เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 248 หายสาบสูญ
ไห่ยุ่นคนนี้ เป็นลูกสาวของพี่ชายของแม่เกาไห่ ก็คือลูกสาวของลุงเกาไห่ อ่อนกว่าเกาไห่ 6 ปี รูปร่างหน้าตาคล้ายกับเกาเหวินอย่างมาก เพียงแต่ตอนอายุ 10 กว่าขวบ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขาก็เลยสูญเสียความรู้สึกไป
อย่างไรก็ตาม ความพิการที่ขาไม่ได้ทำให้เธอต้องดูถูกตนเอง แต่กลับมีความขยันหมั่นเพียรอย่างมาก หลายปีมานี้ ไม่เพียงแต่เรียนได้เกรดที่ดี แต่ยังเรียนเปียโนด้วยตนเอง ได้รับรางวัลมากมายทั้งในและต่างประเทศ
เก่าไห่จึงชื่นชมน้องสาวคนนี้มาก แล้วก็รักเอ็นดูอย่างมาก
“ใช่ พี่สะใภ้คุณ”
“แต่พ่อฉันไม่เคยบอกกับฉันเลยนะว่าคุณแต่งงาน? ” น้ำเสียงไห่ยุ่นดูร้อนรนเล็กน้อย
เกาไห่พยักหน้า “เพราะด้วยสถานการณ์พิเศษบางอย่าง ผู้หญิงคนนั้นอาจจะยังไม่แน่ใจว่าต้องการพี่ชายของคุณจริงๆ หรือเปล่า ฉะนั้นอยากรอให้เธอแน่ใจ แล้วค่อยแจ้งให้ทุกคนทราบ” ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจกับเรื่องของเกาเหวินมากนัก แต่ตั้งแต่เล็กจนโตแม่เกาก็ปฏิบัติต่อเกาไห่อย่างดีมากๆ มาตลอด ดังนั้น เกาไห่จึงเป็นห่วงเป็นใยแม่เลี้ยงกับครอบครัวของเธออย่างมาก
“พี่ดีขนาดนี้ ยังมีผู้หญิงคนไหนที่จะรังเกียจคุณ? ” น้ำเสียงของไห่ยุ่นเบามาก แต่อยู่ในห้องที่เงียบสงบ เกาไห่ยังคงได้ยิน
เกาไห่มองเธอแล้วหัวเราะ “คุณยังเด็ก ไม่เข้าใจหรอก รอคุณโตแล้ว คุณก็จะเข้าใจเอง คนกับความรักมันไม่เกี่ยวข้องกัน”
พูดจบ ก็เก็บเอกสารในมือ “ไปเถอะ เรากลับบ้านกัน” พูดจบก็มองหามือถือ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์กำลังชาร์จอยู่ จึงหยิบขึ้นมาเปิดดู เป็นข้อความของเล่อจยา เขาขมวดคิ้ว หรือว่าเสี่ยวตงไม่ได้บอกเล่อจยา ว่าวันนี้เขาไปรับไห่ยุ่น? ไม่สามารถไปทานข้าวด้วยกันกับเธอได้ ทำให้เธอกลับไปก่อน?
