่ทำหน้าที่แสดงละครตบตาหนานกงเยี่ยให้ดีเท่านั้น การแสดงละครเป็นความสามารถของเฉินลู่เหยา แม้จะให้มู่เฉิงซีที่เป็นตำรวจใหญ่ของเมืองหลงมาทำคดี ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่เจอหลักฐาน
พูดได้ว่า การที่เธอขอให้หนานกงเยี่ยเลิกยุ่งกับเฉินลู่เหยา เมื่อก่อนเป็นแค่สัญชาตญานของผู้หญิง แต่หลังจากหลินมั่นหรูพูดเรื่องสารสกัดจากต้นลำโพงให้เธอฟัง เธอถึงได้เริ่มคิดตามหลักเหตุผล ที่จริงเธอไม่ได้ต้องการให้หนานกงเยี่ยทำอะไรเฉินลู่เหยา เพราะไม่ว่าเขาจะลงมือหรือไม่ลงมือทำอะไรผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สำคัญแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าเฉินลู่เหยาทำเรื่องเลวร้ายกับเธอ เธอไม่มีวันออมมือให้เฉินลู่เหยาแน่นอน การกำจัดเฉินลู่เหยาทิ้งเป็นเรื่องที่เธอต้องทำ การที่เธอขอร้องให้หนานกงเยี่ยเลิกยุ่งกับเฉินลู่เหยาเป็นแค่การลองใจเท่านั้น
สุดท้าย เขาก็ทำให้เธอผิดหวังจริงๆ
แววตาเย้ยหยันของเหลิ่งรั่วปิงกวาดมองใบหน้าของหนานกงเยี่ย “หมายความว่า ถ้าคุณสืบแล้วไม่เจอหลักฐานอะไรแบบนี้ คุณก็จะปล่อยให้ฉันทุกข์ใจเหรอคะ” ตามด้วยเสียงหัวเราะดูถูกคล้ายกับสายลมแผ่วเบาในตอนกลางคืน “คุณหนานกงเยี่ย ฉันผิดหวังในตัวคุณมาก บางทีเราอาจจะเหมาะกับความรักทางไกล ไม่เหมาะที่จะแต่งงาน”
เหลิ่งรั่วปิงไม่เคยพูดคำว่าผิดหวังในตัวเขาออกมาง่ายๆ เวลานี้เธอพูดมันออกมา แสดงว่าเธอผิดหวังในตัวเขาจริงๆ เธอแสดงความไม่พอใจกับชีวิตแต่งงานอีกครั้ง หนานกงเยี่ยรู้สึกเหมือนมีหนามแหลมคมทิ่มแทงหัวใจ เขาเม้มกัดฟันพูด “ที่รัก คุณสำคัญกับผมมากแค่ไหน นับตั้งแต่นี้และในอนาคตคุณไม่จำเป็นต้องสงสัยในความรักที่ผมมีต่อคุณ ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณพูด ผมพร้อมจะทำตาม ถ้าไม่มีคำสั่งเสียก่อนตายของแม่ ผมไม่มีวันสงสารเฉินลู่เหยา ตอนนี้คุณให้หลักฐานอะไรกับผมสักหน่อยเถอะ ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย ผมก็จะกำจัดผู้หญิงคนนั้นทันที”
เหลิ่งรั่วปิงเชิดคางขึ้น เผยให้เห็นคอระหงที่ขาวดุจหิมะของเธอ ภายใต้แสงไฟ หญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาลุ่มหลง ทว่าก็เย็นชาจนทำให้ข้างในจิตใจของเขาหนาวเหน็บ “หลักฐานก็คือสัญชาตญาณของฉันค่ะ”
สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้แสดงความเย้ยหยันแล้ว และไม่ได้เรียบเฉย แต่เผยความเยือกเย็นและเด็ดเดี่ยว นั่นเป็นเงาของนักฆ่า เมื่อไหร่ที่แน่ใจแล้วว่าเป้าหมายเป็นใคร ขั้นตอนต่อไปก็คือลงมือจัดการโดยไร้ซึ่งความปรานี ทำให้ตายในครั้งเดียว
