เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 270 ผลประโยชน์ที่มีมูลค่าสูง
เล่อจยาหันกลับมา “ยังมีอะไรอีกเหรอ ?”
ไห่ยุ่นประหลาดใจ “พี่สะใภ้ คุณ………ไม่ได้ทำงานที่บริษัทของลูกพี่ลูกน้องชายแล้ว ?”
เมื่อเธอได้ยิน เธอก็เหลือบมองไปที่เกาไห่และขมวดคิ้ว “ไม่ล่ะ สามีภรรยาทำงานอยู่ที่เดียวกันมันไม่ค่อยดี ความห่างไกลทำให้เกิดความสวยงาม”
อันที่จริงเล่อจยารู้ว่าเกาไห่ไม่อยากให้เธอไปเกากรุ๊ป แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้เธอถูกคนนินทา และไม่อยากให้เธอติดต่อกับไห่ยุ่นมากเกินไป
ในบางครั้ง ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะพูดน้อย แต่ต้องบอกว่า เขาอบอุ่นหัวใจมาก
เมื่อมองดูด้านหลังร่างนั้น ไห่ยุ่นก็ดีใจอยู่ในใจ เกาไห่ไม่อยากให้เล่อจยาทำงานที่บริษัทเดียวกับเขา นี่มันหมายความว่า ตัวเธอเองก็ยังมีโอกาสอีกสักสองสามครั้ง ?
เมื่อมาถึงสำนักงาน ในสำนักงานมีคนเพียงแค่สองสามคน หญิงสาวสวมแว่นตาที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอ เมื่อเห็นเธอเดินมาก็พยักหน้าให้เธอ และกล่าวทักทาย
เล่อจยาไม่ใช่คนที่ชอบดึงคนมาเป็นพวก ดังนั้น สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน เธอจึงสามารถแสดงออกมาแบบพื้นพื้นได้
เธอหยิบภาพวาดในแฟ้มออกมา เธอนั่งบนเก้าอี้ แล้วก็ปรับเปลี่ยน วาดต่อ
“เล่อจยา ข้างนอกมีคนมาหาคุณ”สาวแว่นที่เพิ่งออกไปพร้อมแก้วน้ำชาเรียกเธอ
เธอสงสัยเล็กน้อย เธอมาทำงานที่นี่ ก็มีแค่เกาไห่และซูหย่าเท่านั้นที่รู้
“ผู้ชายหรือว่าผู้หญิง ?” เธอถามออกไป
“ไอดอลหนุ่ม”
ไอดอลหนุ่ม ? เมื่อเธอออกไปเห็นแผ่นหลังนั้น เล่อจยาก็ลูบหน้าผาก
เล่อเหวิน ?
ก้าวไปข้างหน้าอยู่ต่อหน้าเล่อเหวิน เธอกอดอกแล้วถามว่า “คุณมาที่นี่ได้อย่างไร ?”
เล่อเหวินมองมาที่เธอ เธอถอยหนึ่งก้าว เล่อเหวินเข้ามาหนึ่งก้าว จนกระทั่งเธอชนไปที่กำแพง มือทั้งสองเขาจับกำแพง และล้อมเธออยู่ในอ้อมแขน มองดูท่าทางนั้นโดยไม่คลุมเครือ
เล่อจยาขมวดคิ้ว ยกมือขึ้น “คุณกล้าลงมือ อย่าโทษผมที่มารบกวนคุณทุกวัน”
“คุณอยากทำอะไรล่ะ ?”
