เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 257 ท้อง
นิ้วที่เรียวยาวของซูหย่าเลื่อนผ่านหน้าผากเธอ “ท้อง? มันไร้เหตุผลเกินไปหรือเปล่า? แค่ครั้งเดียวเอง”
เล่อจยาขมวดคิ้ว “แล้วถ้ามีล่ะ?”
มีแสงสว่างวาบผ่านดวงตาของซูหย่า หากมีโอกาส เธอจะคลอดเด็กคนนี้ออกมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าพ่อของเด็กจะต้องการหรือไม่ก็ตาม…
ผ่านไปประมาณสองวัน เล่อจยาก็ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากการออกแบบวิศวกรรมในเมืองw พื้นฐานได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เกาไห่จึงลาป่วยให้เธอครึ่งเดือน
“พรุ่งนี้ ผมจะพาคุณไปที่สุสานของพ่อ จากนั้นวันเสาร์นี้ผมจะไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่าเป็นเพื่อนคุณ”ในคืนนี้ เล่อจยาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ เกาไห่วางหนังสือในมือลงและพูดกับเธอ
เลอจยาวางผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในมือลงบนโต๊ะ “ไม่ต้องๆ ฉันกลับเอง คุณทำธุระของคุณเถอะ”
คนพวกนั้น มีอำนาจมากแค่ไหน เธอรู้ดีในใจ เธอไม่ต้องการให้เกาไห่ตามเธอไปลำบาก
ทันใดนั้น มือก็ถูกจับไว้ เกาไห่จ้องเล่อจยา สีหน้าจริงจัง “คุณภรรยา คุณไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม?”
เล่อจยาได้ยินเขาเรียกภรรยา ใจละลายจนจะกลายเป็นน้ำแล้ว รีบส่ายหัว “ไม่ใช่ๆ แต่เป็นเพราะปู่กับย่า และอากับอาสะใภ้พวกเขา…ค่อนข้างหยาบคาย ฉันไม่อยากให้คุณไปเป็นคำนินทาของพวกเขา”
บ้านเกิดของเธอไม่ได้อยู่ในตัวเมืองc แต่ตอนที่พ่อและแม่ยังเป็นหนุ่มสาว พวกเขาตั้งรกรากอยู่ในเมืองc บ้านเกิดของพวกเขาคือหมู่บ้านเล็กๆที่เป็นชนบทในเมืองc ก่อนที่พ่อจะล้มป่วย พวกเขามักจะกลับไปขึ้นปีใหม่ที่นั่นบ่อยๆ
ต่อมา พ่อป่วย สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ฐานะทางการเงินก็แย่ลงเรื่อยๆ จำนวนครั้งที่กลับไปก็น้อยลง
พ่อกับแม่มีพี่น้องห้าคน เธอมีอาสองคน มีน้าสองคน พ่อเป็นลูกคนโต
ความห่วงใยของปู่ย่าที่มีต่อพ่อ เทียบกันแล้วจึงน้อยกว่ามาก หลายปีที่ผ่านมานี้ ร่างกายของพ่อไม่สามารถขับรถไปได้ เพราะฉะนั้นในปีนี้ พวกเขาจึงไม่ได้กลับไป และสิ่งที่ทำให้ผิดหวังก็คือไม่มีใครมาหาพ่อเลย
คุณปู่คุณย่าอายุมากแล้ว อันนี้เธอเข้าใจ แต่พวกคุณอากับคุณน้า กลับไม่มีใครมาหาพ่อเลยเหมือนกัน คิดแล้วก็ทำให้เธอรู้สึกปวดใจ!
อีกอย่าง บรรดาญาติๆพวกนั้นไม่ค่อยชอบเธอ กลับไปคงไม่พ้นโดนคำพูดเหน็บแนม
เกาไห่จำการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเธอ “ญาติๆของคุณ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผมก็ควรจะเผชิญหน้าพร้อมกับคุณ ยิ่งกว่านั้น พ่อคุณเสียแล้ว คุณกลับไปเจอพวกเขาคนเดียว ผมไม่วางใจ”
“แต่ว่า……”
“ไม่มีแต่ เรื่องนี้เอาเป็นว่าตกลงกันแล้ว รีบเข้านอนเถอะ!”
เกาไห่พูดจบ ก็เริ่มถอดชุดคลุมนอนด้านนอกออก เล่อจยามองเขาอย่าอึ้งๆ ใจกระสับกระส่ายเล็กน้อย ในใจเอาแต่ท่องว่า ใจเย็น……ใจเย็น……
แต่ สายตากลับไม่สามารถหันไปไหนได้
“คุณภรรยา คุณแน่ใจว่าจะดูต่อไปเรื่อยๆ?”
เล่อจยาหน้าแดง “ทำไม ฉันดูสามีของตัวเอง ไม่ได้เหรอ!”พูดเสียงแข็ง พอพูดจบ ก็ก้มหน้าลง หูแดงไปหมด
เกาไห่เดินไปใกล้ กอดเล่อจยาจากข้างหลัง จุ๊บหน้าผากเธอ “รีบเข้านอนเถอะ!”
เล่อจยาเอาตัวเองไปนอนขดตัวอยู่ตรงขอบเตียง เกาไห่มองเธอ กลัวเธอตกลงไป ก็ลุกขึ้นอุ้มเธอเข้ามา
เล่อจยาตกใจมากจนล้มตกเตียง
เกาไห่เดินไปสองสามก้าว เอื้อมมือออกไปช่วยพยุงเธอ
“คุณ……คุณอย่าแตะฉัน”เธอพูด ลุกขึ้น แล้วถอยหลังไปนิดหนึ่ง
มองมือที่หยุดอยู่กลางอากาศนั้น เกาไห่นิ่งไป สีหน้าเริ่มนิ่งขึ้น ในใจรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนนี้เอง เล่อจยาก็พึมพำขึ้น “ถ้ายังแตะตัวฉัน ฉันกลัวจะควบคุมตัวเองไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับคุณไม่ได้”
ตอนเธอพูดคำนี้สีหน้าดูจริงจังมาก เกาไห่มองเธออย่างมึนงง
นี่ ทำให้เธอทนไม่ได้?
