เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 272 ใครรับโทรศัพท์?
เสี่ยวตงมองเกาไห่โดยจิตใต้สำนึก แล้วจึงตอบกลับว่า : “โรงพยาบาลเพิ่งโทรมาบอกว่า ขาของคุณไห่ยุ่นเกิดการอักเสบ ต้องได้รับการผ่าตัดทันที ประธานเกาต้องไปเซ็นชื่อ”
ขาของไห่ยุ่น อักเสบ? ต้องผ่าตัดเหรอ?
เล่อจยาเงยหน้าขึ้นมองเกาไห่ ในแววตาเขาดูสับสนเล็กน้อย ในชั่วพริบตาในใจเล่อจยาก็หม่นหมองลง
ชั่วขณะ ก็นั่งลงบนโซฟา “พูดมาให้ชัดเจนก่อน มิเช่นนั้น ก็ไม่อนุญาตให้ไป”
เกาไห่กัดฟันถลึงตาใส่เสี่ยวตง สูดหายใจเข้าลึกๆ เสี่ยวตงก้มหน้าลง เขารู้ว่าวันนี้ตนเองสร้างเรื่องวุ่นวายชึ้นแล้ว
“จยาจยา มิเช่นนั้น ฉันจะให้เสี่ยวตงไปส่งคุณก่อน รอเรื่องทางด้านนี้เสร็จแล้ว ฉันจะรีบไปทันที คุณว่าอย่างไร? ” เกาไห่เดินไปสองสามก้าวนั่งลงตรงหน้าเล่อจยา จับมือเธอ แล้วปรึกษาหารือกับเธอ
เล่อจยาขมวดคิ้ว “ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ”
“ขาเธอไม่ค่อยดีนิดหน่อย”
“เห็นได้ชัดว่าขาเธอไม่มีปัญหาไม่ใช่เหรอ? ” เล่อจยาพูดย้อนกลับ
“เมื่อวานตอนเย็นมาช่วยฉัน ก็เลยหกล้ม! ”
“เมื่อวานตอนเย็น? ช่วยคุณ? แต่เมื่อวานตอนเย็นคุณบอกว่าประชุมอยู่ไม่ใช่เหรอ? ” เล่อจยาพบว่าปากของตัวเองสั่นเทาเล็กน้อย
“เธอไปหาฉันเพื่อลาออก ตอนที่ออกมา พอดีมีน้ำอยู่ตรงบันไดในห้องโถงใหญ่ เท้าฉันเลยลื่น เธอจึงช่วยฉัน เลยหกล้มลงไป ต่อมา ฉันจึงส่งเธอไปโรงพยาบาล ก็กลัวว่าคุณจะคิดมาก ฉะนั้นเลย……”
ฉะนั้น เลยให้คนบอกเธอว่า เขาประชุมอยู่ใช่ไหม? ดังนั้น เดิมทีเธอไม่ได้มองรถพลาดไป แต่ที่แท้เป็นเขาไม่ได้อยู่ที่บริษัทใช่ไหม?
