เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 226 เข้าโรงพยาบาล
หนิงเส่าเฉินแก่กว่าเกาไห่สองสามปี ฉะนั้น แม้ว่าเขากับเย่หลินจะมีความสัมพันธ์แบบนี้ก็ตาม ระหว่างทั้งสองคน ได้เรียกชื่อซึ่งกันและกันมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงเส่าเฉินเรียกเขาว่าพี่ ชั่วขณะเกาไห่ก็รับไม่ได้
“คุณตาให้เวลาฉันสิบวันในการให้คำตอบเขา เขาบอกว่าถ้าฉันจัดการไม่ได้ เขาอาจจะมีวิธีการบางอย่างของเขา……” หนิงเส่าเฉินหลับตา ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลง “ฉันกังวลว่า ถ้าสิบวันแล้ว ฉัน……”
หนิงเส่าเฉินรู้ว่า ถ้าพ่อไม่ฟื้นขึ้นมา ด้านหนึ่งก็เป็นแม่กับน้องสาวแล้วยังมีคนของตระกูลหนิง อีกด้านหนึ่งก็เป็นคนที่เขารัก เขาจนปัญญาที่จะบอกได้ว่าจะทิ้งสิ่งไหน เลือกสิ่งไหน?
“นิสัยเย่หลินเราก็รู้ดี มิตรภาพที่เธอมีต่อคุณ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ ขนาดนั้น คุณวางใจเถอะ” เกาไห่เข้าใจคำพูดของหนิงเส่าเฉินผิด
มุมปากของหนิงเส่าเฉินยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น “ฉันไม่ได้กังวลว่าเธอจะเปลี่ยนไป ฉันอยากฝากคุณไปบอกคุณตาให้หน่อย ว่าถ้าสิบวันแล้ว ฉันไม่สามารถให้คำตอบที่เขาต้องการได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ฉันหวังว่าเขาจะทำให้เย่หลินมีความสุขได้”
สายตาเกาไห่มองออกไปนอกหน้าต่าง ก้นบึ้งของหัวใจเหมือนถูกอะไรทิ่มแทง รูม่านตาหดลง คิ้วเลิกขึ้น “คุณไม่ยอมเสียเธอไป ฉันก็จะช่วยคุณหาทางออก”
พูดจบ เกาไห่ก็วางสาย ในใจเป็นทุกข์อย่างมาก
เวลานี้ เสี่ยวตงผลักประตูเข้ามา บอกเกาไห่ว่าเล่อจยามีธุระด่วนส่วนตัว ต้องกลับเมืองCก่อน
“บอกไหมว่าธุระอะไร? ” เกาไห่สอบถาม
เสี่ยวตงลูบๆ จมูก “เหมือนว่าฉันจะได้ยินเธอพูดอะไรเกี่ยวกับโรงพยาบาล……คาดว่าใครน่าจะป่วย? ”
เกาไห่นึกๆ ดู “เอาเบอร์เธอมาให้ฉัน”
เสี่ยวตงไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ก็ยังคงรีบเปิดสมุดรายชื่อ
ต่อสายไปสักพัก เล่อจยาจึงรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
“อยู่ไหน? ”
เล่อจยาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด มองสิ่งก่อสร้างข้างๆ “ตลาดซินตง”
“รอฉันอยู่ที่นั่น”
เล่อจยาไม่รู้ว่าเกาไห่คิดจะทำอะไร แต่ซูหย่าเพิ่งโทรหาเธอเมื่อกี้บอกว่าพ่อเข้าโรงพยาบาล แม้ว่าซูหย่าจะไม่บอกสถานการณ์เธออย่างละเอียด แต่ด้วยนิสัยของซูหย่า ถ้าพ่อไม่อาการหนัก เธอจะโทรมาหาเธอในเวลานี้เหรอ
ชั่วขณะก็รู้สึกร้อนใจ
โบกรถเดินขึ้นไปหาที่นั่งข้างหน้าต่าง หยิบโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาเกาไห่ “ประธานเกา พ่อของฉันเข้าโรงพยาบาล เรื่องภาพวาดการออกแบบ ฉันจะส่งให้คุณโดยเร็วที่สุด ขอโทษนะ ฉันจำเป็นต้องกลับไปก่อน”