เขาเดินเข้าไปหาเธอ เธอก็ถอยหลัง จนล้มลงบนเตียง
ต่อมา ไม่รอให้เธอรู้สึกตัว ก็มีเงาของผู้ชายร่างใหญ่ขึ้นคล่อมตัวเธอไว้
เล่อจยาประหม่าจนพูดไม่ออก จากนั้น เธอหลับตาไปโดยอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่ชายคนนั้นเพียงแค่บีบหน้าเธอเบาๆ จูบริมฝีปากของเธอ แล้วพลิกตัวนอนลงที่อีกด้านหนึ่ง
“หมอบอกว่า คุณต้องพักผ่อน เรื่องนี้ ยังไม่ต้องรีบ”เสียงที่มีความดึงดูดของชายคนนี้ดังขึ้นข้างหูเล่อจยา
เล่อจยารู้สึกอบอุ่นใจ และรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปพร้อมกัน
วันต่อมา ณ สุสาน
เมื่อต้นปีนี้ หมอบอกเล่อจยาว่า อาการของพ่อคงอยู่ได้แค่ไม่กี่ปี ให้เธอเตรียมใจไว้ ตอนที่ได้ยินคำนี้ เธอคิดว่าหมอแค่พูดให้เธอตกใจ
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า จะจากกันโดยวิธีแบบนี้
คุกเข่าตรงหน้าหลุมฝังศพของเขา ผิดจากที่คาดไว้ เล่อจยาไม่มีน้ำตา เธอไม่ได้ร้องไห้ แค่ดูรูปถ่ายไม่กี่นิ้วใบนั้น นั่นเป็นรูปในบัตรประชาชนของพ่อ ตอนนั้นดูหนุ่มและหล่อมาก
เธอเพิ่งรู้ว่า แท้จริงแล้วพ่อเองก็ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าตาเธอมีความคล้ายคลึงกับเล่อเหวิน เธออาจจะสงสัยว่า ตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา
หลายปีมานี้เธอเสียสละมามากมายทำทุกอย่างเพื่อรักษาอาการป่วยของพ่อ แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือแบบนี้
“พ่อ ในสายตาของคุณ ลูกสาวมีตัวตนแบบไหนกัน? ทำไม พวกคุณถึงไม่มีใครคิดถึงความรู้สึกของฉันเลยสักคน?” บ้าก็บ้าไป ตายก็ตายไป แล้วเธอล่ะ เป็นอะไร?
เธอนั่งบนม้านั่งหินตัวนั้น นึกย้อนกลับไป หลายปีมานี้ทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับพ่อ ตาเธอแดงก่ำ แต่กลับไม่มีน้ำตา กับความสัมพันธ์ในครอบครัวบางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดที่ทำให้ใจเธอตายด้านไปแล้ว
กว่าจะไป ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เกาไห่แค่อยู่เป็นเพื่อนเธอเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นว่าสภาพถนนรอบตัวเริ่มไม่คุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ เลอจยาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณจะพาฉันไปไหน?”
“พาคุณไปซื้อเสื้อ”
“ซื้อเสื้อ ซื้อทำไม?”
“คุณบอกว่าญาติๆของคุณมีอำนาจไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นแต่งตัวให้ดีหน่อย ก็ไม่ผิดอะไร”
เล่อจยามองเขา “ดูไม่ออก ว่าคุณจะเป็นคนผิวเผินแบบนี้?”
เกาไห่ลูบหัวเธออย่างหลงใหล “ใช่แล้วครับ คุณภรรยา ผมเป็นคนผิวเผิน คุณ รังเกียจที่จะเป็นแบบผม พอใจยัง?”
เล่อจยาพยักหน้ารัวๆ
“คุณน่ารักจัง!”
ไปซื้อชุดกับเกาไห่ เล่อจยารู้สึกกดดันมาก พนักงานพวกนั้นมองเกาไห่ อย่างกับจะกลืนกิน
เดินเข้าสามร้านติดกัน ก็เป็นแบบนี้
จนสุดท้ายเล่อจยาก็ยอมแพ้ “ไปเถอะ ไม่ซื้อแล้ว มากับคุณมีแรงกดดันมากเกินไป กลางคืนฉันรอเสี่ยวหย่าเลิกงาน ค่อยมากับเธอดีกว่า”
“กดดัน?”
เล่อจยากรอกตามองบน “คุณอย่าบอกว่าคุณไม่รู้สึกนะ? ผู้หญิงพวกนั้นอดใจที่จะเข้ามากอดคุณไม่ไหวอยู่แล้ว ยังมีกะจิตกะใจที่ไหนมาเลือกเสื้อผ้าให้ฉัน”
เกาไห่ขมวดคิ้ว “ผมไม่รู้สึกนะ เพราะในสายตาผมเห็นแค่คุณมาตั้งแต่แรก”
ปกติเกาไห่ดูเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย และขี้อายบ้างเป็นบางครั้ง คิดไม่ถึงว่าพอพูดคำหวานแล้วจะพูดออกมาง่ายๆแบบนี้
เมื่อทั้งสองกำลังจะเดินไปถึงประตู ทันใดนั้นเล่อจยาก็เห็นเงาคนคนหนึ่ง เธอดึงเกาไห่ วิ่งเหยาะๆตามเข้าไป