เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 87 คุณจะแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิงไหม
“เยี่ย คุณโกรธฉันหรอคะ” เสียงของอวี้หลานซีมีความกลัวเล็กน้อย
“เปล่าครับ” หนานกงเยี่ยพูดเสียงเบา แต่น้ำเสียงของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าไปด้านหน้า มองดูหนานกงเยี่ยและอวี้หลานซีที่ยืนอยู่ตรงบันได อวี้หลานซีจับเดรสแน่นด้วยความกลัว ทว่าหนานกงเยี่ยกลับยืนนิ่ง ในมือของเขามีบุหรี่หนึ่งมวน
“การที่ฉันมาที่นี่ ทำให้คุณอึดอัดใช่ไหมคะ” อวี้หลานซีเดินไปด้านหน้าสองก้าว จากนั้นจับแขนเสื้อของหนานกงเยี่ยเอาไว้ “เยี่ยคะ ฉันไม่ได้คิดอยากจะทำร้ายคุณเหลิ่งจริงๆ นะคะ ถ้าคุณชอบเธอฉันเองก็สามารถชอบเธอได้ ฉันไม่ถือสาการมีตัวตนของเธอ ถ้าเป็นไปได้ ฉันยินดีที่จะอยู่ร่วมกันกับเธออย่างมีสงบค่ะ”
หนานกงเยี่ยดูดบุหรี่หนึ่งฟอด เขาดึงดันที่จะกลืนควันบุหรี่ลงท้อง “หลานซี คุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ ผมไม่เหมาะกับคุณ”
“คุณกำลังพูดอะไรคะ” อวี้หลานซีมองไปทางหนานกงเยี่ยด้วยความสิ้นหวัง
“หลานซี ผมรู้สึกกับคุณเหมือนน้องสาว น้องสาวแท้ๆของผม”
“เป็นเพราะเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นคุณถึงไม่ต้องการฉันใช่ไหมคะ” อวี้หลานซีไม่สามารถยอมรับได้ หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอมองตนเองเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ยมาโดยตลอด จู่ๆ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแบบนี้ได้ยังไง เขาบอกว่าเขาไม่เหมาะกับเธอ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเหลิ่งรั่วปิง ต่อให้ไม่มีเธอ พวกเราก็เข้ากันไม่ได้อยู่ดี หลานซี คุณเป็นผู้หญิงที่ดี คุณควรได้รับความรักจากผู้ชายที่ดี แต่คนคนนั้นไม่ใช่ผมหนานกงเยี่ย ผมไม่สามารถทำให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขได้”
“คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อฉันค่ะ ขอแค่ให้ฉันได้รักคุณ ฉันก็มีความสุขแล้ว”
หนานกงเยี่ยถอนหายใจ เขาทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วขยี้มัน คิ้วหนาขมวดเป็นปม “หลานซี พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ผมเห็นคุณเป็นญาติของผม คุณในตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกปวดไปทั้งหัวใจจริงๆ แต่ว่า ความปวดใจไม่ใช่ความรัก เข้าใจไหม”
“เยี่ย ฉันไม่เคยคิดฝันให้คุณมารักฉัน ฉันแค่อยากขอร้องคุณ ได้โปรดให้ฉันได้อยู่เคียงข้างคุณนะคะ คุณรักเหลิ่งรั่วปิง ส่วนฉันรักคุณ พวกเราสามคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ฉันรู้ค่ะ ความรู้สึกที่คุณมีต่อคุณเหลิ่งรั่วปิงมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ยาวนาน อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นในอนาคต แต่ฉันสามารถยอมได้ค่ะ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วด้วยความจนปัญญา “หลานซี คุณรู้ไหมว่าผมต้องการผู้หญิงแบบไหน”
“ผู้หญิงที่รักคุณหรือไม่ก็ผู้หญิงที่คุณรัก”
“ผิดแล้วครับ ผู้หญิงที่ผมต้องการคือผู้หญิงที่ผมไม่ต้องคอยเป็นห่วงตลอดเวลา”
“ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณอย่างเงียบๆ จะไม่ทำให้คุณต้องคอยเป็นกังวลเรื่องของฉัน” เธอไม่เพียงแต่ไม่ต้องให้เขาเป็นห่วงตนเอง แต่เธอยังจะทำให้เขาไม่ต้องคอยกังวลผู้หญิงทุกคนในชีวิตของเขา
หนานกงเยี่ยรู้ ความเข้าใจของเขากับอวี้หลานซีคนละระดับ เธอเป็นผู้หญิงที่ดี แต่เธอก็เป็นผู้หญิงหัวแข็ง เขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้ในระยะเวลาสั้นๆ
หนานกงเยี่ยถอนหายใจ “พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว หลานซี ผมอยากให้คุณลองเปิดใจให้กับผู้ชายคนอื่น ถ้าวันไหนคุณเจอคนที่คุณรัก ผมยินดีที่จะอวยพรให้พวกคุณมีความสุข”
