เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 325 ซูหย่า พวกเราหย่ากันเถอะ
ทำไมโรงพยาบาลที่ด้อยพัฒนาที่นี่สามารถตรวจพบโรงทางจิตของเซียวอู๋ได้ว่าเกิดจากมีภาวะเลือดออกในสมองของเขา แต่ทำไมในเมือง H โรงพยาบาลใหญ่จำนวนมาก หมอทุกคนล้วนเห็นพ้องกันว่า การป่วยของเขาเกิดจากการใช้ยาเกิดขนาด โรงพยาบาลนั้นเต็มใจวินิจฉัยผิดพลาด ไม่มีทางที่ทุกโรงพยาบาลจะวินิจฉัยผิดพลาดเหมือนกันหมด
ถ้างั้น ก็มีเพียงเหตุผลเดียวที่วินิจฉัยผิดพลาด ก็คือมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
เธอหลับตาและลืมตาอีกครั้ง พยายามสงบจิตใจที่ปั่นป่วนของตัวเอง
ใครกัน ที่จะกล้าทำสิ่งต่างต่างกับคนที่มีสถานะเป็นเซียวอู๋ และยังสามารถซ่อนตัวจากคนจำนวนมากได้อีกด้วย
ด้วยพลังของตระกูลเซียวและตระกูลซู คนธรรมดาไม่กล้าทำเช่นนี้แน่ ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าพลังที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ จะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเธอก็มืดลงเล็กน้อย และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวเล็กน้อยภายในใจ
เมื่อกลับมาที่ห้องผู้ป่วย เซียวอู๋ยังไม่ฟื้น
เธอนั่งอยู่ข้างเซียวอู๋ จับมือของเขาถือไว้ในมือของเธอ ในใจเธอก็คิดไม่ออกจริงจริงว่า สรุปแล้วเป็นใครกันแน่ ที่คิดจะฆ่าเขา ?
ถ้าหากครั้งนี้ ฉันไม่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ละก็ ชีวิตของเขาคงจะพินาศไปแล้ว คิดคิดดูแล้ว ผู้ชายที่ดีแบบนี้ จริงจริงแล้วเขาก็ถูกคนอื่นออกแบบมาให้เป็นแบบนี้
หลังจากเหตุการณ์นั้น แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องเขา ความทุกข์ใจของเธอก็สั่นสะท้าน น้ำตาในดวงตาของเธอก็ไหลออกมาเป็นสาย
ทันใดนั้น มือใหญ่ในมือของเธอก็ขยับ
เซียวอู๋ค่อยค่อยลืมตาขึ้น และผู้หญิงที่อยู่ในดวงตาของเขา ก็ร้องไห้ออกมา
เขาขมวดคิ้ว และเปิดปากของเขา ใช้เวลานานกว่าจะพูดออกมาสองคำ “อย่าร้องไห้”
ซูหย่าเม้มริมฝีปากและสูดหายใจ “คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่า ?”
เซียวอู๋กะพริบตา ยกมือขึ้น และปาดน้ำตาจากใบหน้าของเธอ “เสี่ยวหย่า…….อย่าร้องไห้”
นี่คือสิ่งที่เซียวอู๋พูดมานานที่สุดตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ ซูหย่าพยักหน้าซ้ำๆ “โอเค ไม่ร้อง”
“เสี่ยว……อี้”
เมื่อซูหย่าได้ยิน “เสี่ยวอี้อยู่กับคุณลุง คุณเป็นลมไป ฉันจึงพาคุณมาโรงพยาบาล จึงไม่มีคนดูเขา” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกเศร้า เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด ถ้าหากว่าไม่ได้เจอพวกคุณลุงที่เป็นคนดีแบบนี้ เธอควรจะทำอย่างไรดี ?