ถ้าลองสังเกตอย่างละเอียด ความเด็ดเดี่ยวของเธอมีความขุ่นเคืองปะปนอยู่ด้วย หนานกงเยี่ยเชื่อใจเฉินลู่เหยามากเกินไป ทำให้เธอโกรธ เธอไม่อยากให้โอกาสเขาในการอธิบายอะไรทั้งนั้น และไม่คิดจะบอกเรื่องสารสกัดต้นลำโพงให้เขาฟังด้วย เธอจะบีบเขาด้วยวิธีการที่เหมือนคนไร้เหตุผล
หนานกงเยี่ย “…”
มองดูเหลิ่งรั่วปิงที่เป็นแบบนี้ หนานกงเยี่ยถึงกับพูดไม่ออก เขาเห็นเงาของเหลิ่งรั่วปิงคนเดิมตอนที่มาเมืองหลงครั้งแรก สง่าและเย็นชา ความงดงามของเธอมีความเยือกเย็นและเด็ดเดี่ยวซ่อนเอาไว้ ขอเพียงเธอคิดที่จะทำ นางฟ้าคนนี้ก็พร้อมที่จะกลายเป็นปีศาจ
เขาจะพูดอะไรได้ เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ในเมื่อเหลิ่งรั่วปิงมั่นใจแล้วว่าเฉินลู่เหยาทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากนั้นเธอไม่มีวันยอมออมมือให้แน่นอน เขาไม่ลงมือ เธอก็ลงมือเอง ไม่ว่าใครคิดจะทำร้ายเฉินลู่เหยาเขาล้วนหยุดยั้งได้ แม้จะเป็นหนานกงจวิ้นผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็เดิมพันด้วยได้ แต่กับเหลิ่งรั่วปิง เขาหยุดเธอไม่ได้
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกมุมปากขึ้นด้วยความเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มของเธอราวกับดอกป๊อปปี้ สายตาเย็นชากวาดมองไปที่หน้าของหนานกงเยี่ย หลังจากนั้นเธอก็นอนหันหลังให้หนานกงเยี่ยอีกครั้ง หลับตาลงช้าๆ ก่อนนอน เธอพูดอย่างชัดเจน “คุณหนานกงเยี่ย ฉันขอบอกคุณเลยนะคะ ฉันโกรธแล้ว โกรธมากด้วย คุณรู้จักนิสัยของฉันดี เวลาโมโหฉันทำอะไรได้บ้าง คุณน่าจะรู้ดีนะคะ”
ความเป็นจริงเหลิ่งรั่วปิงพูดไปแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือไม่จำเป็นต้องพูด หนานกงเยี่ยก็น่าจะรู้ ซึ่งก็คือเธอจะจัดการเฉินลู่เหยา ไม่มีใครหยุดเธอได้ ถ้าเขาเข้ามายุ่ง เท่ากับชีวิตคู่ของพวกเขาจบกันเพียงเท่านี้
หนานกงเยี่ยเงียบอยู่นาน ถอนหายใจเบาๆ “ในเมื่อคุณอยากทำมากขนาดนี้ คุณก็ทำเถอะครับ ผมเคยบอกแล้ว ไม่มีใครสำคัญเท่าคุณ ทุกอย่างที่คุณคิดจะทำ ถึงแม้ผมจะไม่เห็นด้วยก็ตาม สุดท้ายผมก็จะสนับสนุนคุณ อภัยให้คุณ”
ทว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น เธอสูดลมหายใจเข้าเบาๆ คล้ายว่านอนหลับไปแล้วจริงๆ
หนานกงเยี่ยก้มหน้าลงประทับจูบลงบนริมฝีปากของเหลิ่งรั่วปิง จากนั้นห่มผ้าให้เธอ แล้วเดินออกไปจากห้อง