ดวงตาคู่ในของอวี้หลานซีมีน้ำตาคลอ “คุณจะแต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิงไหมคะ”
“ไม่มีทาง” หนานกงเยี่ยตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ไม่เคยคิดพาตัวเองไปมีพันธะผูกพันด้วยการแต่งงาน สำหรับเขา การแต่งงานเป็นเหมือนนิทานเกี่ยวกับเทพนิยาย เรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในโลกของเขา การแต่งงานเหมือนอย่างกับการที่คนธรรมดาแปลงร่างกลายเป็นเทพ เป็นเรื่องที่เพ้อฝัน
ที่หนานกงเยี่ยบอกว่าจะไม่แต่งงานกับเหลิ่งรั่วปิง เป็นเพราะเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะคบเธอเล่นๆ ทว่าเหลิ่งรั่วปิงที่ได้ยินประโยคนี้กลับไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกมุมปาก หัวเราะเยาะตนเอง เธอรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นแค่สัตว์เลี้ยงของหนานกงเยี่ย ความรู้สึกที่เขามีให้เธอเป็นแค่ความรู้สึกสนุกกับสิ่งใหม่ๆ เท่านั้น เธอรู้ดีว่าตนเองอยู่ในสถานะไหน แต่พอได้ยินเขาพูดออกมาจากปากตนเองแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
สิ่งที่หนานกงเยี่ยและอวี้หลานซีพูดกันต่อนั้น เหลิ่งรั่วปิงไม่มีอารมณ์ฟังแล้ว เธอหมุนตัวหันหลัง เดินกลับไปยังงานเลี้ยง
เวลานี้ เวินอี๋และมู่เฉิงซีนั่งอยู่ในงานแล้ว ถึงแม้ว่าตาของเวินอี๋จะยังแดงอยู่ ทว่าใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มแต้มเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามู่เฉิงซีทำให้เธออารมณ์ดีแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงกลับไปนั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอขอเครื่องดื่มร้อนจากเดินเสริฟ แล้วค่อยๆ ดื่ม
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยและอวี้หลานซีกลับมาในงานเลี้ยง หนานกงเยี่ยกลับมาด้วยสีหน้าโล่งใจ ทางด้านอวี้หลานซีกลับมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
หนานกงเยี่ยเดินไปนั่งข้างๆ เหลิ่งรั่วปิง เขาพูดเสียงเบา “กินเสร็จรึยัง”
“กินเสร็จแล้วค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ
“พวกเราไปกันเถอะ” หนานกงเยี่ยหันไปพูดกับก่วนอวี้ “นายช่วยส่งคุณอวี้กลับไปด้วย”
“ครับ คุณชายเยี่ย” ก่วนอวี้ชำเลืองมองอวี้หลานซี จากนั้นหลบตาลง เพื่อซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดในแววตาของเขา
หนานกงเยี่ยสวมเสื้อกันหนาวของตนเอง แล้วเอื้อมมือไปคว้าเสื้อกันหนาวของเหลิ่งรั่วปิง เขาสวมเสื้อกันหนาวให้เธอ พร้อมกับจับมือของเธอเอาไว้ ขณะที่กำลังจะเดินออกไปนั้น ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น เพียงเสี้ยววินาที กระจกในห้องจัดงานเลี้ยงแตกเป็นเสี่ยงๆ ตามด้วยเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด
เหลิ่งรั่วปิงเคยผ่านเรื่องแบบนี้มานับไม่ถ้วน สิ่งแรกที่เธอทำคือหาของมากำบัง ด้วยเหตุนี้เธอจึงย่อตัวลงนั่งด้วยความเร็ว แล้วหลบอยู่หลังโต๊ะ เธอนึกถึงเวินอี๋ขึ้นมา จึงรีบหันหลังกลับไปมอง เห็นเวินอี๋หลบอยู่ในอ้อมกอดของมู่เฉิงซี ทำให้เหลิ่งรั่วปิงโล่งอก จากนั้นหันไปมองหนานกงเยี่ย เขากอดอวี้หลานซีเอาไว้ เหลิ่งรั่วปิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตนเอง ถึงแม้เขากับเธอจะเคยทำเรื่องแบบนั้นกัน แต่ในช่วงเวลาสำคัญเขาเลือกอวี้หลานซี
ดังนั้น ตอนที่หนานกงเยี่ยหันมามองเธอ เธอจึงหลบสายตาทันที จึงไม่ได้เห็นความกังวลและเป็นห่วงในแววตาคู่นั้น
ความเป็นจริงเธอเข้าใจหนานกงเยี่ยผิดไปแล้ว คนแรกที่เขานึกถึงคือเธอ ไม่ใช่อวี้หลานซี แต่เหลิ่งรั่วมีไหวพริบและรวดเร็วมาก เขายังไม่ทันได้ปกป้องเธอ เธอก็หาที่กำบังให้ตนเองแล้ว ทว่าอวี้หลานซีกลับตกใจจนหน้าซีด เธอยืนนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกปกป้องอวี้หลานซี
หลังจากเสียงปืนสงบลง ทุกอย่างเงียบกริบ
อวี้ไป่หันกัดฟันกรอด “ให้ตายสิ ใครกล้าสร้างปัญหาในถิ่นกู กูเอามันตาย!
