เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 182 เรื่องอะไรถึงต้องไปคุยในห้อง?
“……”เสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ เธอเคยได้ยินเสียงเรียกเข้าของหลิวซูหลายครั้ง มันมีเอกลักษณ์ น่าฟังและจำได้ง่าย
เธอค่อยๆหันหลัง ก็เห็นหลิวซูที่ในมือถือแก้วไวน์แล้วเดินมาทางเธอ เห็นเธอหมดสภาพแบบนี้ เขาก็ตกตะลึง พูดพร้อมกับมีสายตายิ้มๆว่า“พี่สะใภ้ นี่คุณไปทำอะไรมาน่ะ? ถึงมีสภาพแบบนี้?”เขาเรียกเย่หลินว่าพี่สะใภ้ตามหนิงเชี่ยน
เพราะในใจเย่หลินห่วงแต่หนิงเส่าเฉิน จึงไม่เห็นรอยยิ้มในสายตาของเขา คว้ามือของเขามาเขย่าอย่างแรง “หลิวซู เส่าเฉินล่ะ?เส่าเฉินเป็นยังไงบ้าง?เขาอยู่ที่ไหน?”
เสียงที่เธอพูดออกมานั้นสะอึกสะอื้น ทำให้หลิวซูต้องปรับสีหน้า
เขาเชยคางเย่หลิน มือชี้ไปทางด้านหลังของเธอ “นู่น นั่นไม่ใช่เขาเหรอ?”
เย่หลินเช็ดน้ำตา กลั้นหายใจแล้วหันหลังกลับไป ไม่ไกลจากนี้ เธอเห็นหนิงเส่าเฉินยืนอยู่ข้างใน ถึงแม้จะหันหลัง แต่เธอก็สามารถยืนยันได้ว่านั่นคือเขา “โฮ”เธอนั่งลงกับพื้น แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง
หนิงเส่าเฉินเมื่อได้ยินเสียงเธอ ก็รีบวางแก้วไวน์ในมือแล้วเดินมาหาเธอ พยุงให้เธอลุกขึ้น เห็นเธอหมดสภาพแบบนี้ ขมวดคิ้วถามว่า“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ทำไมสภาพเป็นแบบนี้?”
“จริงด้วยประธานเย่ งานทางนี้ก็เลิกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงเส่าพวกเขามาช่วย วันนี้คุณคงต้องกลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่นไปแล้วล่ะ”
เย่หลินดูเวลา โรงพยาบาลนั้นเป็นโรงพยาบาลที่ห่างไกลที่สุดในเมืองc ใช้เวลาประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงในการเดินทางไปกลับ
เธอสูดจมูก หันไปมองหลิวซู ขมวดคิ้ว“ไม่ใช่ว่านายเป็นคนให้คนอื่นบอกฉันว่าหนิงเส่าเฉินเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรอกเหรอ? ฉันรีบตามไป แต่ไม่เจอใครในโรงพยาบาลเลย แล้วฉันก็ไม่ได้เอามือถือไปด้วย ดังนั้นถึงได้กลับมาอีกรอบ กำลังจะเอามือถือโทรหานายเนี่ยแหละ”
เธอยิ่งพูดยิ่งน่าสงสาร น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหล ก็ร่วงลงมาอีกครั้ง
หลิวซูขมวดคิ้ว ชี้มาที่ตัวเอง แล้วชี้ไปที่หนิงเส่าเฉิน “ผม ผมโทรหาคุณ ไม่นะ!เมื่อเช้าผมไปรับหนิงเส่าเฉิน แล้วพวกเราก็มาหาคุณที่นี่ อุบัติเหตุอะไร? ทำไมผมฟังที่คุณพูดไม่รู้เรื่อง?”
เย่หลินอึ้งไปสักพัก หยิบมือถือขึ้นมา เปิดเข้าไปในประวัติการโทร ส่งให้หลิวซูดู “นายดูสิ ตอนเจ็ดโมงกว่า นายโทรหาฉันไม่ใช่เหรอ?”
