เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 271 เป็นข่าวโด่งดังทุกสื่อ
“ไม่ได้มีอะไร ฉันจะชวนเขามาทานข้าว เขาเลยถามว่าคุณอยู่ไหม ถ้าอยู่เขาจะมา ไม่อยู่ก็ไม่มา” ซูหย่าขยับชุดน้ำชาบนโต๊ะไปมา แล้วตอบกลับอย่างตรงๆ
เล่อจยาขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองเซียวอู๋ พอดีกับที่เขามองเธอพอดี สายตาประสานกัน คนหนึ่งอ่อนโยน คนหนึ่งค้อนตาหลับตาเหลือก
“ในสมองคุณเป็นโพรงหรือไง? คุณดูเราสองคนสิ ยังจะตาบอดเลือกฉันอีกเหรอ? ” เห็นเซียวอู๋ยังคงดื่มชาอย่างไม่ใส่ใจ ก็โกรธอย่างมาก โค้งตัวไปแย่งถ้วยชาจากในมือเขา “ชาไม่ต้องดื่มแล้ว พูดมา”
เซียวอู๋มองมือที่ว่างเปล่า ดึงกระดาษทิชชูเช็ดน้ำที่หกใส่หลังมือ สองมือประสานกัน ก้มหน้าลง สายตามองระหว่างคนทั้งสองไปมา
“เธอ อันที่จริงสวยกว่าคุณ”
ซูหย่าเงยหน้าขึ้นมองเซียวอู๋ทันที
“แต่ว่าสวยกว่าคุณมีเกลื่อนกลาดไป เกาไห่คนนั้นก็เลือกคุณ? คุณหมายความว่าสายตาฉันแย่กว่าเขาใช่ไหม? ”
เล่อจยาอ้าปากค้าง นี่มันอะไรกัน? พูดไปพูดมา ทำไมถึงพูดถึงเกาไห่ได้? ”
คิดๆ แล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน ดึงซูหย่า “ไปๆๆ กับเขาคนนี้จนปัญญาที่จะพูดแล้ว สูญเสียคุณไป ก็ให้เขารอความเสียใจได้เลย”
เพียงแต่เธอดึงอยู่นาน ซูหย่าก็ไม่ไหวติง
หันกลับมาก็เห็นซูหย่ามองเซียวอู๋ทั้งน้ำตา “ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ฉันจะพยายามอย่างไร คุณก็จะไม่สามารถชอบฉันได้ใช่ไหม? ”
“รู้แล้ว คุณก็ยังจะถาม! ”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเฉยเมยของเซียวอู๋ เล่อจยาก็โกรธถึงขีดสุด หยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมา คิดจะสาดไปที่เขา แต่ถูกซูหย่ารับมาดื่มรวดเดียวหมด
“เหรอ? เช่นนั้นก็แต่งงานกันเถอะ ในเมื่อไม่ได้ใจคุณ ได้ตัวคุณก็ไม่เลว” พูดจบ ก็ดึงเล่อจยาออกไป
เล่อจยาเห็นการแสดงออกของซูหย่าไม่เหมือนการล้อเล่น จึงดึงเธอไว้ “เสี่ยวหย่า ที่คุณพูดเมื่อกี้ ล้อเล่นใช่ไหม? ”
ซูหย่ามองเธอ หยิบมือถือออกมา กดโทรออกไป
“พ่อ ฉันท้อง ท้องกับเซียวอู๋ ฉันต้องการแต่งงาน” เธอพูดอย่างรวดเร็วมาก พูดจบก็วางสายไป
เล่อจยาตกตะลึง แย่งมือถือในมือเธอมา ตะคอกเสียงดังว่า : “ซูหย่า คุณประสาทหรือเปล่า คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? ”
ซูหย่าหันกลับไปมองร้านอาหารด้านหลัง พูดพึมพำกับตนเอง : “ถ้าต้องอยู่คนเดียวไปจนแก่ เลี้ยงเขาไว้ให้เป็นบุญตาข้างๆ จะดีกว่า”
“ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้คุณกันไว้ดีแล้วเหรอ? คุณ……ทำไมคุณถึงเปลี่ยนไป? ”
ซูหย่าสูดลมหายใจเข้า “ไปกันเถอะ ไปเป็นเพื่อนฉันดุของสำหรับเด็กเถอะ บางทีพรุ่งนี้อาจจะไม่สะดวกออกมา”
เล่อจยาไม่เข้าใจ จนกระทั่งวันต่อมา ข่าวโด่งดังเผยแพร่ไปทั่วทุกๆ สื่อ เธอจึงเข้าใจความหมายของซูหย่า
ตระกูลซูกับตระกูลเซียว ในเมืองCทั้งหมดเป็นวงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียง มีอิทธิพลมีอำนาจแล้วก็ร่ำรวย การเกี่ยวดองกันของสองตระกูลนี้ ทำให้หลายๆ คนตื่นเต้นอย่างมาก ซึ่งหมายความว่าทั้งสองอยู่ที่เมืองC ในอนาคต อำนาจและอิทธิพลที่มีจะไม่สามารถสั่นคลอนได้
เธอเห็นข่าว ก็โทรหาซูหย่า แต่ว่าปิดเครื่อง ส่งวีแชตไปหาเธอ เธอก็ไม่ได้ตอบกลับ
จึงกังวลใจกับสถานการณ์ของเธอเล็กน้อย เธอให้เกาไห่พาเธอไปส่งที่ตระกูลซู เพียงแค่เห็นประตูใหญ่ที่แน่นหนา เธอก็ไม่กล้าลงจากรถ
“คุณว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร? เซียวอู๋รู้แล้วต้องโวยวายอย่างแน่นอน ถ้าเขาไม่ยอม ซูหย่าน่าจะลำบากใจ” เธอถามเกาไห่
“ในครอบครัวอย่างพวกเขานี้ ถึงท้ายที่สุดแล้ว ได้แต่ประนีประนอม อำนาจและชื่อเสียงทางการเมืองของตระกูลซูมีค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าตระกูลเซียวจะมีอำนาจทางทหารที่แข็งแกร่ง แต่ว่าใครๆ ก็รู้ ว่าทหารกับการเมืองแยกกันไม่ได้ ต่างคนต่างอยากพัฒนาอาณาจักรของตนเองให้ดียิ่งขึ้น การเกี่ยวดองกันเช่นนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเซียวอู๋จะต่อต้าน แต่ไม่ซีกจะไปงัดไม้ซุงได้อย่างไร”
เล่อจยามองเกาไห่ แล้วเคลื่อนสายตาไปที่กลุ่มคนเหล่านั้น ขมวดคิ้วแน่น จะเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุกได้อย่างไร?
แต่ว่า ถึงแม้จะงัดไม้ซุงไม่ได้ เซียวอู๋ก็ยังงัดซูหย่าไม่ได้เหรอ?
เกรงว่าการบังคับให้แต่งงานครั้งนี้ ที่ซูหย่ารอคอยมา จะได้รับการปฏิบัติอย่างไร้น้ำใจจากเซียวอู๋
“เรื่องราวมาถึงสถานภาพนี้แล้ว ก็ไม่มีทางหนีทีไล่แล้ว ปัญหาตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว” เกาไห่มองออกถึงความกังวลใจของเล่อจยา จึงเอ่ยปาก
เพราะเรื่องของซูหย่าและเซียวอู๋ ตลอดทั้งวัน เล่อจยาก็สภาพไม่ค่อยดีเล็กน้อย