“ไป่หัน อย่าวู่วาม การจู่โจมในครั้งนี้มีการเตรียมการมา ด้านนอกมีคนจำนวนมากซ่อนตัวเอาไว้” มู่เฉิงซีพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
ช่วงเวลานี้ เหลิ่งรั่วปิงเอื้อมมือไปหยิบมีดปลอกผลไม้บนโต๊ะ เธอกรีดเดรสตัวยาวของตนเองให้กลายเป็นเดรสตัวสั้น ทุบส้นรองเท้าจนหัก จากนั้นจับมีดปลอกผลไม้เอาไว้ในมือ นัยน์ตาของเธอเย็นยะเยือก คล้ายว่าขอแค่มีอะไรเกิดขึ้นนิดหน่อย มีดปลอกผลไม้ในมือก็พร้อมเชือดทันที
แววตาของหนานกงเยี่ยฉายความชื่นชม เขายิ้มแล้วยื่นปืนให้กับเหลิ่งรั่วปิง “เอานี่ไว้”
เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองหนานกงเยี่ย เธอไม่ได้ปฏิเสธ เหลิ่งรั่วปิงเปลี่ยนไปใช้มือซ้ายจับมีดปลอกผลไม้ ใช้มือขวาจับปืน
เหลิ่งรั่วปิงวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ คนที่เธอเป็นห่วงที่สุดคือเวินอี๋ แต่เวินอี๋มีมู่เฉิงซีคอยปกป้องแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ดังนั้นสิ่งที่เธอต้องทำคือการปกป้องตนเอง เพราะนอกจากตัวเธอเองแล้ว ไม่มีใครยินดีปกป้องเธอ
เวลานี้ หนานกงเยี่ย ถังเฮ่า อวี้ไป่หัน มู่เฉิงซีและก่วนอวี้ ในมือของทุกคนถือปืนเอาไว้ กระสุนใส่เอาไว้เต็มแม็ก เตรียมพร้อมที่ยิงตลอดเวลา
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ประตูห้องถูกเตะอย่างแรง มีชายชุดดำหลายคนเดินถือปืนบุกเข้ามา พวกเขาควานหาเป้าหมายในห้องด้วยความรวดเร็ว
พวกเขาที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ มองหน้ากัน ตัดสินใจยิงไปทางพวกชายชุดดำ จากนั้นรีบวิ่งออกไปจากห้อง ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันต่างคนต่างวิ่งออกไป มู่เฉิงซีที่ต้องคอยปกป้องเวินอี๋เอาไว้วิ่งตามหลังไป ทางด้านก่วนอวี้กำลังคุ้มครองหนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยใช้เสื้อกันหนาวคลุมศีรษะอวี้หลานซี นี่คือความเคยชินที่เขาทำตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะปกป้องอวี้หลานซี ตระกูลหนานไม่เคยยอมปล่อยให้สื่อและคนนอกเห็นหน้าเธอ
หนึ่งวินาทีก่อนจะออกไปจากห้อง หนานกงเยี่ยหันมาพูดกับเหลิ่งรั่วปิง “ตามผมมา”
เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้ตอบเขา เพราะรู้สึกว่าบาดตาบาดใจกับภาพตรงหน้า
ชายชุดดำจำนวนมากซ่อนตัวเอาไว้ในทางเดิน ทั้งสองฝ่ายยิงปะทะกันด้วยความดุเดือด อวี้ไป่หันและถังเถ่าสบายมาก เพราะพวกเขาไม่ต้องคอยดูแลใคร แต่หนานกงเยี่ยและมู่เฉิงซีต้องคอยดูแลผู้หญิงตัวเล็กๆ จึงไม่สามารถปะทะได้เต็มที่ ทว่าหนานกงเยี่ยมีก่วนอวี้คอยอยู่ข้างๆ เขาจึงสบายกว่ามู่เฉิงซี
ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงตัดสินใจอยู่ข้างๆ มู่เฉิงซี เพราะเธอเป็นห่วงเวินอี๋
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วมองไปทางเหลิ่งรั่วปิง เสียงปืนที่ดังสนั่นทำให้เขาไม่มีโอกาสได้พูด
นอกจากอวี้หลานซีและเวินอี๋แล้ว ทุกคนล้วนถูกฝึกมาอย่างดี พวกเขายิงปืนแม่นมาก ถึงแม้ชายชุดดำจะมีจำนวนมาก แต่ไม่นานก็ล้มลงกันหมดแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงเหมือนนกนางแอ่นบินโฉบ เธอยืนหลบตรงทางเดิน ฝีมือการยิงปืนของเธอแม่นมาก ทว่ายังคงทำให้คนรู้สึกเหมือนเห็นนางฟ้า ชายชุดดำหลายคนจบชีวิตด้วยฝีมือเธอ
หลังจากจัดการพวกชายชุดดำตรงทางเดินเรียบร้อยแล้วนั้น พวกเขาพักหายใจตรงกำแพงครู่หนึ่ง เพราะโถงชั้นหนึ่งยังมีชายชุดดำอีกหลายคน
อวี้ไป่หันชูนิ้วโปงให้กับเหลิ่งรั่วปิง ถังเฮ่าพยักหน้าชื่นชม
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกบัวหลังฝนตก
หนานกงเยี่ยอยากวิ่งไปกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ แต่เพราะอวี้หลานซีกอดเขาไว้แน่น ตัวของเธอสั่นเทา ทำให้เขาไม่สามารถทิ้งอวี้หลานซีได้
เวลานี้ ด้านหลังมีเสียงดังขึ้น พวกเขาหันไปมองพร้อมกัน ระเบิดเวลากลิ้งมาตรงประตู ตัวอักษรสีแดงกำลังนับถอยหลังห้าวิ
ชั้นหนึ่งมีศัตรูที่พร้อมโตมตี ชั้นสองมีระเบิด หนีเสือปะจระเข้จริงๆ สองตัวเลือกนี้เลือกยากมาก แต่ขืนอยู่ชั้นสองต่อต้องตายแน่ๆ วิ่งลงไปชั้นหนึ่งยังมีโอกาสรอดมากกว่า
สิ้นเสียงของหนานกงเยี่ย ทุกคนวิ่งออกไปตรงประตูชั้นสอง จากนั้นกระโดดลงไปที่โถงชั้นหนึ่ง เสียงระเบิดบนชั้นสองตามไล่หลังมา พร้อมกับมีเสียงปืนดังขึ้นไม่หยุด
หลังจากที่ทุกคนกระโดดลงมาจากชั้นสอง ต่างก็แยกย้ายหาที่กำบัง ในช่วงเวลาคับขัน ไม่มีใครเป็นห่วงใครได้อีก ขอแค่ทำให้ตนเองยังปลอดภัยก็ถือว่าดีมากแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่หนานกงเยี่ยพาอวี้หลานซีไปหลบหลังโซฟา เขาก็ไม่เห็นเหลิ่งรั่วปิงอีก
หนานกงเยี่ยกวาดตามองอย่างรวดเร็ว เขาเห็นถังเฮ่ายืนหลบอยู่หลังเสา อวี้ไป่หันหลบอยู่ด้านหลังเสาถัดไป มู่เฉิงซีและเวินอี๋หลบอยู่หลังโต๊ะ ส่วนก่วนอวี้ยืนอยู่ใกล้ๆ เขา แต่เขามองหาเหลิ่งรั่วปิงไม่เจอ
หวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงเยี่ยรู้สึกหวาดกลัว
หัวใจของเขาเต้นแรง มือของเขาสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่
ตอนอยู่ที่ชั้นสอง เขาสั่งให้ทุกคนกระโดดลงไป เขาคิดว่าเธอก็จะกระโดดลงมาพร้อมกับเขา แต่เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายเธอกระโดดลงมาไหม
เหลิ่งรั่วปิง อย่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณนะ!