เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 69 มีปัญหากับสาวสวย (2)
ลูกสาวของลั่วเฮิ่งได้รับบาดเจ็บตอนช่วงเช้า และตอนนี้กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล แต่เขากลับยังมีกระจิตกระใจมาร่วมงานการแข่งขันนกพิราบ ในใจของเหลิ่งรั่วปิงกำลังดูถูกเหยียดหยามเขา เมื่อผลประโยชน์อยู่ตรงหน้าเขา ความสัมพันธ์ของครอบครัวก็ไม่สำคัญ ลั่วเฮิ่งเป็นคนที่ต่ำทรามแบบนี้มาโดยตลอด เสียดายที่ตอนนั้นพ่อของเธอไว้วางใจเขามากขนาดนั้น
เมื่อมาถึงสนามแข่งขันนกพิราบ ไซ่ตี้จวิ้นกลับไม่ได้คิดจะลงจากรถ
“ทำไมไม่ลงจากรถคะ เหมือนว่าคนพวกนั้นกำลังรอคุณอยู่?” เหลิ่งรั่วปิงมองผู้คนมากมาย และหันไปมองไซ่ตี้จวิ้น
“รออีกหนึ่งนาที ผมจะสั่งให้คนไปซื้อเสื้อผ้าให้คุณ เขตชานเมืองลมแรง คุณใส่เสื้อผ้าบางเกินไป” ระหว่างที่พูด ไซ่ตี้จวิ้นก็มองนาฬิกาข้อมือไปด้วย จากนั้นก็มองไปยังทางเข้างาน แล้วคลี่ยิ้ม “อืม มาแล้ว”
พอมองไปยังทิศทางที่ไซ่ตี้จวิ้นมองไป ก็เห็นผู้หญิงที่ยังวัยรุ่นคนหนึ่งใส่แจ็คเก็ตขนเป็ดสีขาวเธอกำลังหิ้วถุงใหญ่ๆ ถุงหนึ่งเอาไว้ และกำลังมุ่งหน้ามายังรถของไซ่ตี้จวิ้น ตอนที่เธอเดินมาใกล้ ไซ่ตี้จวิ้นก็ลดกระจกลง ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ประธานไซ่ นี่เป็นเสื้อที่คุณต้องการค่ะ”
ไซ่ตี้จวิ้นพยักหน้า แล้วรับถุงเข้ามาในรถ จากนั้นเลื่อนกระจกรถให้ปิดลง เขาเปิดถุงออก ด้านในถุงเป็นเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดหนึ่งตัวและผ้าพันคอหนึ่งผืน
“คุณชอบไหม” ไซ่ตี้จวิ้นพูดขึ้น
นอกจากพ่อของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายซื้อเสื้อให้เธอ ในใจของเหลิ่งรั่วปิงมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก จู่ๆ เธอก็รู้สึกสนิทสนมกับไซ่ตี้จวิ้นขึ้นมา เธอกวาดสายตามองไปยังป้าย นี่เป็นแบรนด์ชั้นนำของโลก ราคาไม่เบาเลย
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ดื้อดึง เธอถอดเสื้อโค้ทของตัวเองออก จากนั้นสวมแจ็คเก็ตขนเป็ดที่ไซ่ตี้จวิ้นเตรียมไว้ให้ ไซส์ของเสื้อพอดีตัวเธอ
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม “คุณไซ่ เลขาของคุณคือเทพเจ้าหรอคะ ถึงได้รู้ไซส์ที่พอดีตัวกับฉัน?”
ไซ่ตี้จวิ้นชื่นชมไปด้วยและคลี่ยิ้มพลางพูดไปด้วย “เธอไม่ใช่เทพเจ้าแน่นอน เพราะว่าผมบอกไซส์ให้เธอ”
“?” เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกแปลกใจ ความหมายสื่อออกมาอย่างชัดเจน เขารู้ไซส์ของเธอได้ยังไง
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ “ใช้สายตาเดา”
“…” หน้าของเหลิ่งรั่วปิงเริ่มแดงเล็กน้อย จากนั้นก็ปรายตามองไซ่ตี้จวิ้น “คุณไซ่ คุณต้องคอยสังเกตมองผู้หญิงมากมายขนาดไหน ถึงสามารถฝึกทักษะนี้ออกมาได้?”