ชายคนนั้นโน้มตัวลงมา กระซิบที่ข้างหูเธอ “พี่สาว ขอเงินหน่อยสิ”
ในเวลานี้ คนมาทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ เล่อเหวินไม่ว่าจะร่างกายหรือความสูง ก็เหมือนกับดาราเกาหลี ดังนั้น การกระทำของเขากับเล่อเหวิน ในขณะนั้น มีหลายคนหันมามอง และชี้พูดคุย
มีสาววัยรุ่นอยู่ไม่น้อย ที่กรีดร้องเรียกอยู่ข้างๆ
เล่อจยากลอกตาขึ้นบน “หมาป่าในคราบแกะ”
“พี่สาว พวกเรเป็นพี่น้องกัน คุณไม่ควรพูดแบบนี้กับผมนะ ?”เล่อเหวินพูดพลางยืดตัวขึ้น จัดระเบียบเสื้อผ้า และหันไปพยักหน้ายิ้มให้กับหญิงสาวที่กรีดร้อง
ซึ่งย่อมมีเสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เล่อจยาสูดลมหายใจ และดึงเล่อเหวินไปที่ห้องพักด้านหลังสำนักงาน “เอาล่ะ คุณรีบพูดมา สรุปแล้วมาทำอะไร ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ออกไป”
“ให้เงินผมหน่อย”
“ไม่มี”
“ถ้างั้นผมจะไปหาพี่เขย”พูดจบ ก็เดินออกไป
“คุณอยากโดนรุมเหรอ ?”
เล่อเหวินส่ายศีรษะ “ผมไม่อยากโดนรุม แต่ ผมก็ไม่อยากอดอาหาร”
ในขณะนั้นหญิงสาวหน้าหวานก็เดินเข้ามา และเล่อเหวินก็โบกมือให้กับคนคนนั้น
หญิงสาวคนนั้นเอียงศีรษะ มองที่เขา จากนั้นก็กระแทกเข้ากับเสา เล่อจยาอดไม่ได้ที่จะยิ้มหัวเราะออกมา
เล่อเหวินรีบก้าวไปข้างหน้า และหยิบหนังสือที่เด็กสาวคนนั้นทำตกพื้น วางกลับเข้าอ้อมแขนเธอ แล้วลูบศีรษะของเธอ “ไม่เจ็บใช่ไหม ?”
หญิงสาวตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ สายตาจับจ้องไปที่เล่อเหวิน
“คุณหยุดทำลายคนอื่นได้ไหม” เล่อจยาเดินเข้ามา
เล่อเหวินมองไปที่หญิงสาว “อย่าเข้าใจผิด นี่คือพี่สาวผม”
“สาวน้อย เขาเป็นหมาป่าในชุดแกะ คุณอย่าหลงกลเขา”เมื่อเล่อจยาพูดจบ ก็หันหลังกลับ โดยไม่สนใจเล่อเหวิน และเดินกลับมาที่สำนักงาน
เป็นเรื่องที่น่าประหลาด เล่อเหวินไม่ได้เดินตามเข้ามา
เธออยู่ในสำนักงาน นั่งอยู่ครู่หนึ่ง เธอกังวลใจ ลุกขึ้น และไปที่ห้องพักผ่อนนั้น แต่ ข้างในนั้นก็ยังมีร่างของเล่อเหวินอยู่
ลองคิดดูแล้ว เธอเลยส่งข้อความหาเล่อเหวิน “ถ้าหากว่าคุณกล้าไปที่บริษัทของพี่เขย ฉันจะไม่เกรงใจคุณแล้ว”
ไม่มีข้อความตอบกลับมา ดังนั้นเล่อจยาเลยโทรศัพท์ไปหาเกาไห่
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว คุณตั้งใจทำงานเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
ต่อมา เป็นเวลานานแล้วที่เล่อจยาไม่ได้พบกับเล่อเหวิน เธอเพิ่งรู้ว่า หลังจากวันนั้น เกาไห่ก็ได้แนะนำงานให้กับเล่อเหวิน
“เล่อจยา เมื่อครู่นั้นนั่นคือแฟนของคุณเหรอ ?” ในห้องชา เพื่อนร่วมงานมาล้อมถามเธอ
“ไม่ใช่ น้องชายฉัน”เธอบอกสถานะไปสั้นๆ
หลังจากพูดจบ เสียงวีแชทจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเกาไห่ เขาบอกว่าตอนกลางวันมีลูกค้ามาหา และไม่สามารถมาทานข้าวกับเธอได้แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ลงไปร้านอาหารใกล้ใกล้แล้วหาอะไรทาน
เมื่อเธอกลับมา บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยกล่องของขวัญ ทำให้เล่อจยาเวียนหัว
“นี่คือ ?”