เมื่อโทรไปหาเล่อจยา ก็เห็นได้ชัดว่าปิดเครื่อง
คิดแล้วก็หยิบเสื้อโค้ตจากเก้าอี้ขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปเข็นไห่ยุ่น
“พี่ นั่นเหมือนมีเอกสารอยู่บนพื้นนะ”
เกาไห่ก็เห็น เขาก้มลงหยิบกระเป๋าหนังวัวขึ้นมา เปิดออก เป็นภาพวาดการออกแบบของเล่อจยา
ในฉับพลัน ก็มีลางสังหรณ์ในใจไม่ค่อยดี เล่อจยามาแล้ว แต่เธอทิ้งเอกสารไว้แล้วก็ออกไป ด้วยนิสัยเธอแล้ว เธอไม่สามารถเป็นเช่นนี้ นอกจาก……หางตาก็เหลือบไปมองไห่ยุ่นบนรถเข็น ลูกกระเดือกก็กลิ้งขึ้นลงอยู่หลายครั้ง
เขาโทรหาเสี่ยวตง
“ฮัลโหล เสี่ยวตง วันนี้ให้คุณไปบอกเล่อจยาว่าฉันไปรับไห่ยุ่น คุณบอกแล้วใช่ไหม? อะไรนะ……คุณ……สมองคุณอยู่ไหนห้ะ? ” เกาไห่วางสายด้วยความโกรธสุดขีด
“พี่ เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น? ”
เกาไห่ฝืนยิ้มให้ไห่ยุ่น “ไม่มีอะไร เรากลับบ้านกันเถอะ” ในใจก็หวังว่า เล่อจยาจะกลับถึงบ้านแล้ว
จนกระทั่ง ระหว่างทางกลับบ้าน ความเร็วในการขับรถของเกาไห่ก็ใช้เวลาไปไม่กี่นาที เมื่อเห็นรองเท้าแตะของเล่อจยาบนชั้นวางรองเท้า หัวใจของเขาก็หม่นหมองลงทันที
“ไห่ยุ่น คุณป้าอยู่ที่บ้าน คุณมีอะไรที่ต้องการ คุณก็ให้คุณป้าช่วยคุณนะ พี่จะออกไปก่อน” เกาไห่พูดจบ ก็เรียกคุณป้ามาสั่งการ ไม่ได้พูดคุยกับไห่ยุ่น เขาวิ่งตรงไปยังลิฟต์อย่างรวดเร็ว
เดินไปพลาง ติดต่อซูหย่าไปด้วย
“ซูหย่า เล่อจยาโทรหาคุณไหม……อืม……อ๋อ แค่นี้นะ? ”
“เล่อจยาไม่อยู่บ้านเหรอ? จะสี่ทุ่มแล้วนะ”
เกาไห่มีขีดจำกัดอย่างมากที่จะเข้าใจเล่อจยา ดังนั้น เวลานี้ เขาจึงคิดว่าซูหย่าต้องช่วยได้แน่นอน ทำได้เพียงเล่าเรื่องที่เล่อจยาไปห้องทำงานเขาและเข้าใจผิดเรื่องของเขากับไห่ยุ่นให้ซูหย่าฟัง
เมื่อซูหย่าเข้ามา ยังสวมชุดนอนอยู่ เกาไห่มองแล้วก็ขมวดคิ้ว แต่ในใจก็เบาใจลงมาก ที่เล่อจยามีเพื่อนแบบเธอคนนี้
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? พวกคุณทำอะไร? ทำให้เล่อจยาเห็นอะไร? ”
“ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น นั่นคือลูกสาวของคุณลุง เป็นเด็กคนหนึ่ง ขาของเธอไม่ดี เมื่อตอนมา เธอบอกว่าเหนื่อยนิดหน่อย จึงไปพักผ่อนที่ห้องในห้องทำงานของฉัน ต่อมา เธอตื่นขึ้นมา ฉันจึงอุ้มเธอออกมาทานข้าว ฉันไม่รู้ว่าเล่อจยาเห็นฉากนี้หรือเปล่า” ในระหว่างนี้ เขาพยายามกลับไปคิดถึงรายละเอียดปลีกย่อยในเวลานั้น ถ้าสามารถทำให้เล่อจยาเข้าใจผิดได้ก็น่าจะเป็นฉากนี้
“คุณอุ้มเธอออกมาจากห้อง? คุณ….คุณ…..” ด้วยความตื่นเต้นซูหย่าจึงพูดจาติดอ่างขึ้นมา
“คุณ…คุณก็สมควรที่จะถูกเล่อจยาเข้าใจผิด เธออยู่ต่อหน้าคุณ เดิมทีก็น้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ความจำเสื่อม ก็ไม่ค่อยเชื่อใจคุณอยู่แล้ว เวลานี้ยังมาเห็นคุณโอบกอดอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอีก เธอไม่เข้าใจผิดก็พิลึกไปหน่อยไหม? ”
“ผู้หญิงคนอื่นอะไรกัน นั่นคือเด็กคนหนึ่งนะ” เกาไห่เน้นอีกครั้ง
“เด็กอย่างนั้นเหรอ? เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะไม่เถียงเรื่องเหล่านี้กับคุณแล้ว คุณว่ามาเถอะ พวกเราจะไปหาเธอที่ไหน? ”
“ปกติเธอมีสถานที่ไหนที่ชอบไปไหม? อย่างเช่นไม่สบายใจก็ไปสถานที่นั้น”
ซูหย่าคิดๆ “ก็มีนะ มีอยู่สองสามที่ แต่ว่า เธอความจำเสื่อม สถานที่เหล่านั้น เธอก็ไม่น่าจะจำได้หรอก เพียงแต่ เล่อจยามีงานอดิเรก เมื่อเธอไม่สบายใจ ก็จะนั่งรถสาธารณะไปมั่วๆ นั่งจากจุดนี้ไปถึงจุดนั้น…..”