“เหอะๆๆ…” ไซ่ตี้จวิ้นหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ผมไม่ปฏิเสธว่าผมเคยมีผู้หญิง แต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้นจริงๆ อีกอย่าง หลังจากที่เจอคุณ ผมก็ไม่คิดถึงผู้หญิงคนอื่นอีกต่อไป”
เหลิ่งรั่วปิงก้มหน้าลง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ทว่าท่าทางของเธอบอกกับเขา เธอไม่ได้เชื่อคำพูดของผู้ชาย
ไซ่ตี้จวิ้นก็ไม่ได้คิดจะบีบบังคับเธอ จากนั้นก็เอาผ้าพันคอออกมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเอามาผูกคอของเธอหนึ่งรอบด้วยความสุภาพ
เสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดสีดำ และผ้าพันคอสีขาว ทำให้เหลิ่งรั่วปิงดูสะอาดสะอ้าน ดูสวย และชวนหลงใหล
ไซ่ตี้จวิ้นจับจ้องเธออย่างเหม่อลอยพักหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือไปเอาแจ็คเก็ตของตนเองที่วางอยู่บนเบาะหลัง เขาพันผ้าพันคอสีขาวเหมือนเธอ ลงจากรถ แล้วเดินอ้อมไปยังประตูรถอีกด้านหนึ่ง เพื่อเปิดประตูรถให้เหลิ่งรั่วปิง พร้อมกับพยุงเธอลงรถ
วินาทีที่ไซ่ตี้จวิ้นใส่ผ้าพันคอ เหลิ่งรั่งปิงรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้ใส่เสื้อคู่กับเธอ ยี่ห้อและแบบของเสื้อเหมือนกัน เธอรู้สึกอึดอัดใจ ทว่าก็ปล่อยให้เขาพยุงเธอลงจากรถ โดยที่ตัวเองกำลังรู้สึกทำตัวไม่ถูก
พอลงจากรถ เธอก็ยืนอยู่ข้างๆ ไซ่ตี้จวิ้น เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าไซ่ตี้จวิ้นเป็นคนที่สูงมาก เธอไม่ได้ใส่ส้นสูง ทำให้เธอสูงถึงแค่หัวไหล่ของเขา เหลิ่งรั่วปิงสูง 168 เซนติเมตร ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงสูงมากกว่า 185 เซนติเมตรแน่นอน
สีหน้าและอารมณ์ของเหลิ่งรั่วปิง ไซ่ตี้จวิ้นจดจำทุกอย่างผ่านสายตา ทว่าเขาตั้งใจมองข้ามมันไป เขายิ้มแล้วงอแขนของตัวเอง เพื่อสื่อให้เหลิ่งรั่วปิงคล้องแขนเขา “ถ้าไม่ถือสา วันนี้คุณเป็นคู่ควงออกงานของผมเถอะ?”
เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองกลุ่มคนมากมาย ดังคาด ทุกคนที่มาร่วมแข่งขันต่างก็คือชนชั้นสูงในสังคม ทุกคนต่างก็ควงผู้หญิงไว้หนึ่งคน นึกไม่ถึงจริงๆ ตอนที่พวกเศรษฐีจัดการแข่งขันแบบนี้ ทุกคนต่างต้องมีผู้หญิงคอยอยู่เป็นเพื่อน
ไม่ต้องคิดก็เดาได้ ถ้าวันนี้เธอยอมคล้องแขนเขา พรุ่งนี้อภิมหาเศรษฐีพวกนี้คงจะนึกว่าเธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเขา
“ทำไม กลัวแล้วหรอ” ไซ่ตี้จวิ้นหรี่ตาลงแล้วมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยรอยยิ้ม ในนัยน์ตาของเขาดูเหมือนจะคาดหวังเล็กน้อย
“ก็ต้องกลัวมากสิ เดี๋ยวถ้าคนอื่นเข้าใจผิดนึกว่าฉันเป็นผู้หญิงคนใหม่ที่คุณไซ่เลี้ยงดูขึ้นมา ฉันกลัวว่าจะถูกผู้หญิงทั้งเมืองหลงฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ” ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเหมือนไซ่ตี้จวิ้น ก็คงจะมีผู้หญิงที่เป็นคุณหนูฐานะร่ำรวยคอยชอบ ผู้หญิงรอบข้างของเขาก็คงจะอิจฉาริษยา และต้องคิดวางแผนลอบทำร้ายเธอแน่นอน
“ฮ่าๆๆ…” ไซ่ตี้จวิ้นหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ในสายตาผมแล้ว คุณไม่ใช่ผู้หญิงที่กลัวเรื่องแบบนี้”
เหลิ่งรั่วปิงหันหน้าไปแล้วทำสีหน้าเย้ยหยัน “ใช่ค่ะ คุณไซ่พูดถูก คนที่เคยเป็นเด็กเสี่ยอย่างฉันจะกลัวเรื่องนี้ทำไม แม้กระทั่งเตียงของหนานกงเยี่ยฉันก็กล้านอนมาแล้ว แน่นอนว่าต้องไม่กลัวเรื่องที่ถูกผู้หญิงคนอื่นอิจฉาริษยาอยู่แล้วค่ะ”
จู่ๆ ไซ่ตี้จวิ้นก็หุบยิ้ม แล้วดึงเหลิ่งรั่วปิงเข้าไปในอ้อมกอด จากนั้นก็เชยคางเธอขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงเข้ม “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้!”