ตอนที่ประตูปิดลงเบาๆ เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ ถึงแม้สิ่งที่หนานกงเยี่ยพูดจะแสดงถึงความรักที่เขามีต่อเธอ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังคงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขายังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด ไม่เชื่อว่าเฉินลู่เหยาร้ายกาจ หนานกงเยี่ยเพียงแค่ก้มหน้ายอมรับกับการตัดสินใจของเธอเท่านั้น
เขาเคยพูดแล้ว ไม่ว่าเธอจะสร้างปัญหาใหญ่แค่ไหน เขาไม่มีวันที่จะตำหนิเธอแม้แต่คำเดียว วันนี้เขาก็ทำมันได้จริงๆ เขายอมให้เธอทำในสิ่งที่ไม่ใช่ความต้องการของตน แต่ความรักและตามใจนี้ของหนานกงเยี่ยไม่ได้ทำให้เธอมีความสุข เพราะเขาไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเธอ
เหลิ่งรั่วปิงในตอนนี้พอจะตระหนักได้แล้ว ความเป็นจริงชีวิตแต่งงานยากยิ่งกว่าการรักกัน กับความรัก แค่ทำตามความรู้สึกเท่านั้น อยากรักก็รัก ไม่อยากรักก็ไม่ต้องรัก แต่ชีวิตแต่งงานเราต้องพยายามรักษามันเอาไว้ ทั้งยังต้องรู้จักยอมถอยในเวลาที่เหมาะสม มิฉะนั้นชีวิตแต่งงานจะไม่ยั่งยืน
นับตั้งแต่วันที่เฉินลู่เหยาเข้ามาในชีวิตของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกไม่ดีมาโดยตลอด แต่เธอก็พยายามอดทนมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเหตุผลที่เธออดทนก็เพื่อความรักและชีวิตแต่งงาน ชีวิตแต่งงานเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับครอบครัว คนสองคนมีหน้าที่ช่วยกันรักษาครอบครัวให้สงบสุข ในที่สุดวันนี้เธอก็ได้ตัดสินใจแล้ว เธอจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป แม้จะต้องสูญเสียชีวิตคู่และครอบครัว เธอก็ต้องกำจัดเม็ดทรายที่ขวางตาเธอออกไปให้ได้
ยาที่สกัดมาจากต้นลำโพงของเฉินลู่เหยาเพียงแค่หนึ่งเม็ด กระตุ้นความกระหายเลือดและเย็นชาที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอหลังจากตั้งครรภ์ออกมา เหลิ่งรั่วปิงคิดว่าตนเองสามารถกลับไปเป็นเหลิ่งรั่วปิงที่เด็ดเดี่ยวเหมือนเดิมได้แล้ว เธอยอมทิ้งครอบครัวได้ ยอมทิ้งชีวิตคู่ได้ ยอมทิ้งความรัก ยอมทิ้งหนานกงเยี่ย เพื่อกลับมาผงาดอย่างอิสระเสรีอีกครั้ง อยากอยู่ก็อยู่ อยากไปก็ไป ไม่ต้องพัวพันกับอะไรทั้งนั้น
หนานกงเยี่ยเดินออกไปจากห้องน้ำ เขาเดินลงไปชั้นล่าง ตรงเข้าไปยังห้องหนึ่งในชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นห้องบูชาป้ายวิญญาณของแม่หนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยเดินเข้าไปในห้องช้าๆ สีหน้านิ่งสงบ ไม่มีความลังเลใดๆ เขามองไปที่รูปถ่ายของแม่อยู่นาน สุดท้ายเม้มปากแล้วพูดขึ้นเบาๆ “แม่ครับ ผมขอโทษด้วยนะครับ คนที่แม่ฝากฝังให้ผมช่วยดูแล ผมปกป้องไม่ได้แล้ว ตอนนี้ถ้าให้เลือกระหว่างภรรยาของผมกับคนอื่น ผมเลือกภรรยาของผมเท่านั้น ไม่ว่าลู่เหยาจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ ผมก็ปกป้องเธอไม่ได้อีกต่อไป”