จู่ๆ ซูหย่าก็นึกถึงอะไรได้ หันหน้ากลับ มองเกาไห่อย่างเคร่งขรึม “ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณได้ให้เงินเล่อจยาบ้างไหม? ”
เกาไห่ไม่เข้าใจ หรี่ตามอง “หมายความว่าอะไร? ”
“ฉันหมายความว่า หลายวันมานี้หลังจากที่คุณพาเธอกลับไป คุณได้ให้เงินติดกระเป๋าเธอไว้บ้างไหม? ”
เห็นปฏิกิริยาการตอบสนองของเกาไห่ ซูหย่าก็รู้ว่าไม่ได้ให้อย่างแน่นอน ทันที เธอก็โมโหจนเดินวนอยู่กับที่ สุดท้าย เธอก็มองเกาไห่ แล้วพูดออกมาว่า: “คุณรู้ไหม? เธอไม่มีเงินเก็บเลย เงินของเธอเอาไปรักษาพ่อจนหมด เงินเดือนจากบริษัทของพวกคุณก็ยังไม่ออก ฉันสงสัยว่า ตอนนี้ที่ตัวของเธอมีรวมๆแล้ว คงจะไม่ถึงสิบหยวน เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง เล่อจยาบ่นกับเธอว่าทั้งตัวมีเงินรวมแล้วไม่กี่สิบหยวน ถ้าเงินเดือนยังไม่ออกอีกก็จะต้องอดตายแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ ซูหย่าก็สับสันในทันที นั่งยองๆ ลงกับพื้น มือทั้งสองกอดเข่าร้องไห้โฮ “คุณบอกว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างดี นี่คือการปฏิบัติกับเธออย่างดีเหรอ? ”
เกาไห่หัวใจเต้นอย่างรุนแรง เขาเอ่ยปากบอกว่าจะปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้อย่างดี แต่ว่า แม้แต่ปัจจัยพื้นฐานเขาก็ไม่สามารถเติมเต็มเธอได้
ภรรยาของเขาเกาไห่ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีเงินติดตัวสักหยวนเดียว คิดถึงตรงนี้แล้ว ก็กำมือทั้งคู่แน่น ทันทีเล็บที่แหลมคมก็แทงทะลุผ่านผิวหนังของฝ่ามือ
เมื่อเย่หลินได้รับสายของเกาไห่ เธอและหนิงเส่าเฉินกำลังเตรียมจะนอน
“อะไรนะ? พี่สะใภ้หายไป? อ้อ….โอเค คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป พวกเราจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ ไม่เป็นไร ยังไม่นอน” พอวางสาย เย่หลินก็ลุกขึ้นนั่ง ผลักมือใหญ่ๆ ของชายหนุ่มที่โอบเอวเธออยู่ “หนิงเส่าเฉิน พี่สะใภ้ฉันหายไป”
“พี่สะใภ้คุณได้เทควันโดสายดำ ปลอดภัยน่าจะไม่มีปัญหา ดังนั้น คุณไม่ต้องร้อนใจไปหรอก” หนิงเส่าเฉินขับรถไปพลาง เห็นเย่หลินที่นั่งอย่างไม่สงบสุข จึงกล่าวปลอบใจไปด้วย
เย่หลินพยักหน้า ไม่พูดจา
สถานที่ที่เกาไห่บอกกับพวกเขาค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง คนทั้งสองขับรถมาถึง ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว เวลานี้ก็เป็นเวลาตี1แล้ว
“พี่ เป็นอย่างไรบ้าง? ”