หลายปีมานี้ ที่ซูหย่าปฏิบัติต่อตนเอง ไม่ว่าจะช่วยเหลือทางอารมณ์ความรู้สึกหรือทางการเงิน จะใช้เพียงเพียงคำว่าเพื่อนมาอธิบาย ก็คงจะน้อยเกินไป ควรใช้คำว่าพี่สาวน้องสาวจะดีกว่า
แต่เซียวอู๋ ความทรงจำเมื่อสามปีนั้น ถึงแม้จะค่อยๆ เลือนราง แต่เธอก็ยังคงหวังว่า เขาจะสามารถมีความสุข และไม่ต้องฝืน
เพียงแต่สองวันต่อมา ยังคงไม่มีข่าวคราวของคนทั้งสอง จนกระทั่งวันที่สาม หน้าจอมือถือแสดงข้อความ มือถือของซูหย่าอยู่ในสภาพปกติแล้ว
เธอจึงรีบต่อสายไป สัญญาณมือถือดังขึ้นสองครั้งก็ถูกกดรับสาย
“เสี่ยวหย่า” เธอเรียกอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่อีกฝั่งสายนั้นเงียบอยู่ชั่วขณะ เสียงของซูหย่าก็ดังเข้ามา “จยา งานแต่งกำหนดไว้เดือนหน้า” น้ำเสียงของเธอแหบพร่าจนผิดปกติ
เล่อจยากัดริมฝีปากเล็กน้อย ขอบตาแดง “ฉันสามารถช่วยอะไรคุณได้บ้างไหม? ” เธอรู้ว่าคำปลอบใจมันไร้ประโยชน์ไปแล้ว
“รอตอนฉันหย่าแล้ว ให้ฉันอยู่บ้านคุณแล้วกัน! ”
“ห๊ะ? ” เล่อจยานิ่งอึ้ง ทันทีก็ตอบสนอง “พูดอะไรไร้สาระ ยังไม่ทันแต่งงานเลย ก็คิดจะหย่าแล้วเหรอ ทำไมคุณถึงไม่คิดบ้างว่า เซียวอู๋จะตกหลุมรักคุณ? ”
ซูหย่าถอนหายใจเบาๆ “คุณคิดว่า ผู้ชายบนโลกใบนี้เหมือนเกาไห่ทั้งหมดเหรอ? ”
เล่อจยาไม่พูดจา
“คุณเสียใจเหรอ? ถ้าเสียใจ ก็ลองพูดกับพ่อแม่ดูอีกทีสิ พ่อแม่คุณรักคุณ จะต้อง…..”
“ไม่เสียใจ” ซูหย่าตัดบทคำพูดของเล่อจยาอย่างไม่ลังเล “คนอย่างฉันต้องสู้จนหลังชนฝา”
ใช่ ซูหย่ามีนิสัยแบบนี้จริงๆ ในตอนนั้น เธอไม่ยอมเป็นเพื่อนกับเธอ ในหนึ่งปีนั้น เธอก็พยายามใช้ทุกวิถีทาง ในที่สุดก็ทำให้เธอประทับใจ
แต่ก็ไม่รู้ว่านิสัยแบบนี้ จะใช้ได้ผลกับเซียวอู๋หรือไม่
“อย่างนั้น คุณเอาเบอร์มือถือของเซียวอู๋ มาให้ฉันหน่อยสิ”
“จะทำอะไร? อยากจะเกลี้ยกล่อมเหรอ? ”
“คุณรีบเอามาให้ฉันเถอะ”
ร้านกาแฟชั้นล่างของบริษัท
เซียวอู๋สวมเครื่องแบบทหาร เมื่อเห็นดินที่อยู่บนรองเท้าของเขาแล้ว เขาก็น่าจะเพิ่งกลับมาจากภารกิจ
บุคลิกองอาจห้าวหาญ หน้าตาหล่อเหลาดีเลิศ แม้แต่เล่อจยาที่เห็นใบหน้าของเกาไห่จนชินแล้ว เวลานี้ก็ยังจ้องมองอยู่หลายครั้ง
หยิบมือถือออกมา ถ่ายรูปเขาจากด้านข้าง แล้วส่งไปให้ซูหย่า “มิน่าล่ะถึงสามารถทำให้คุณหนูซูใจเต้นได้ ลองดูพ่อของลูกคุณคนนี้สิ ช่างหล่อเหลาจริงๆ …..”
ข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “อย่างนั้น พวกเราเปลี่ยนกันไหม? ”
“หยุดเลย! ”
นำกระเป๋าวางบนที่นั่งด้านข้าง เล่อจยามองเซียวอู๋ “เสี่ยวอู๋…..”