เนื่องจากเสี่ยวอี้ยังเล็กเกินไป ไม่มีคนดู และซูหย่าก็ปล่อยเซียวอู๋ไม่ได้ หลังจากยืนยันกับหมอว่าตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว เธอก็ไปทำเรื่องพาเขาออกจากโรงพยาบาล
เมื่อออกประตูมา ก็พอดีกับที่หมอไป๋เดินเข้ามาจากข้างนอก “เรื่องการผ่าตัด คุณต้องคิดทบทวนอย่างรอบคอบนะ เขายังหนุ่มอยู่”
ซูหย่ามองมาที่เขา และมองไปที่เซียวอู๋ “ขอบคุณมากค่ะ ไม่รู้ว่าคุณสามารถให้เบอร์โทรศัพทัฉันได้ไหม ถ้าหากฉันมา ฉันจะติดต่อคุณ ได้ไหม ?”
หมอไป๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดหมายเลขลงไป “คุณจดไว้”
ซูหย่ารีบใช้โทรศัพท์มือถือของเธอถ่ายรูปไว้สองสามรูป และดึงเซียวอู๋เดินไปสองก้าว แล้วหันศีรษะกลับมายิ้มและโค้งคำนับให้กับหมอไป๋ “ขอบคุณคุณหมอไป๋ที่ช่วยชีวิตสามีของฉัน”
เมื่อได้ยินเธอพูดว่าสามี หมอไป๋ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้น ก็พยักหน้า และเดินผ่านเธอไป
เมื่อซูหย่ากลับไป ก็ตรงไปที่คุณลุงแล้วรับเสี่ยวอี้กลับมา
เมื่อคุณลุงเห็นว่าเซียวอู๋อยู่ในสภาพที่ดี เขาก็ไม่ได้ถามอะไร แค่พูดว่า ถ้าเธอมีเรื่องอะไรก็บอก พวกเขาทั้งสองคน ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว
ซูหย่าพยักหน้าให้เขาอย่างซาบซึ้ง
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอกระตุกเซียวอู๋ว่า “คุณไปอาบน้ำก่อน ฉันจะชงนมให้เสี่ยวอี้ แล้วจะไปทำอาหารให้คุณ”
เซียวอู๋จับมือของเธอ โดยไม่ขยับ
“มีอะไรรึเปล่า ?”
เซียวอู๋ไม่พูด แต่มองเธอด้วยสายตาตื่นตระหนก ซูหย่าก็เข้าใจทันที
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้โกรธ คุณไม่เป็นไร ก็ดีแล้ว รีบไปอาบน้ำเถอะ”
ในขณะนี้ เซียวอู๋หันกลับไปอย่างเชื่อฟัง และเดินไปที่ห้องน้ำ
ในตอนกลางคืน ซูหย่านอนอยู่บนเตียง ใช้เวลานานกว่าจะนอนหลับ
เธอกำลังคิดถึงปัญหาเรื่องเลือดคลั่งในสมองของเซียวอู๋ เมื่อคิดไปคิดมา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความถึงหมอไป๋คนนั้น
ในเมืองนี้ มีแต่เครือข่าย 2G ดังนั้น วีแชท QQ อะไรพวกนี้ก็แทบจะกลายเป็นแอปประดับเครื่องไปแล้ว เชื่อมต่อยากมาก
“หมอไป๋ สวัสดีค่ะ ฉันอยากจะสอบถามหน่อยค่ะ ถ้าสามีของฉันผ่าตัดเปิดกระโหลกศีรษะจะมีความเสี่ยงไหมคะ ?”
ข้อความตอบกลับมาเร็วมาก
“มี”
คำเพียงสั้นๆ ทำให้หัวใจของซูหย่ากระตุกขึ้นมาทันที
“ถ้างั้น มันจะมีความเสี่ยงมากขนาดไหน ?”