เธอคิดว่าเกาไห่มาหาเธอ เพราะเรื่องภาพวาดการออกแบบ
“พ่อคุณป่วยเป็นอะไร? ‘
เล่อจยาใจลอยไปชั่วขณะ นี่เกาไห่เป็นห่วงตนเหรอ? ฉับพลันใจก็อบอุ่นขึ้นมา ถึงแม้จะรู้ว่า เขาอาจจะถามเป็นมารยาทก็เท่านั้น
“พ่อฉันเป็นเบาหวาน เมื่อกี้เพื่อนฉันโทรมาบอกว่า เขาหมดสติไป รายละเอียดเป็นอย่างไร เธอก็บอกได้ไม่แน่ชัด”
หลังจากส่งข้อความเสร็จ เกาไห่ก็ไม่ได้ตอบกลับ หลังจากเล่อจยาดูมือถืออยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็กัดฟันนำมือถือใส่กระเป๋าไป ไม่ว่าเธอจะไม่อยากยอมรับมากแค่ไหน แต่ความผิดหวังในใจก็ยังคงมีอยู่
เมื่อถึงโรงพยาบาล ซูหย่าเห็นเธอ สีหน้าก็ไม่ค่อยดีเล็กน้อย
“พ่อของฉันล่ะ? ”
ซูหย่าชี้ไปที่ห้องผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆ เล่อจยาพยักหน้า หันตัวกลับกำลังจะเข้าไป แต่ถูกซูหย่าดึงเอาไว้
“จยาจยา คุณลุง……มีภาวะที่ร่างกายเป็นกรด โดยมีระดับนํ้าตาลและคีโตนในเลือดสูง ทำให้หมดสติ คุณหมอบอกว่า ต้องทำการฟอกเลือด”
เล่อจยาตัวสั่นในทันที “หมายความว่ายังไง? ”
ซูหย่าสูดลมหายใจเข้า “หมอบอกว่า ร้ายแรงมาก”
เล่อจยาจับศีรษะยืนอึ้งอยู่กับที่ มือของเธอกำแน่น เม้มริมฝีปากเบาๆ แต่ในสายตาปรากฏน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า “ซูหย่า ทำไมจู่ๆ อาการพ่อของฉันถึงได้รุนแรงขนาดนี้ล่ะ? สภาพก่อนหน้านี้ของเขาก็ชัดเจนว่าดูมีชีวิตชีวาดีมาก คุณก็เห็นนี่”
ซูหย่าเห็นท่าทีที่ร้อนใจของเล่อจยา คิดๆแล้ว จึงเอ่ยปากบอกความจริงกับเธอ “พ่อปิดบังความจริงคุณ “เขาโกหกคุณ ขาดการฉีดยาอินซูลิน! ”
เล่อจยาอ้าปากค้าง ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง ตื่นตระหนกในชั่วพริบตา ต่อจากนั้นก็หันไปเปิดประตู เข้าไปในห้องผู้ป่วย ในห้องมีคนอยู่สองคน พ่อเล่อกำลังคุยกับคนที่อยู่เตียงข้างๆ เห็นเล่อจยาเดินเข้ามา ก็ชี้เธอแล้วพูดว่า: “คุณดู นี่คือลูกสาวของฉัน เก่งมากเลยนะ ตอนนี้เป็นนักออกแบบของเกากรุ๊ป……”
“พ่อ ทำไมคุณถึงขาดการฉีดอินซูลิน? ทำไม? ” เล่อจยาตะโกนเสียงดังไปยังพ่อเล่อ หลายปีมานี้ ต่อให้พวกเขามีความยากลำบากขนาดไหน เธอก็ไม่เคยขาดยาของพ่อ
แต่ว่า ตอนนี้รื้อถอนบ้าน วันเวลาก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอไม่เข้าใจจริงๆ ถึงสาเหตุที่พ่อเธอทำแบบนี้
พ่อเล่อเม้มปาก “จยาจยา คุณดูเหมือนว่า ยังคิดว่าฉันเกิดเรื่องใหญ่อะไร? ไม่เป็นไร ของพวกนั้น ฉีดมาหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นว่าฉันจะดีขึ้น ไม่จำเป็นต้อง…….”
“คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ? ” เล่อจยาตัดบทคำพูดของพ่อเล่อ เช็ดน้ำตา “คุณอยากทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวใช่ไหม? ”
คนที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัว จึงลงจากเตียง “ฉันไปเอาน้ำต้มก่อนนะ”
“จยาจยา คุณนั่งก่อน”
เล่อจยาซื้ดจมูก “คุณไม่ต้องมาสนใจฉัน คุณบอกฉันมา ทำไมคุณถึงทำแบบนี้? ”
“ฉัน…..ฉันรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น คุณ….”
“จยาจยา หลังจากเกิดเรื่องครั้งนั้น คุณลุงบอกกับฉันว่า เขาไม่อยากต้องเป็นภาระคุณ ถึงแม้จะเป็นคนตลกขบขันคนหนึ่ง แต่ในใจของคุณลุงก็รู้สึกขอโทษคุณ รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับคุณ คุณลองถามสิ ว่าเพราะสาเหตุนี้ใช่ไหม ถึงได้แอบขาดยา? ” ซูหย่ากระซิบเบาๆ อยู่ข้างๆ เล่อจยา
เล่อจยาจะร้องไห้ เดินเข้าไป เธอลูบไปบนผ้าห่มของพ่อ “พ่อ คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าคุณตายไป ฉันก็จะต้องอยู่คนเดียว คุณไม่ใช่ภาระของฉัน คุณดูสิ พวกเราผ่านมาถึงวันเวลาที่ดีแล้ว ทำไมคุณถึงยังมีความคิดแบบนี้อีกล่ะ? เงินรื้อถอนนั้นก็จะได้ในเร็ววันนี้ คุณก็จะได้ไปซื้อบ้านที่มีลิฟต์อย่างที่คุณคาดหวังไว้ พวกเราสองคนพ่อลูกก็จะได้มีวันเวลาที่ดี ดีไหม? ต่อไป ฉันก็จะหาลูกเขยเข้ามาให้คุณสักคนหนึ่ง พวกเราจะเคารพคุณด้วยกัน ดีไหม? ”
เรื่องเหล่านี้ เวลานั้น เป็นความใฝ่ฝันที่ออกมาจากพ่อบ่อยๆ
พ่อเล่อก้มหน้าลง น้ำตาไหล หยดลงบนหลังมือ ผ่านไปนานมาก เขาจึงเอ่ยปาก “จยาจยา เงินรื้อถอนนี้ ได้มาแล้ว”
เล่อจยานิ่งอึ้งไป “ได้มาแล้ว? พ่อ คุณบอกว่า ยังต้องใช้เวลาระยะหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ล่ะ? อย่างนั้น…..อย่างนั้นก็ดีเลย รอคุณออกจากโรงพยาบาล พวกเราก็ไม่ดูบ้านกัน ดีไหม? ”
เธอพูดพลาง รินน้ำให้พ่อเล่อ “พ่อ ทีหลังคุณอย่าทำอะไรไร้เดียงสาแบบนี้อีกนะ คุณทำให้ร่างกายของตนเองไม่สบายแบบนี้ได้ยังไงกัน? ”
พ่อเล่อดื่มน้ำที่เล่อจยารินมาให้อึกหนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบรับเธอ ผ่านไปเป็นเวลานาน เขาจึงเอ่ยปากว่า: “เงินค่ารื้อถอน เสี่ยวเล่อเอาไปใช้หนี้หมดแล้ว”
เมื่อได้ยิน แก้วในมือของเล่อจยาก็ร่วงลงพื้น ปรากฏเสียงดัง”เพล้ง”