เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 246 ยั่วยุ
“พี่สะใภ้ นี่พวกคุณเป็น? ”
“พี่สะใภ้? ”
“พี่สะใภ้? ”
หนิงเส่าเฉินกับเซียวอู๋พูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ภรรยาของพี่ชายฉัน คราวที่แล้วเคยเล่าให้คุณฟัง? ” เย่หลินอธิบายกับหนิงเส่าเฉิน เพิ่มโทนเสียงเล็กน้อย จากหางตา เธอเห็นมือใหญ่บนแขนเล่อจยาเลื่อนลงมา
“เล่อจยา คุณแต่งงานแล้วเหรอ? เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าตนเองไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ? ”
เล่อจยาพยักหน้า กลอกตาใส่เขา หยิบกระเป๋าขึ้นจากพื้น “ที่จริงแล้วฉันไม่ได้มีแฟน แต่ฉันไม่ได้บอกว่าฉันไม่มีสามี”
พูดจบ เธอก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วดึงแขนของเย่หลิน “ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จัก ท่านนี้ คือน้องสาวสามีของฉัน”
“เย่หลิน เพื่อนร่วมห้องเดียวกันกับฉันตอนมัธยมปลาย เมื่อกี้มาเป็นเพื่อนเพื่อนนัดดูตัว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา”
คำพูดสองสามคำ อธิบายสถานการณ์ขณะนี้
เย่หลินโล่งอก “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง พอดีเลย ฉันกับน้องเขยของคุณมาทานข้าวกัน เช่นนั้นพวกเรา ไปด้วยกันเลยไหม? ”
เวลานี้ หนิงเส่าเฉินก็พูดว่า “หัวหน้าเซียว ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“พวกคุณรู้จักกันเหรอ? ” เย่หลินเอ่ยถาม
“เป็นคนในสังกัดของพ่อหลิวซู เคยทานข้าวด้วยกันหลายครั้ง”
เซียวอู๋มองหนิงเส่าเฉิน แล้วก็มองเล่อจยากับเย่หลิน สีหน้าก็ไม่ค่อยดีเล็กน้อย
แต่สายตาของเล่อจยาก็ตกลงที่มือคู่นั้นของเซียวอู๋ ไม่แปลกที่กลายเป็นแบบนั้น ก็ไม่แปลกที่ผอมได้อย่างนี้
เธอไม่รู้ว่า ในตอนนั้นเซียวอู๋สมัครเป็นทหาร เพียงเพราะคำพูดของเธอ
“เล่อจยา คุณชอบผู้ชายแบบไหน? ”
“ฉัน? ฉันชอบทหาร หล่อเท่จริงๆ เลย”
ตอนนี้ เซียวอู๋ทำได้แล้ว แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รักษาคำมั่นสัญญา
“พี่สะใภ้ หรือว่าให้ฉันโทรหาพี่ชาย ให้เขามาทานข้าวด้วยกันไหม? ” ฉับพลันเย่หลินก็พูดออกมา
เล่อจยามาได้โง่ เธอรู้ว่าที่เย่หลินทำแบบนี้ เพราะต้องการทำให้เซียวอู๋เห็น แต่ว่านึกถึงเมื่อวานที่เกาไห่ทำสีหน้าอย่างนั้น เมื่อวานเธอยังไม่ได้ทำอะไร เขาก็ทำอย่างนั้นแล้ว ตอนนี้จะให้เขาเห็นตนเองอยู่ด้วยกันกับเซียวอู๋อีกเหรอ