“อืม เรื่องนี้รับประกันอะไรให้คุณไม่ได้ ในฐานะหมอ ผมพูดได้เพียงว่า ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
คำตอบอย่างเป็นทางการนั้น ทำให้ซูหย่าใจเสีย
“งั้น ถ้าเกิดว่าล้มเหลว จะเป็นอย่างไร ?” เมื่อถามคถามนี้ หัวใจของเธอก็กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง
“มันก็อาจจะแย่กว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้”
ซูหย่าหันกลับมามองเซียวอู๋ที่กำลังหลับใหลอยู่ โดยคิดว่าการตัดสินใจของเธอ อาจจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขา เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกเครียดมาก
“ฉันควรทำอย่างไรกับคุณดี ?” เสี่ยวหวู่
เพราะปัญหานี้ ในตอนกลางคืน เธอยังต้องคิดเล็กน้อยอยู่บ้าง ซูหย่าแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน เมื่อตื่นมาตอนเช้า ก็เวียนหัว และปวดหัวจนแทบเดินไม่ได้
ป้าผ่านมาเห็นพอดี เมื่อเห็นสีหน้าของเธอดูแย่ ก็รีบอุ้มเสี่ยวอี้ออกไปจากมือของเธอ “เสี่ยวหย่า คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่า ? ฉันเห็นสีหน้าคุณดูแย่มาก”
ซูหย่าขมวดคิ้ว หลังจากชงนมผงเสร็จ ก็ส่งให้กับป้า “เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน”
“จริงเหรอ มีเรื่องอะไรรึเปล่า ?”
บางทีมันอาจจะจำเป็นต้องปรึกษาใครสักคนจริงๆ ซูหย่าอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องของเสี่ยวอู๋กับป้า
เมื่อป้าได้ยิน ก็ขมวดคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็มองออกไปข้างนอกประตู “ตาแก่ คุณก็เข้ามาสิ มาออกความคิดเห็นหน่อย”
ซูหย่าเพิ่งพบว่า ที่แท้คุณลุงก็มาแล้ว เพียงแต่อยู่ที่หน้าประตู ไม่ได้เข้ามา
เธอลุกขึ้น เดินไปที่ประตู “คุณลุง คุณเข้ามานั่งสิคะ”
คุณลุงพยักหน้า เดินเข้ามาในห้อง มองไปที่เสี่ยวอี้ แล้วเอ่ยปกาพูดว่า “สาวน้อย ทำเถอะป่ะ เพียงแต่ โรงพยาบาลของพวกเราแถวนี้ไม่ค่อยจะดี คุณสามารถพาพ่อของเสี่ยวอี้ไปในสถานที่ที่ใหญ่กว่านี้”
ปัญหานี้ ที่จริงแล้วซูหย่าก็เคยคิด แต่ ถ้าหากกลับไปที่เมืองใหญ่ คนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใครกันแน่ก็ยังไม่รู้เลย และยังสามารถควบคุมคนจำนวนมากได้ ภูมิหลังจะต้องน่ากลัวอย่างคาดไม่ถึงแน่นอน
เธอไม่กล้าพาเซียวอู๋ไปเสี่ยง
“เมืองใหญ่ พวกเราไม่กลับไปแล้ว” เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง และอุ้มเสี่ยวอี้มาจากอ้อมกอดของป้ามา และมองดูตาโตโตของเสี่ยวอี้ แล้วพูดกับตัวเองว่า: “ถ้าหากล้มเหลว ถ้างั้นจะทำอย่างไรกันดี ?”
“ตอนนี้เขามีชีวิตแบบนี้ มันก็เจ็บปวด”
ป้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว เสี่ยวหย่า ที่คุณลุงพูด ถึงแม้มันจะตรงไปหน่อย แต่ คุณสามารถคิดให้ดีกว่านี้หน่อยไหม ถ้าเกิดว่ามันเป็นแบบนั้นล่ะ ?”
รอยยิ้มของซูหย่าแข็งทื่อเล็กน้อย เธอหายใจเข้าลึกๆ และก็พบว่าเซียวอู๋ยืนอยู่ที่ประตู เขาเอามือจับหน้าท้อง เม้มปาก และดูไม่พอใจ