เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 347 จดทะเบียนสมรส
มู่เฉียวหันกลับมา ก็เห็นลูกสาวของป้าหลิว จ้าวเชี่ยนเห็นเธอขานตอบ ก็รีบเข้ามาต้อนรับ พยุงแขนของเธอ “ฉันยังคิดว่าตนเองจำคนผิดหรือเปล่า?ครั้งที่แล้วฉันกลับบ้าน แม่ฉันบอกกับฉันว่า คุณแต่งงานแล้วใช่ไหม?ทำไมคุณไม่เห็นกลับบ้านไปจัดงานเลี้ยงเลย?อีกทั้งวันที่อากาศร้อนแบบนี้ คุณสวมหมวกทำไม?” พูดแล้วก็หยิบหมวกออกให้เธอ มู่เฉียวสูดลมหายใจ
จ้าวเชี่ยนคนนี้กับเธอเติบโตมาด้วยกัน เพราะพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตอนนั้นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน อายุมากกว่าเธอหนึ่งปี อุปนิสัยเป็นคนพูดจาไร้สาระไปเรื่อย แล้วก็เป็นคนจิตใจดีเหมือนกันกับป้าหลิว บางครั้งก็มากเกินไปจนเธอตอบแทนไม่ไหว ฉะนั้นหลังจากโตขึ้นแล้ว มู่เฉียวก็ค่อยๆเหินห่างกับเธอ จนปีที่แล้วแม่บอกว่า เธอแต่งงานมีสามีแล้ว เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัย ฐานะครอบครัวก็ค่อนข้างดี
มู่เฉียวไม่คิดว่าตนเองอ้วนจนกลายเป็นอย่างนี้ เธอก็จำได้ ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“คุณ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” เธอฉีกหัวข้อสนทนา
สีหน้าจ้าวเชี่ยนแข็งทื่อ มองย้อนกลับไปมองผู้หญิงแต่งตัวหรูหราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ “ฉันแต่งงานมาปีกว่าแล้ว ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเลย แม่สามีกลัวว่าฉันจะมีลูกไม่ได้ จึงตระหนกตกใจลากฉันมาตรวจ” จู่ๆเธอก็เดินเข้ามาใกล้มู่เฉียว “อันที่จริง ฉันปรึกษาหารือกับสามีแล้ว ว่าอยากให้เลื่อนไปก่อน หน้าที่การงานของเราสองคนก็เพิ่งจะดีขึ้น ไม่อยากมีลูกเร็วขนาดนี้”
มู่เฉียวพยักหน้า “อืม……อย่างนั้น……”
“คุณท้องเหรอ ท้องคุณใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?” จู่ๆจ้าวเชี่ยนก็ร้องอย่างตกใจ สายตาของทุกคนก็จับจ้องมองมา มู่เฉียวกลืนน้ำลายเล็กน้อยทำตัวไม่ถูก ก้มมองท้องที่นูนใหญ่ของตนเอง ท้องใหญ่ขนาดนี้ จ้าวเชี่ยนเพิ่งจะเห็นเหรอ?เฮ้อ นิสัยนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ
“สามีคุณเป็นใครล่ะ?ทำไมไม่มาเป็นเพื่อนคุณ?อีกอย่างเหมือนพวกคุณไม่ได้จัดงานแต่งด้วยใช่ไหม ฉันไม่เคยได้ยินแม่ฉัน……”
“พอดีท้องก่อนแต่ง คลอดลูกแล้วค่อยจัดงาน” มู่เฉียวพูดตัดบทจ้าวเชี่ยน
จ้าวเชี่ยนยังอยากจะถามอะไรอีก
“เสี่ยวเชี่ยน ถึงคิวคุณแล้ว” เสียงแม่สามีทอดออกมา
มู่เฉียวโล่งอก “คุณรีบไปเถอะ วันหลังเจอกันค่อยคุยกันใหม่”
แต่ลืมไปว่าหมวกยังอยู่ในมือของจ้าวเชี่ยน
เมื่อออกมาแล้ว คุณนายโม่ที่นั่งอยู่บนรถเห็นว่าเธอไม่สวมหมวก สีหน้าก็ไม่ค่อยดีเล็กน้อย
“บอกแล้วไงว่าให้สวมหมวก คนเหล่านั้นจะถ่ายรูปคุณเอาได้”
มู่เฉียวขี้เกียจจะอธิบาย อ้วนจนกลายเป็นอย่างนี้จะถ่ายก็ถ่ายไปเถอะ ต่อไปเมื่อผอมลงแล้ว ใครยังจะจำได้อีกล่ะ?