ชั่วขณะสีหน้าก็ซีดลง แต่ไม่มีเหตุผลเหมาะสมที่จะปฏิเสธ ได้แต่พยักหน้า “ได้สิ”
ผลปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่ตนเองคิด เมื่อเกาไห่เห็นเซียวอู๋ สีหน้าก็ย่ำแย่จนเกินจะบรรยาย “ไม่ใช่บอกว่าจะมาเป็นเพื่อนซูหย่านัดดูตัวเหรอ? ”
เล่อจยาก้มหน้า “ใช่ เขาคือคนที่นัดดูตัวของซูหย่า”
เกาไห่ดีดหน้าผากของเธอ “จะลองเชื่อคุณดู”
การกระทำที่สนิทสนมของคนทั้งสอง มันบอกทุกอย่างได้ชัดเจนมาก
“เพื่อนเก่า นี่หมายความว่าอย่างไร เมื่อวานยังบอกว่าเป็นเจ้านาย ทำไมวันนี้บอกว่าเป็นสามีแล้วล่ะ? ” เมื่อเซียวอู๋พูดคำนี้ ทว่าสายตาไปตกอยู่ที่เกาไห่
เล่อจยาหัวเราะอย่างเขินอาย “เอ่อ ก็ไม่ผิดหรอก อันที่จริงก็เป็นเจ้านาย แต่ก็เป็นสามีด้วย”
เซียวอู๋ยื่นมือออกไปตบๆ ไหล่ของเธอ “ไม่เลว สิบปีมานี้มีความก้าวหน้า เวลาพูดโกหกหน้าก็ไม่แดงแล้ว จำได้ว่าเมื่อสิบปีก่อนคุณไม่เป็นอย่างนี้”
เห็นได้ชัดว่าเกาไห่อารมณ์เสียมากกับการกระทำของเขา กลิ่นความดุเดือดเลือดพล่านตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
เย่หลินเห็นเช่นนั้น ก็รีบเข้าไปดึงเกาไห่ “เอาล่ะ พวกคุณหยุดคุยกันก่อน แล้วรีบมาทานข้าวกันเถอะ”
เพราะว่าหนิงเส่าเฉินกับเซียวอู๋รู้จักกัน ฉะนั้น การทานข้าวครั้งนี้บรรยากาศจึงไม่น่าอึดอัด
ทานข้าวไปได้สักครู่ เล่อจยาก็คิดๆ แล้วส่งข้อความให้ซูหย่า “ซูหย่า เซียวอู๋คนนี้ การพูดการจาก่อนหน้านี้ดูไม่มีสมอง คุณอย่าเอามาใส่ใจเลยนะ”
ข้อความไม่ได้ตอบกลับมา อารมณ์ของเล่อจยาก็แย่ลงไปเล็กน้อย
เกาไห่เห็นเธอมีท่าทีที่กลุ้มใจ จึงคีบอาหารให้เธอเล็กน้อย “เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด รีบทานเถอะ”
“ซูหย่าต้องโกรธแน่เลย”
“ทำไมล่ะ? ”
“ก็เขาน่ะสิ เขาบอกกับฉันว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรกับซูหย่า แต่สุดท้ายเธอมาได้ยิน” เธอก้มหน้า เขี่ยๆ ข้าวที่อยู่ในชาม แต่ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเกาไห่
“พี่สะใภ้ คุณได้เตรียมไว้หรือยังว่าจะมีลูกกับพี่ชายฉันเมื่อไร? ”
เล่อจยาเพิ่งนำเผือกเข้าปากไปได้ครึ่งชิ้น ได้ยินเย่หลินถามว่าเมื่อไรจะมีลูก เธอกับเกาไห่ยังไม่ได้อะไรกันเลย เรื่องลูก? ก็มองไม่เห็นหนทางเลย?
