เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 342 เตรียมงานแต่ง
จากนั้น ก็มีเสียงเดินลงบันได พร้อมกับเสียงดีใจ “ลูก? เป็นลูกของโม่หานเหรอ? อูย นี่เป็นเรื่องน่ายินดีมากเลย ตาแก่ รีบลงมาเร็ว เรามีเหลนแล้ว”ทันใดนั้นมือของมู่เฉียวถูกจับไว้อีกครั้ง
หญิงชราผมขาวปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉียว
ลิฟต์บ้านลงมาจากชั้นสอง ประตูลิฟต์เปิดออก คนใช้คนหนึ่งผลักรถเข็นออกมา ในรถเข็น มีชายสูงอายุผมขาวเหมือนกัน แม้อายุจะไม่น้อยแล้ว แต่ในตากลับมีชีวิตชีวา นี่ คงเป็นราชาเรือในตำนานใช่ไหม?
“ไปเชิญหมอมา”ปู่โม่เป็นคนทำการใหญ่ ไม่เหมือนกับคุณย่าที่เป็นกระต่ายตื่นตูม เขาโบกมือ ชี้จุดสำคัญ
ผ่านไปไม่นาน แพทย์สองคนในชุดสีขาวก็ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉียว คนหนึ่งเป็นแพทย์แผนจีน และอีกคนเป็นแพทย์แผนตะวันตก
แพทย์แผนจีนจับชีพจร แพทย์แผนตะวันตกเจาะเลือด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“เรียนนายท่านโม่ ท้องจริงๆครับ”แพทย์แผนจีนดูระมัดระวัง
“นี่มันดีมากเลย”แพทย์แผนตะวันตกกลับมีความยินดี
ปู่โม่พยักหน้า ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ดูไม่ออกว่าดีใจหรือไม่ดีใจ ทำเพียงแค่จ้องมองมู่เฉียว“ทำไม ถึงต้องแต่งงาน?”
สิ่งที่ไม่คาดคิด คุณปู่ไม่ได้ถามว่าเด็กในท้องเป็นลูกของโม่หานหรือเปล่า ยิ่งไม่ได้ถาม ว่าท้องเด็กคนนี้ได้ยังไง แต่ถามถึงเหตุผลโดยตรง คาดว่าเขาคงแน่ใจ ว่ามู่เฉียวไม่มีความกล้าที่จะโกหกเขา เทียบกับโม่หาน เขาดูโอหังมากกว่า
“เพื่อให้เด็กมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ และเพื่อ…..ตัวเองด้วย”
“เพื่อตัวเธอเอง?” ปู่โม่หันรถเข็ญและหมุนไปทางมู่เฉียว “ไหนลองพูด ทำไมถึงต้องทำเพื่อตัวเอง?”
มู่เฉียวเงยหน้ามองปู่โม่ “คุณปู่โม่ ฉันรู้ว่าร่างกายตอนนี้ของโม่หาน ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องการการบริจาคไขกระดูก แต่ฉันก็รู้ดี ว่าชีวิตนี้ของฉัน จะสูญเสียอิสรภาพเพราะเหตุนี้ ฉันไม่มีทางหนีไปจากสายตาของพวกคุณได้ ยิ่งกว่านั้น ยังไม่สามารถมีลูกกับใคร หรือมีครอบครัวกับใครได้ ไม่ใช่เหรอคะ? ตระกูลโม่ไม่มีทางให้ฉันมีอันตรายแม้แต่นิดเดียว เพราะฉันต้องมีชีวิตอยู่เพื่อโม่หาน ฉันต้องเตรียมตัวที่จะสละไขกระดูกให้เขาเสมอ”
เรื่องนี้มู่หยิงบอกเธอในอีเมลวันนั้น เธอรู้ว่า มู่หยิงไม่ได้แค่บอกให้เธอตกใจอย่างแน่นอน
นี่ก็เป็นสาเหตุที่มู่หยิงไม่ยอมแต่งงานกับโม่หาน โรคนี้ โดยทั่วไปถ้าไม่อยู่ในขั้นที่กำหนด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกปลูกถ่ายไขกระดูก เพราะมีความอันตรายสูงมาก ถ้าหากเกิดอาการต่อต้าน หรือเกิดมีเชื้อโรค แค่ข้อผิดพลาดนิดเดียว ชีวิตของโม่หานก็จบ
ถ้าแต่งงานกับเขา ก็ไม่ต่างอะไรจากมีชีวิตกับระเบิดเวลา ความกลัวแบบนี้ แค่คิดดู ก็น่ากลัวแล้ว
แต่ หลายปีมานี้ความรู้สึกและนิสัยของทั้งสองคนเป็นไปในทางเดียวกัน ทำให้มู่หยิงหาข้ออ้างไม่ได้ที่จะต้องปฏิเสธงานแต่ง หรือเลิกกับโม่หานในเวลานี้
ไม่ว่าจะทางความสัมพันธ์หรือเหตุผล ก็ไม่ได้
ดังนั้น เธอถึงบังคับให้เธอแต่งงาน ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็จะหนีได้ ตระกูลโม่และโม่หานยังรู้สึกผิดเพราะเรื่องนี้ แล้วจะปฏิบัติกับเธออย่างดี
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
อีกอย่างสำหรับโม่หานและตระกูลโม่ มันไม่สำคัญว่ามู่เฉียวตัวเล็กๆคนนี้ จะมีความสุขหรือไม่ ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ก็พอ
จุดนี้ เธอเข้าใจ
เมื่อคืน เธอก็คิดมามากเหมือนกัน การต่อต้านของตัวเอง ไม่ต่างจากตั๊กแตนห้ามรถ ถ้าอย่างนั้นในเมื่อเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองดีกว่า
แต่งงานกับโม่หาน เธอตัดสินใจแล้ว เพิกเฉยต่อเขา สิ่งที่เธอต้องการ ก็แค่การแต่งงานเท่านั้น ในเมื่อไม่มีอิสระแล้ว ถ้าอย่างนั้น แต่งให้เขายังดีกว่า คิดเพื่อลูกในท้องให้มากๆ