หลิวซูรับไปดู บนนั้นปรากฏชื่อของหลิวซูจริงๆ ทำให้เขาตะลึงไปเล็กน้อย
หนิงเส่าเฉินได้ยินแบบนั้น หยิบมือถือจากมือของหลิวซู คลิกเข้าไปในชื่อนั้น ก็ปรากฏตัวเลขขึ้นมา สายตาเขานิ่งไป“มีคนมายุ่งกับโทรศัพท์มือถือของคุณ ที่บันทึกไว้เป็นชื่อของหลิวซูแต่กลับไม่ใช่เบอร์มือถือของเขา”
เย่หลินผงะ รับมันมาดู ในบันทึกการโทรมีชื่อหลิวซูขึ้นสองชื่อจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่เธอโทรออกไป เธอโทรมันจากสมุดรายชื่อ ตอนนั้นก็ไม่ได้สังเกตว่ามีชื่อหลิวซูกี่ชื่อ แล้วก็กดเข้าไปในบันทึกการโทรหนึ่งปี มันมีสองเบอร์จริงๆ รู้ว่าตัวเองโดนหลอก สีหน้าก็นิ่งลง มีเงาคนคนหนึ่งผ่านหน้าไป
พอคิดถึงตรงนี้ ก็ร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อมกัน ยื่นแขนออกไปกอดหนิงเส่าเฉินและฝังใบหน้าไว้บนหน้าอกของเขา “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันตกใจมากเลย”
หนิงเส่าเฉินขมวดคิ้ว กอดเธอกลับ มือใหญ่ตบที่หลังเธอเบาๆ “ทีหลังเจอเรื่องอะไร อย่าเพิ่งรีบร้อนจนเกินไป นี่ยังไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับผมนะ คุณก็เป็นถึงขนาดนี้ แล้วถ้าหาก……”
เย่หลินเงยหน้า ปิดปากเขาไว้ “ไม่มีถ้าหาก!”สายตาเธอแน่วแน่
มุมปากของหนิงเส่าเฉินยกขึ้น ใกล้เข้ามาพูดข้างหูเธอ “แต่ยังไงผมก็ดีใจนะ ที่เห็นคุณหนูเย่กลายเป็นแบบนี้เพราะห่วงผม”
เขากำลังหยอกล้อเธอ แต่ในมุมที่เย่หลินไม่เห็น หนิงเส่าเฉินกลับทำหน้าเย็นชาส่งสายตามองไปที่หลิวซู
เพราะเรื่องเมื่อเช้าที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด ทำให้เย่หลินรู้สึกเหนื่อยมากๆ พอตอนเย็นจัดการเรื่องต่างๆเสร็จแล้ว เธอก็กลับบ้านเลย
หนิงเสี่ยวซีเห็นอาการของเธอไม่ค่อยดีนัก ก็ใกล้เข้ามาถามว่า“แม่ครับ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เย่หลินอุ้มหนิงเสี่ยวซี นาทีนี้ เธอรู้สึกว่าขอแค่พวกเธอสี่คนพ่อแม่ลูกปลอดภัย เรื่องอื่น เธอก็ไม่สนใจแล้ว
ถึงแม้หนิงเสี่ยวซีจะอายุสิบขวบ แต่ เขามีไอคิวสูง เพราะฉะนั้น จึงดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
เย่หลินคิดแล้ว ก็เล่าเรื่องที่เจอเมื่อเช้าให้หนิงเสี่ยวซีฟัง
“แม่ แม่บอกเบอร์มือถือนั้นกับผม เดี๋ยวผมตรวจสอบดูหน่อย ดูข้อมูลของคนคนนั้นและตำแหน่งของเขาตอนคุยกับแม่”
เย่หลินตกใจ“ลูก นี่ก็ตรวจสอบได้เหรอ?”
หนิงเสี่ยวซีพยักหน้า รับมือถือจากเย่หลินมา แล้วป้อนหมายเลขนั้นลงไป ไม่นาน ก็ได้ยินเขาพูดว่า“คนที่ลงทะเบียน เป็นผู้ชายอายุสิบแปดปี สถานที่ที่โทรออกคือบ้านของพวกเรา?”
เย่หลินตกใจ ลุกยืนขึ้น “ลูก ลูกบอกว่าบ้านไหนนะ?”
หนิงเสี่ยวซีชี้ลงพื้น “ที่นี่”
ตอนนี้เย่หลินอึ้งไปแล้ว ในบ้านนี้นอกจากพวกเธอสี่คนแล้ว ก็มีคนทำความสะอาดบ้านหนึ่งคน คนซักผ้าทำกับข้าวหนึ่งคน คนขับรถอีกสองคน แล้วก็คนที่ดูแลน้ำกับไฟฟ้าและเรื่องอื่นๆอีกหนึ่งคน และสุดท้ายก็คือพี่ซวี่ที่ตามมาจากต่างประเทศ
คนที่โทรหาเธอเมื่อเช้าเป็นเสียงของผู้หญิง
พี่ซวี่ ตัดออกไปได้เลย เธออยู่กับพวกเรามาหลายปี เธอรู้จักเธอดี
ส่วนคุณน้าที่ทำอาหาร เพราะหนิงเส่าเฉินเป็นคนเลือกทาน คนคนนี้จึงถูกเรียกมาจากคฤหาสน์หนิง ก็ตัดออกไปได้เลยเหมือนกัน
งั้นก็คงเป็นน้าที่ทำความสะอาดบ้านแล้วล่ะ คิดถึงตรงนี้ เธอก็ลุกขึ้นอยากจะไปถามเธอ แต่พอคิดๆดูแล้ว ก็กลับมานั่งที่เดิม มองหนิงเสี่ยวซี “รอพ่อลูกกลับมาก่อนดีกว่า ปรึกษาเขาก่อน แล้วค่อยดูอีกทีว่าจะจัดการยังไง”
พอตกกลางคืนหนิงเส่าเฉินคิดว่าเย่หลินอาจจะเสียขวัญจากเรื่องเมื่อเช้าอยู่ อยากจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ หนึ่งทุ่มก็กลับถึงบ้าน
ตอนเขากลับมาถึง ก็เห็นเย่หลินกำลังเล่นเกมตั้งเตกับเย่เสี่ยวโม่อยู่ ทั้งๆที่เป็นแม่ลูกสองแล้ว แต่กลับยิ้มเหมือนเด็กผู้หญิง เขายืนอยู่หน้าประตู หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไว้ จากนั้น ก็เหม่อมองดูพวกเขา
ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก ที่หนิงเสี่ยวซีจะไม่เล่นแท็บเล็ตของเขา นั่งพิงอยู่หลังโซฟามองดูพวกเขาสองคน แล้วคอยตำหนิเย่เสี่ยวโม่เป็นครั้งคราว
“เย่เสี่ยวโม่ สมองเธอล่ะ? ที่ตรงนั้นเธอเคยโดดแล้ว ยังจะโดดอีก?”
“เย่เสี่ยวโม่ เธอเป็นหมูเหรอ? เธอควรโดดตรงนี้ก่อน……”
หนิงเสี่ยวซียิ่งดูก็ยิ่งหงุดหงิด เขาจึงอุ้มเย่เสี่ยวโม่ออกจากช่องตาราง “เธอมานี่ พี่โดดหนึ่งรอบ เธอดูไว้!จริงๆเลย คลอดน้องสาวโง่ๆแบบเธอออกมาได้ยังไง?”
เย่หลินที่อยู่ข้างๆหัวเราะจนท้องแข็ง “หนิงเสี่ยวซี ลูกกำลังว่าแม่ทางอ้อมอยู่หรือเปล่า?”
หนิงเสี่ยวซีมองเย่หลิน เกาศีรษะตัวเองอย่างเขินๆ
เย่เสี่ยวโม่แปลกมาก เธอจะมีอารมณ์โกรธกับคนทุกคน ยกเว้นแค่กับหนิงเสี่ยวซี ไม่ว่าเขาจะด่า จะรังแกเธอยังไง เธอก็ยิ้มรับตลอด
บ้านอื่นมีแต่พี่ชายที่หลงน้องสาว แต่บ้านนี้ กลับกัน น้องสาวหลงพี่ชาย หลงแบบห้ามไม่อยู่
“เสี่ยวซี ต่อไปอย่าว่าน้องแบบนี้อีก รู้ไหม?”
เสียงของหนิงเส่าเฉิน
สายตาของทุกคนไปตกอยู่ที่เขา
เย่เสี่ยวโม่กระตือรือร้นมาก วิ่งเหยาะๆเข้าไปในอ้อมกอดของหนิงเส่าเฉิน “ปะป๋า กลับมาแล้วเหรอคะ?”
เย่หลินกอดหนิงเสี่ยวซีเอาไว้ มองดูหนิงเส่าเฉินเดินมาทางพวกเธออย่างยิ้มๆ
หนิงเส่าเฉินอุ้มเย่เสี่ยวโม่ไว้สักพัก ถึงได้ให้หนิงเสี่ยวซีพาเธอไปอาบน้ำกับพี่ซวี่
แล้วตัวเองก็ไปดึงเย่หลินตรงเข้าไปที่ห้อง
“ทำไมเหรอ?มีเรื่องอะไรถึงต้องเข้าไปคุยในห้อง?”