“…” เหลิ่งรั่วปิงหรี่ตาลง พร้อมกับทำสีหน้าที่ดูถูก คำพูดของผู้ชายมีเงิน เธอไม่เชื่อ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่บริสุทธิ์แล้ว เขากลับเป็นฝ่ายมาไล่ตามเธอ ไม่ใช่ว่าต้องการเล่นเพื่อความสนุกเท่านั้นหรือไง
“มองผม!” ไซ่ตี้จวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา จากนั้นก็เชยคางของเหลิ่งรั่วปิงขึ้นอีกหน่อย “ผมไม่สนใจว่าคุณมีอดีตยังไง แต่คุณไม่มีสิทธิ์พูดเรื่อยเปื่อยแบนี้ คราวหน้าอย่าพูดถึงหนานกงเยี่ยให้ผมได้ยินอีก สำหรับเรื่องที่ผมจริงจังหรือไม่จริงจัง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้คุณได้เห็นเอง”
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นแล้วปรายตามองเขาด้วยความจริงจัง เธออยากจะอ่านใจผู้ชายคนนี้ออก ว่าเป็นความจริงหรือเป็นแค่คำโกหก ไซ่ตี้จวิ้นไม่ได้หลบสายตาเธอ นัยน์ตาสีนิลแวววับที่ดูหนักแน่นกำลังจ้องตาเธออยู่ ทันใดนั้น พวกเขาสองคนไม่มีท่าทีใดๆ เกิดขึ้น แค่โอบกอดกันแล้วจ้องตากันแบบนี้ ถ้ามองจากที่ไกลๆ ยังนึกว่าพวกเขาสองคนกำลังสวีทกัน
“ประธานไซ่ เก็บไว้สวีทกันตอนกลางคืนเถอะครับ ใกล้จะได้เวลาแล้วครับ” มีเสียงของคนคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย
ไซ่ตี้จวิ้นค่อยๆ ละสายตาออกจากเหลิ่งรั่วปิง แล้วเงยหน้ามองกลุ่มคนมากมาย จากนั้นก็กวาดสายตากลับมาที่ใบหน้าของเหลิ่งรั่วปิงอีกครั้ง แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ถ้าคุณไม่อยากไป ผมจะไม่บังคับคุณ ผมจะส่งคุณกลับโรงแรมเดี๋ยวนี้”
เหลิ่งรั่วปิงก้มหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าอย่างสง่า “คุณไซ่รู้สึกเสียใจขึ้นมากะทันหันหรอคะ ถ้าคุณอยากจะทิ้งฉัน ฉันก็จะไม่หน้าด้านมายุ่งเกี่ยวกับคุณ” เธอครุ่นคิด ไซ่ตี้จวิ้นเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะจัดการกับลั่วเฮิ่ง ฉันไม่สามารถพลาดโอกาสนี้ได้
ไซ่ตี้จวิ้นกระตุกคิ้วพลางยิ้มขึ้น แล้วไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม จากนั้นก็จูงมือเหลิ่งรั่วปิงแล้วสาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปท่ามกลางผู้คน
ผู้ชายที่ทั้งสูงและหล่อ ความมีเสน่ห์ของเขาไม่เหมือนคนทั่วไปอยู่แล้ว และผู้หญิงที่มีเรือนร่างผอมบาง ทั้งยังมีใบหน้าที่สะสวย ดูๆ แล้วพวกเขาเหมาะสมกันมากๆ และเสื้อคู่นั้นทำให้เป็นที่สะดุดตาจริงๆ
ไซ่ตี้จวิ้นดูเป็นคนที่มีฐานะในสังคมชั้นสูง เขาเพิ่งจะเดินเข้าไปในท่ามกลางผู้คน ก็มีคนเสนอหน้ามาประจบเขามากมาย
“ประธานไซ่ช่างโชคดีจริงๆ ไปหาคู่ควงออกงานที่สวยขนาดนี้มาจากไหนกันครับ”
ไซ่ตี้จวิ้นมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความรักใคร่ “ตกมาจากสวรรค์ครับ”
“คุณชายไซ่เป็นคนตลกจริงๆ ฮ่าๆๆ…”
ไซ่ตี้จวิ้นจับมือเหลิ่งรั่วปิงไว้แน่น สายตาที่เลือดเย็นและดูถูกของเขาที่มองดูทุกคนก็ได้หายไปในพริบตา
เพราะว่าเหลิ่งรั่วปิงและหนานกงเยี่ยมีความสัมพันธ์ที่เก็บเป็นความลับมาตลอด และเธอก็ไม่เคยไปคบเพื่อนคนไหน ดังนั้นคนที่อยู่ที่นี่แทบจะไม่มีใครที่รู้จักเธอ แน่นอนว่านอกจากลั่วเฮิ่ง
และจังหวะที่เห็นเหลิ่งรั่วปิง ลั่วเฮิ่งก็รู้สึกตกตะลึงไปสักพัก ก่อนหน้านี้เขาเคยส่งคนไปคอยจับตามองอย่างลับๆ แล้ว เหลิ่งรั่วปิงย้ายออกจากวิลล่าหย่าเก๋อ แล้วไปเข้าพักในโรงแรมตามลำพัง นี่มันหมายความว่าเธอถูกหนานกงเยี่ยเขี่ยทิ้ง ทีแรกเขานึกว่าเธอจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ทว่าใครจะไปรู้ว่าหนานกงเยี่ยจะมอบอำนาจของการดีไซน์สิ่งปลูกสร้างแลนด์มาร์คให้กับเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาคาดเดาไม่ถูกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหนานกงยี่ย แต่ว่าไม่ว่ายังไง หนานกงเยี่ยก็ถือว่าให้ความสำคัญกับเธออย่างไร้ข้อสงสัย
นึกไม่ถึง หลังจากที่เลิกกับหนานกงเยี่ยไปได้ครึ่งเดือน เธอกลับไปมีความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญในโลกธุรกิจ นั่นก็คือไซ่ตี้จวิ้น
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา!
สัญชาตญาณของลั่วเฮิ่งกำลังบอกเขาว่าต้องประจบประแจงเหลิ่งรั่วปิง
ดังนั้น เขาเลยยิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วเข้าไปทักทาย “คุณไซ่ครับ คุณเหลิ่งครับ ยินดีที่ได้เจอครับ”
“คุณลั่ว ยินดีที่ได้เจอครับ” ทีแรกไซ่ตี้จวิ้นก็ดูถูกคนอย่างลั่วเฮิ่งอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้ลั่วเฮิ่งได้กลายเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่บริษัทหนานกงเรียกใช้ และได้รับเหมาทั้งวัสดุก่อสร้างด้วย เขาที่เป็นบริษัทจำหน่ายวัสดุก็ต้องร่วมงานกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้ไม่ชอบ ยังไงก็ต้องให้เกียรติกัน
ลั่วเฮิ่งยิ้มอย่างประแจงประแจง แล้วมองเหลิ่งรั่วปิง “คุณเหลิ่งครับ เราเจอกันอีกแล้ว”
“ใช่ค่ะ คุณลั่ว” เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอย่างสง่า ในใจกลับพยายามอดกลั้นความโกรธแค้นที่กำลังปะทุขึ้น
ไซ่ตี้จวิ้นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แล้วหันไปมองเหลิ่งรั่วปิง พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พวกคุณรู้จักกันหรอ”
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นตั้งสถาปนิกของโรงแรมแอมพิเรียล แน่นอนว่าต้องรู้จักผู้รับเหมาก่อสร้างสิคะ อีกอย่างเรายังต้องมีเรื่องให้พูดคุยกันอีกมากมาย”
ไซ่ตี้จวิ้นพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “อืม จริงด้วย ผมลืมไปเลย”
“คุณไซ่ ครับ วัสดุสิ่งก่อสร้างของแอมพิเรียลยังหวังว่าคุณจะดูแล?” ตอนนี้ลั่วเฮิ่งยังไม่ลืมที่จะพูดถึงผลประโยชน์