คุณนายโม่มองการณ์ไกลจริงๆ
วันต่อมา มู่เฉียวก็กลายเป็นคำค้นหายอดฮิต
มองเว็บเพจบนมือถือ หญิงคนนั้นที่อ้วนจนหน้าบีบกลายเป็นก้อนกลม เธอส่ายๆหัว มิน่าล่ะผู้ชายมากมาย จึงได้นอกใจตอนผู้หญิงท้อง น่าเวทนาจริงๆเลย
เพียงแต่เธอก็เข้าใจดี การนอกใจเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะว่าไม่ได้มีความรัก อย่างเช่นเธอ
โชคดีที่เธอนี้ มีนิสัยที่เย็นชามาตลอด ไม่มีเพื่อนที่แสนดีเป็นพิเศษ เลยไม่มีใครโทรหาเธอ ถามโน่นถามนี่ และคนที่รู้จัก ก็ไม่ได้ติดต่อมาเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ ไม่ต้องพูดถึงว่าเปลี่ยนไปมากจนจำเธอไม่ได้หรอก แต่งงานเป็นลูกสะใภ้ตระกูลโม่อย่างลับๆ แล้วก็ท้องจนจะคลอดแล้ว คาดว่าก็คงไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเธอ
ถึงตอนบ่าย มีโทรศัพท์เบอร์แปลกๆโทรเข้ามา เธอรับสาย
“ฮัลโหล เฉียวเอ๋อ ฉันเอง ที่แท้คุณแต่งงานกับโม่หานคนนั้นเหรอ?ไอ๋หยา คุณนี่จัดการได้เงียบจริงๆเลย แต่งงานกับผู้ชายหล่อรวยหน้าตาดี สักคำหนึ่งก็ไม่เปิดเผยออกมา จริงๆ……”
“เสี่ยวเชี่ยน เรื่องของฉันกับเขา ซับซ้อนเล็กน้อย คุณก็รู้ว่าพวกเขาเป็นคนรวย ไม่ค่อยชอบการโอ้อวด เรื่องนี้ คุณสามารถ……”
“ช่วยคุณปิดเป็นความลับ ใช่ไหม?วางใจได้ คุณอย่าลืมสิ ฉันเป็นสื่อมวลทำข่าว เรื่องนี้ ฉันเข้าใจ พวกเราทั้งสองโตมาด้วยกัน ฉันจะไม่หักหลังคุณเด็ดขาด ที่ฉันโทรศัพท์มาหา ก็เพราะเป็นห่วงคุณ ฉันเห็นว่าผู้ชายคนนั้นของคุณมีเรื่องราวค่อนข้างเยอะ เมื่อวานก็เห็นว่าคุณไปตรวจครรภ์เพียงคนเดียว เลยอยากจะถามว่า ที่ผ่านมาคุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่เฉียวยอมรับ ว่าจ้าวเชี่ยนเป็นคนมีน้ำใจ แต่ว่า บางครั้งความกระตือรือร้นที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้คนรู้สึกมีความกดดันมาก เธอสูดลมหายใจเข้า “ก็โอเค เดิมทีเขาก็จะมาเป็นเพื่อนฉัน เพียงแต่ เขาค่อนข้างยุ่งน่ะ”