ปู่โม่ไขว้มือทั้งสองข้างไว้ที่อก เงยหน้ามองมู่เฉียว เห็นได้ยาก ที่มุมปากของเขายกขึ้น ในตามีความซาบซึ้ง
“ไม่เลว มีความหมายดี”
เห็นว่าตาโม่มีน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย คุณนายโม่ก็ร้อนรนขึ้นมา
“แต่ว่าพ่อคะ โม่หานกับมู่หยิงหมั้นกันตั้งนานแล้วนะคะ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ดี อีกอย่าง ก่อนที่พ่อของลูกจะเสียก็พูดว่าให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน”
ปู่โม่มองคุณนายโม่ แล้วหันไปมองมู่เฉียว“เธอลองพูดมาดู ว่าถ้าหากเราไม่ยอมรับข้อเสนอของเธอล่ะ”
มู่เฉียวนิ่งไปสักพัก แล้วสบสายตากับปู่โม่ พูดแบบไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนเกินไปว่า “ฉันไม่มีทางต่อต้านพวกคุณได้ แต่ว่า การควบคุมร่างกายของตัวเอง ฉันคิดว่า ฉันพอทำได้ อีกอย่าง ฉันกับโม่หานมีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน ฉันคิดว่าคุณปู่เองไม่มีทางที่จะไม่รู้ ว่าถ้าเด็กคนนี้เกิดมา มันหมายถึงอะไร? ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อจะคลอดเด็กคนนี้อยู่แล้ว ก็ต้องคลอดในฐานะหลานของตระกูลโม่ หรือว่า คุณหวังจะให้เขาไม่มีฐานะอะไรเลย เป็นแค่ลูกนอกสมรส?” มู่เฉียวบอกเหตุผลและข้อแก้ตัวที่เธอคิดไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อเทียบกับการปลูกถ่ายไขกระดูก เลือดจากสายสะดือที่เป็นแหล่งสำคัญของสเต็มเซลล์เม็ดเลือดมีความดั้งเดิมและบริสุทธิ์กว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เม็ดเลือดก่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า อีกอย่างอัตราการต่อต้านของสเต็มเซลล์เม็ดเลือดก็มีน้อยกว่า และที่สำคัญที่สุด เลือดของเธอกับโม่หานเป็นกรุ๊ปเดียวกัน โอกาสของเด็กที่คลอดออกมาจะมีกรุ๊ปเลือดตรงกันมีมากกว่าการที่เขาไปมีลูกกับคนอื่น
จุดนี้ เธอเชื่อว่าคนตระกูลโม่ทำความเข้าใจมาก่อนแล้ว
เมื่อเทียบกัน ความรักของโม่หานกับมู่หยิงและความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว สุภาพร่างกายของโม่หานสำคัญที่สุดอยู่แล้ว
“แบบนี้ก็ดี เด็กสาวมู่คนนั้น ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ทำเป็นแค่ออดอ้อน แต่งไม่ได้ ยิ่งดี ฉันมองเด็กสาวคนนี้ยังเจริญตามากกว่า ”คุณย่าโม่พูดขึ้นข้างๆ แล้วเงยหน้า มองมู่เฉียว ยิ่งมองยิ่งชอบ รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
ปู่โม่ไม่ได้พูดอะไร เข็ญรถเข็ญ มองไปยังกลางห้องโถง ที่มีป้ายวิญญาณประดิษฐานอยู่หลายป้าย นั่นเป็นบรรพบุรุษของตระกูลโม่ ตระกูลโม่ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ในรุ่นของคุณนายโม่ มีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว หลังจากนั้นคุณปู่โม่เกิดอุบัติเหตุทำให้ไม่สามารถคลอดบุตรได้อีก ดังนั้น โม่หานจึงเป็นเป็นชีวิตจิตใจของคุณปู่โม่ มีความผิดปกติไม่ได้แม้แต่น้อย ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงจะรู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษ ผ่านไปนานพักหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า “สั่งคนไปเตรียมการเรื่องงานแต่ง ทางตระกูลมู่ ลูกไปคุยกับเขา พยายามพูดปลอบ”
พูดจบ กำลังจะจากไป
“คุณปู่ นี่เป็นงานแต่งของผม!”เสียงของโม่หาน
คุณปู่โม่หันรถเข็ญ มองโม่หาน พูดขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ“นายแต่งงาน? ถ้าหากนายตาไป นายจะเอาอะไรมาแต่ง?”
โม่หานนิ่งไป พูดไม่ออกไปสักพัก หันตัว เขาสูดหายใจเข้า ชี้มือไปที่มู่เฉียว “คุณ คุณนี่มัน……”พูดได้ครึ่งหนี่ง เขาก็ใช้มือจับที่อกทันที จากนั้น ก็หอบหายใจแรงๆ
คุณนายโม่รีบกดกริ่งในมือ หมอสองคนก็วิ่งมาจากข้างนอก
หลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมา
“คุณชาย โรคนี้ของคุณไม่ควรแตกตื่นมากเกินไป”
พูดจบ มองคุณปู่โม่ “คุณเตรียมตัวไว้จะดีกว่า แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ยังคงถือว่าดีอยู่ก็ตาม”
คุณปู่โม่พยักหน้า หันตัว มองโม่หาน “เตรียมงานแต่งเถอะ”