พูดจบ หนานกงเยี่ยหยิบธูปที่วางบนโต๊ะมาหนึ่งดอก จุดธูปอย่างนิ่งสงบ แล้วปักลงบนกระถางด้วยความเคารพ “แม่ครับ แม่ถือว่าผมที่เป็นลูกชายคนนี้อกตัญญูก็แล้วกันนะครับ”
หลังจากโน้มตัวคำนับสามครั้ง หนานกงเยี่ยก็เดินออกไปด้วยสีหน้านิ่งสงบ
เมื่อกลับเข้าไปในห้องนอน ภายในใจของเขากลับมาสงบอีกครั้ง การเดินไปและเดินกลับมาในครั้งนี้ ทำให้เขาตระหนักได้แล้ว ทั้งยังโกรธตัวเองที่ทำให้เหลิ่งรั่วปิงต้องอดทนมานานขนาดนี้ ตั้งแต่เขาพาเธอกลับมาจากประเทศเอ้าตู เขาสัญญาว่าจะมอบความรักที่ดีที่สุดให้เธอ เขาเคยพูดว่า ไม่ว่าเธอจะสร้างปัญหาใหญ่แค่ไหนเขาก็ไม่มีวันตำหนิเธอ ในเมื่อเหลิ่งรั่วปิงยอมเปิดใจให้เฉินลู่เหยาไม่ได้ เขาต้องตัดขาดจากเฉินลู่เหยาแล้วยังไง หน้าที่บ้าบออะไรกัน เมื่อเทียบกับเหลิ่งรั่วปิงแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้น
เขาห่มผ้าให้เธออย่างแผ่วเบา โอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ซุกหน้าไปที่ซอกคอของเธอ พูดพึมพำเสียงเบา “ที่รักครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ผมทำให้คุณต้องเสียใจ นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ คุณอยากทำอะไรก็เชิญทำตามสบาย ผมจะยืนอยู่ข้างคุณและคอยปกป้องคุณ รักคุณ”
ท่ามกลางความมืด เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไร เธอกะพริบตาสองครั้ง
ถูกต้อง เธอยังไม่นอน เธอรอหนานกงเยี่ยกลับมา อยากจะตัดขาดกับเขา เธอตัดสินใจที่จะไปจากหนานกงเยี่ยแล้ว เขาทำให้เธอผิดหวังเกินไป
แต่เมื่อได้กลิ่นธูปอ่อนๆ จากตัวเขา หัวใจของเธอสั่นไหวขึ้นมาอย่างหักห้ามไม่ได้ เธอคาดเดาได้ว่าเมื่อกี้เขาไปที่ไหนมา เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกแสบจมูก เข้าใจความลำบากใจของหนานกงเยี่ยขึ้นมาทันที สำหรับหนานกงเยี่ยแล้ว คำสั่งเสียของแม่เป็นหน้าที่ที่หนักหนาราวกับภูเขาลูกใหญ่ ที่หนานกงเยี่ยคอยดูแลเฉินลู่เหยาก็เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
เหมือนกับเธอในอดีตที่มองว่าการแก้แค้นเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต หนานกงเยี่ยเองก็ให้ความสำคัญกับคำสั่งเสียของแม่
หน้าที่และความรับผิดชอบที่เขาให้ความสำคัญ ภายใต้การบีบบังคับของเธอ สุดท้ายคืนนี้เขาก็ยอมวางมันลง หนานกงเยี่ยเดินเข้าไปในห้องบูชาป้ายวิญญาณแม่ ต้องไปสำนึกผิดมาแน่ๆ เขาคงผ่านการคิดพิจารณามานาน เขาคงลำบากใจมาก
เธอเป็นคนสร้างแรงกดดันให้เขา