บริษัทไซ่เหวยเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่จัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งฝีมือและคุณภาพในการผลิตเหล็กเส้นนั้นก้าวล้ำที่สุดในโลก โปรเจคที่สร้างสิ่งปลูกสร้างระดับสูงต่างก็ต้องการเหล็กเส้น โดยพื้นฐานแล้วต้องผูกขาดกันโดยตรง ดังนั้น มีหลายครั้งที่สินค้าไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ จึงทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูง บางครั้งต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อได้ ด้วยเหตุนี้เหล็กเส้นและวัสดุก่อสร้างบางอย่างที่ใช้ในการก่อสร้างโรงแรมแอมพิเรียล จำเป็นต้องขอซื้อมาจากบริษัทไซ่เหวย
รูปแบบการตลาดของไซ่เหวยส่วนใหญ่จะใช้ระบบตัวแทนจำหน่าย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีผู้จัดจำหน่ายไซ่เหวยกระจายอยู่ทั่วโลก พวกเขามีหน้าที่ในการโปรโมทผลิตภัณฑ์ของไซ่เหวย รวมถึงโครงการต่างๆ ที่จะสร้างสิ่งปลูกสร้าง และ บริษัทไซ่เหวยก็เป็นผู้รับผิดชอบด้านการผลิตและการสร้างแบรนด์อีกด้วย
คุณภาพของสินค้าของไซ่เหวยเป็นที่หนึ่งของโลก ราคาก็สูงที่สุด ถ้าสามารถข้ามพ่อค้าคนกลางอย่างบริษัทตัวแทนจำหน่ายไป แล้วมาร่วมงานกับไซ่ตี้จวิ้นโดยตรง ก็คงจะประหยัดเงินทุนไปได้เยอะ เพียงแต่น้อยคนที่จะได้เจอกับไซ่ตี้จวิ้น วันนี้ลั่งเฮิ่งโชคดีจริงๆ
“ได้ครับ” ยังไงลั่วเฮิ่งก็คือแขกของไซ่เหวย ไซ่ตี้จวิ้นไม่มีทางไม่ไว้หน้าเขาแน่นอน
และโรงแรมแอมพิเรียลเป็นตระกูลหนานกงก่อตั้งขึ้น ก็ต้องดูดีมีระดับอยู่แล้ว นอกจากเหล็กเส้นแล้ว ไซ่เหวยยังมีความปรารถนาที่จะได้ร่วมงานกันในหลายๆ ด้าน อย่างเช่นระบบการปรับอากาศ บริษัทไซ่เหวยยังผลิตวาล์วที่จำเป็นสำหรับเครื่องปรับอากาศส่วนกลาง ที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างระดับชั้นสูงในโลก
“ท่านประธานไซ่ กระแข่งขันนกพิราบสื่อสารกำลังเริ่มขึ้นแล้ว” เลขาของไซ่ตี้จวิ้นเดินเข้ามาบอก
ไซ่ตี้จวิ้นพยักหน้า จากนั้นก็มองเหลิ่งรั่วปิงแล้วพูดขึ้น “ไปปล่อยนกพิราบสื่อสารกับผมไหม”
“ได้ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วปล่อยให้ไซ่ตี้จวิ้นจูงตัวเองไปปล่อยนกพิราบสื่อสาร ก่อนจะออกจากที่นั่น เธอได้คุยกับลั่วเฮิ่ง “คุณลั่ว มีเวลาว่างเราค่อยพูดคุยกันยาวๆ นะคะ”
“ครับ ดีครับ” ลั่วเฮิ่งพยักหน้าทันที สายตาของเหลิ่งรั่วปิงเห็นว่าเขารู้เรื่องแล้ว มีเรื่องงานที่ต้องคุยกัน การสนิทสนมกับผู้หญิงอย่างเธอ เป็นสิ่งที่เขาต้องการให้เป็นจนใจจะขาด
จังหวะที่เหลิ่งรั่วปิงหันมา เธอกระตุกยิ้มอย่างเลือดเย็นขึ้นตรงมุมปาก เธอได้เดินก้าวที่สำคัญมาอีกหนึ่งก้าวในการผลักลั่วเฮิ่งให้ตกนรก เพราะถึงอย่างไรผลประโยชน์ก็มาเป็นที่หนึ่ง เธอไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ติดกับดัก