เล่อจยาสัมผัสได้ถึงความสุขเมื่อครู่นี้ ในตอนนี้ มันหายไปอย่างสิ้นเชิง เธอพยายามทำให้หัวใจที่ระรัวราวกับกลองของเธอสงบลง แล้วมองเกาไห่ “เกาไห่ พื้นดีๆ จะมีน้ำได้อย่างไรล่ะ? คุณไม่สงสัยเลยเหรอ น่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า? ”
“เล่อจยา……” เกาไห่พูดทั้งชื่อแซ่เล่อจยา ในน้ำเสียงมีการตำหนิ
เล่อจยากะพริบตาปริบๆ คิดว่าตนเองฟังผิด
เธอขยี้ๆ ตาที่ขมขื่น “ก่อนหน้านี้ คุณเห็นชัดแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอเดินได้แล้ว? สามี น้องสาวของคุณ เป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์มากจริงๆ ที่เธอทำสิ่งเหล่านี้ ก็แค่ต้องการแย่งคุณไปจากฉัน”
เกาไห่มองเธอด้วยสายตาเย็นชาอย่างมาก “คุณคิดว่ามันคุ้มค่าเหรอที่เธอจะใช้สองขาของตัวเองเพื่อมาแย่งฉันไป? ” พูดจบ ก็ลุกขึ้นยืน สองมือล้วงกระเป๋า มองออกไปอีกด้านหนึ่ง
เกาไห่ทำอย่างนี้ ทำให้เล่อจยานิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง เธอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วจึงคว้ากระเป๋าข้างๆ ลุกขึ้นยืน “โอเค เช่นนั้นคุณก็ไปดูเธอเถอะ ฉันจะไปเองคนเดียว”
พูดจบก็หันกลับเดินไปทางประตู เกาไห่ถอนหายใจดึงเธอไว้ “จยาจยา เราเข้าใจเธอผิดแล้ว ก่อนหน้านี้ขาเธอสามารถเดินได้ก็จริง แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในไม่กี่วัน เรื่องนี้ ฉันยังตั้งใจไปโรงพยาบาลเพื่อถามหมอโดยเฉพาะ เธอต้องการจะไปเที่ยว ฉะนั้นเลยไม่ทันได้อธิบายกับเรา อีกอย่าง เมื่อวานตอนเย็น เธอไปหาฉันเพื่อลาออก บอกว่าไม่อยากให้คุณเข้าใจเธอผิด สรุปคือตอนที่ออกมา พื้นมันลื่น จนฉันเกือบจะตกลงไป เธอเลยผลักฉันออก แล้วเป็นเธอตกลงไปเอง เธอล้มลงไปทำให้ขาหักอีกครั้ง” พูดถึงตรงนี้ในแววตาเกาไห่ก็มีความเสียใจ
เล่อจยาได้ยิน ก็หัวเราะ “หึหึ บังเอิญจริงๆ เลย ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะย้ายออกจากบ้านเราไป หลังจากหายสาบสูญไป แล้วขาก็หายเป็นปกติเหรอ? ตอนที่มาหาคุณเพื่อลาออก พื้นที่ลื่นชัดเจนว่าเธอวางแผนไว้ดีแล้ว ดังนั้น จึงจงใจไปลาออก และจงใจ……”
“เล่อจยา คุณเข้าใจเธอผิดเกินไปแล้วหรือเปล่า คุณคิดว่าเธอทำให้ขาหักเพื่อฉันเหรอ? ” เสียงของเกาไห่สูงขึ้นเล็กน้อย
เล่อจยามองเขา เหมือนกับมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอค่อยๆ พูดว่า *เพื่อคนที่ตัวเองชอบแล้ว จะล้มจนขาหักอย่างไร แม้ว่าฉันจะต้องเอาชีวิตเข้าแลก ไม่แน่ว่าฉันก็อาจจะเต็มใจ”
เกาไห่ลูบหน้าผาก “จยาจยา คุณคิดว่าความคิดของคุณมันไม่เกินไปหน่อยเหรอ? ”
คิดเหมือนกันเหรอ? เล่อจยามองเกาไห่ “คุณคิดว่าฉันคิดอะไร? ”
สีหน้าของเกาไห่ไม่น่าดูเล็กน้อย “จยาจยา เรื่องบางเรื่อง เดิมทีฉันไม่ได้อยากที่จะพูดอยู่แล้ว แต่ในเมื่อคุณดึงดันแบบนี้ ฉันก็จำเป็นที่จะต้องบอกคุณ”
“คุณรู้ไหมว่าทำไมจู่ๆ ไห่ยุ่นถึงย้ายออกไปจากบ้านของพวกเรา? ”