พอตื่นเต้น เผือกก็ลื่นลงคอไป ติดอยู่ในลำคอจนหน้าแดง
“รีบดื่มซุปเร็ว” เกาไห่พูดพลางนำซุปในถ้วยของตนเองส่งให้เล่อจยา
เล่อจยาดื่มสองสามอึก จึงดีขึ้น มองเย่หลินแล้วพูดว่า: “จะมีลูกตอนนี้ก็จะเร็วไปหน่อย”
แน่นอนว่าเย่หลินไม่รู้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาทั้งสองคนคืออะไร จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “พี่สะใภ้ ฉันและพี่ชายอายุพอๆ กัน ลูกคนโตของฉันอายุ12ขวบแล้ว จะเร็วเกินไปได้อย่างไรล่ะ? ”
เล่อจยาเม้มปากหน้าแดงเล็กน้อย เธอมองเกาไห่ แอบดึงมุมเสื้อเล็กน้อย
“เอาล่ะ เชื่อน้องสาวฉันเถอะ ตอนเย็นกลับไป พวกเราเริ่มเพาะพันธุ์กันก่อน”
“พรวด” ทางด้านเซียวอู๋ที่เพิ่งซดซุปเข้าไปในปากก็พ่นออกมา เขาไอ”แค่กๆ “อยู่หลายที
เล่อจยาหยิกที่ขาของเกาไห่เล็กน้อย แต่ถูกเกาไห่กุมมือเอาไว้
อาหารมื้อนี้ นับว่าทานได้อย่างเอร็ดอร่อยจริงๆ
เวลานี้ ไม่รู้ว่าใครโทรศัพท์มาหาเซียวอู๋ เห็นเพียงสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขา พูดว่า “ครับ จะกลับไปเดี๋ยวนี้”
จากนั้น ก็กล่าวลาพวกเขา แล้วจึงออกไป
พอออกไป หนิงเส่าเฉินก็ตบไหล่ของเกาไห่เบาๆ “พี่ จะรอคุณเก็บเกี่ยวผลนะ”
เย่หลินยิ้มอยู่ข้างๆ อย่างเก้อเขินเล็กน้อย
ส่วนเล่อจยา หน้าแดงจนแทบจะหยดเป็นเลือด ถึงแม้ว่าเล่อจยาจะมีนิสัยเปิดเผย แต่ในความทรงจำ อย่างไรเธอก็ยังเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ดังนั้น จึงทั้งวางตัวไม่ถูก ทั้งเขินอาย
พอขึ้นรถ นั่งดีแล้ว ซูหย่าก็ส่งข้อความออกไป “เล่อจยา ฉันรู้สึกดีกับเขา แต่เขาเหมือนกับว่าจะรู้สึกดีกับคุณ”
เล่อจยาหยิบมือถือขึ้นมา สายตามองไปข้างหน้า แววตานิ่งอึ้งไป
เซียวอู๋รู้สึกดีกับเธอ? นั่งโต๊ะติดกันมาหลายปี เขาไม่เคยมองเธอว่าเป็นผู้หญิงเลย
คิดแล้ว เธอก็ส่ายหน้า แล้วตอบกลับซูหย่าว่า: “พวกเรานั่งโต๊ะข้างกันมาสามปี ถ้ามีความรู้สึกดีๆ ความรักของฉันก็คงจะไม่สามารถไม่เริ่มขึ้นจนกระทั่งมหาวิทยาลัยหรอก พอเกาไห่เข้ามา ได้พบน้องสาวกับน้องเขยของเขา ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนนี้เซียวอู๋เป็นหัวหน้าทหาร ซูหย่าคุณก็มองออกว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง อีกอย่าง เขาก็รู้ความสัมพันธ์ของฉันกับเกาไห่แล้ว ดังนั้น ถ้าคุณมีความรู้สึกดีกับเขา ก็ใจกล้าเขาหาเลย ส่วนฉัน คุณก็รู้ว่า ตั้งแต่ในสายตาฉันได้พบกับเกาไห่ครั้งแรก ก็ไม่ยอมมองผู้ชายคนไหนอีก”
ส่งไปเสร็จ เธอก็ยิ้มมุมปาก
เกาไห่เห็นเมื่อกี้เธอนิ่งอึ้ง แล้วก็ยิ้มขึ้นมา จึงหยิบมือถือของเธอมาดู หลังจากนั้น ก็ยิ้มหน้าบาน
เล่อจยาเห็นท่าทางนั้นของเขา ก็มองค้อนเขาเล็กน้อย
“เกาไห่ ทำไมฉันต้องไล่ไขว่คว้าคุณ? ฉันดูพยายามมากเกินไปหรือเปล่า? ”
ชายหนุ่มที่ยิ้มอยู่ตลอด ไม่พูดจา ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มองเธออย่างจริงจัง แล้วพูดว่า: “เล่อจยา ฉันขอร้องคุณสักเรื่องหนึ่งก่อนได้ไหม? ”