“ให้คุณเอาไปให้น้องชายของคุณ”
“ห๊ะ ?”
เล่อจยาไม่เคยคิดเลยว่า คำพูดนี้ของเธอ และทำให้เธอลำบากขนาดนี้
และเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า รูปลักษณ์ที่ดี จะมีประโยขน์มากมายอย่างคาดไม่ถึง
“เล่อจยา ไม่คิดเลยว่า คุณจะมีน้องชายที่หล่อขนาดนี้” เสียงของเฉิงหยวน
เล่อจยาไม่ได้เงยหน้าขึ้น “ทำไม คุณเองก็มีความคิดที่จะเป็นน้องสะใภ้ฉันเหรอ ?”
“คุณก็รู้ ชั่วชีวิตของฉันนี้ จะแต่งงานกับเกาไห่เท่านั้น”
แต่งงานกับเกาไห่ ? ถ้างั้นก็แสดงว่าแต่งงานกับสามีของเธอ ? คำพูดนี้มันฟังแล้วน่าอึดอัดจริงๆ
เล่อจยาเกือบสำลักน้ำลายตัวเองตาย เธอเงยหน้าขึ้น มองไปที่เฉิงหยวน “เขาแต่งงานแล้ว”
เฉิงหยวนมองไปที่เล่อจยา “แต่งกับใคร ?” หลังจากพูดจบ รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นที่มุมปากของเธอ “แต่งกับลูกพี่ลูกน้องหญิงที่พิการของเขา ?”
เล่อจยาหรี่ตา “แต่งกับฉัน”
“เหอะเหอะ…….”เฉิงหยวนหัวเราะเยาะเย้ย “มีแต่คนบอกว่าฉันบ้า ฉันเห็นคุณ คุณบ้าไปแล้วเหรอ ?” เมื่อพูดจบ สีหน้าของเธอก็มืดมนลง “แบบร่างออกแบบแรกส่งให้ฉันภายในสองสามวันนี้ วันวันอย่าคิดแต่อะไรไร้สาระ”
หลังจากพูดจบ ก็หันหลังกลับอย่างเย่อหยิ่ง และเดินกลับไปสำนักงานของตัวเอง
เล่อจยากัดปากและขมวดคิ้ว นี่มันอะไรกัน ? เธอพูดความจริง กลับไม่มีใครเชื่อ………..
เมื่อกำลังจะเลิกงานในตอนเย็น เธอก็ได้ข้อความวีแชทจากซูหย่า ให้เธอไปทานอาหารเย็นที่เดิม
เมื่อคิดว่าเกาไห่ต้องทำงานล่วงเวลา เธอก็ไม่อยากกลับเร็วนัก ดังนั้นเธอจึงตรงไปยังที่ที่ซูหย่านัด
นี่เป็นร้านอาหารที่เป็นจุดเด่นของเมือง C ไม่ใหญ่โต แต่กลับถูกตกแต่งในสไตล์ที่ครบครัน
เมื่อผลักบานประตูเลื่อนออกไป เธอก็มองเห็นเสี่ยวอู๋นั่งอยู่ และเธอก็อยากจะถอยกลับไป
“จยาจยา เข้ามาสิ”
เล่อจยาเพิ่งสังเกตเห็นว่า ซูหย่านั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะ แต่แค่มันอยู่ข้างใน เมื่อครู่เธอเลยไม่ทันสังเกต
อย่างไรก็ตาม เธอไม่เข้าใจซูหย่าเล็กน้อยว่านี่มันหมายความว่าอะไร ?
“เสี่ยวหวู่ คุณยังไม่กลับกองทัพอีกเหรอ ?”
เสี่ยวอู๋เหลือบมองเธอ ก้มศีรษะ จิบชา และไม่ตอบสนองเธอ
นับตั้งแต่นัดบอดครั้งนั้น เสี่ยวอู๋ก็ปฎิบัติกับเธอแบบนี้ตลอด
“มีเรื่องอะไรเหรอ ?” เธอนั่งข้างซูหน่า ดึงข้อมือของเธอ และกระซิบถามเบาๆ