เล่อจยาชำเลืองมองเขา “ฉันจะรู้ได้อย่างไร? ”
“ก็เพราะเพื่อนที่แสนดีของคุณมาบอกกับเธอถึงบ้าน ไห่ยุ่นกลัวว่าคุณจะเข้าใจผิด จึงย้ายออกไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง” พูดถึงตรงนี้ เกาไห่ก็กุมหน้าผาก เข้าไปดึงมือของเล่อจยา “ฉันรู้ว่า เธอทำไปเพราะหวังดีต่อคุณ ดังนั้น ฉันจึงไม่ได้โกรธเธอ แต่จยาจยา ฉันไม่ปรารถนา ให้คุณเข้าใจไห่ยุ่นผิดอีก แบบนี้ มันช่างไม่ยุติธรรมกับเธอเลย”
ความร้อนผ่าวของฝ่ามือ ส่งกระจายไปยังหัวใจ แต่กลับกลายเป็นความเจ็บปวด เล่อจยาแปลกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าซูหย่าจะมาหาไห่ยุ่นเพื่อเธอ แต่เธอก็ไม่ได้โกรธ เพราะเธอรู้ดีว่า ที่ซูหย่าทำแบบนี้ ล้วนหวังดีต่อเธอ
“เธอก็แค่ทำในเรื่องที่ฉันอยากจะทำก็เท่านั้น ฉันต้องขอบคุณเธอ” เธอมองเกาไห่ พูดออกมาทีละคำๆ
เธอเห็นชัดเจนว่าใบหน้าของเกาไห่มืดมนลงโดยสิ้นเชิง
ห้องทำงานที่โล่งกว้าง.เงียบสงัดลงในทันที
ขณะที่เล่อจยาคิดว่าเกาไห่คงไม่พูดอะไร ก็มีเสียงที่เคร่งขรึมของผู้ชายดังขึ้นข้างหู
“เล่อจยา ฉันคงรู้จักคุณน้อยเกินไปจริงๆ ”
พูดจบ ก็หยิบเสื้อโค้ตที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา แล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
รู้จักเธอน้อยเกินไปจริงๆ? ประโยคนี้หมายความว่าอะไร? เกาไห่ คุณไม่ต้องการฉันแล้วใช่ไหม?
เล่อจยายืนทึ่มทื่ออยู่กับที่ นึกถึงว่าเกาไห่ไม่ต้องการเธอแล้ว ในทันที ก็หวาดผวา เธอรีบไล่ตามออกไป พอดีเห็นเกาไห่กับเสี่ยวตงเดินเข้าลิฟต์ไป
เธอก็รีบไปกดลิฟต์ แต่ทำได้เพียงมองตัวเลขของลิฟต์ที่ลดลง
ทันที เธอก็ร้อนใจ เปิดประตูทางออกฉุกเฉินที่อยู่ด้านข้าง วิ่งลงมาทางบันได เมื่อลงมาถึงชั้นใต้ดิน รองเท้าส้นสูงก็ถืออยู่ในมือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เพราะร้องไห้ หน้าตาที่แต่งไว้ก็เลอะเทอะ
แต่เพียงแค่เห็นไฟท้ายรถคันนั้น
เกาไห่ไปแล้ว….เขาไม่ต้องการเธอแล้ว เล่อจยานั่งยองๆ ลงกับพื้น มือทั้งสองกุมศีรษะ
เมื่อซูหย่ารีบเข้ามา เล่อจยาก็นั่งอยู่บนพื้นที่ชั้นใต้ดิน
“เกิดอะไรขึ้น? ”
เล่อจยามองซูหย่า “คุณ…คุณมาได้อย่างไร? ”
ซูหย่าขมวดคิ้ว “ก็คุณโทรหาฉันไม่ใช่เหรอ? ”
“ฉัน….ฉันคงจะเป็นบ้าไปแล้ว คุณตั้งท้องลูกอยู่ ฉันจะให้คุณมาได้อย่างไร? ”
ซูหย่านั่งยองๆ ลงตรงหน้าของเธอ จับใบหน้าของเธอ “บอกฉันซิ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ”
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? เล่อจยาก็ต้องถามตนเอง ชัดเจนว่าก่อนหน้านี้ก็ยังดีอยู่ ชั่วพริบตา ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
“คุณรีบลุกขึ้นยืนเถอะ อย่านั่งยองๆ แบบนี้เลย” พูดพลาง เล่อจยาก็ลุกขึ้น แล้วประคองซูหย่าลุกขึ้น
แต่ซูหย่าสะบัดมือของเธอออก “คุณบอกมาก่อน ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ” เสียงที่สูงขึ้นในทันใด ดึงดูดให้คนจำนวนไม่น้อยหันกลับมามอง