“เขายุ่ง?ยุ่งที่จะต้องอยู่เป็นเพื่อนดาราที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นน่ะเหรอ?เฉียวเอ๋อ ไม่ใช่ฉันตำหนิคุณนะ คุณอะ ตั้งแต่เด็กก็ฉลาดกว่าฉัน แต่นิสัยอ่อนแอเกินไป ในเมื่อคุณแต่งงานกับเขาแล้ว คุณก็ต้องกุมเขาไว้ในฝ่ามือ เขาประพฤติดีเลิศขนาดนี้ คุณยังไม่สนใจอีก จะเก่งเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
มือถือของมู่เฉียวเปิดลำโพงอยู่ กำลังพับผ้า ได้ยินจ้าวเชี่ยนพูดแบบนี้ เธอก็นิ่งอึ้งไป “ผู้ชายที่ดี ไม่ต้องไปควบคุม ผู้ชายที่ต้องควบคุม ก็ปล่อยมันไปเถอะ”
“นั่นก็ไม่แน่หรอก คนคนนี้ของฉัน ก็ต้องควบคุม”
“นั่นก็ชัดเจนแล้วว่า เขารักคุณ ควบคุมร่างกายคนน่ะได้ แต่จะควบคุมหัวใจคนได้อย่างไร?”
“เฉียวเอ๋อ ฟังจากน้ำเสียงนี้ของคุณแล้ว โม่หานคนนั้น ไม่ชอบคุณเหรอ?”
มู่เฉียวเกาศีรษะ “เรื่องนี้ไม่สำคัญ เอาล่ะ ฉันมีธุระนิดหน่อย มีอะไรค่อยติดต่อมาอีกที เสี่ยวเชี่ยน ฝากคุณด้วยนะ”
“ได้ๆๆ คุณทำงานเถอะ ไว้เจอกัน”
วางสายแล้ว มู่เฉียวเม้มปาก แล้วหัวเราะเยาะ ควบคุม?เธอไม่ควรค่าแก่การทำ แล้วก็ไม่อยากทำ
“เรื่องนี้ไม่สำคัญ ในสายตาของคุณ เงินคือสำคัญที่สุดใช่ไหม?” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังทันที มู่เฉียวตกใจอย่างมาก
กุมหน้าอก “คุณไม่รู้เหรอว่าคนสามารถตกใจตายได้?” เงินสำคัญ เธออยากจะพูดอย่างมาก เธอแต่งงานเข้ามาตระกูลโม่ ให้กำเนิดลูกเพื่อตระกูลพวกเขา นอกจากจะทานอาหารเล็กน้อยจากบ้านของเขาแล้ว ค่าใช้จ่ายการตรวจครรภ์ตัวเองก็เป็นคนควักจ่าย เธอรักเงินตรงไหนกัน?
เพียงแต่ คำพูดเหล่านี้ เธอไม่อยากจะอธิบายกับผู้ชายคนนี้ รู้สึกว่าทำเรื่องเกินความจำเป็น คนที่รักคุณ จะเข้าใจด้วยตัวเอง คนที่ไม่รักคุณ อธิบายไปก็เหมือนเป็นข้ออ้าง
“คุณไม่ได้ทำเรื่องที่ไม่ชอบธรรม คุณจะกลัวอะไร?”
มู่เฉียวเงียบปาก คนทั้งสองสมคบคิดกัน เป็นแบบนี้มาโดยตลอด ทำให้เธอไม่มีความปรารถนาที่จะแก้ตัว เพียงแค่หวังว่าเวลาจะผ่านไปเร็วหน่อย เด็กจะได้คลอดออกมาโดยเร็ว
เห็นเธอไม่พูดจา ชายหนุ่มก็เดินตรงเข้ามา ห้องนี้ก่อนหน้าที่เธอจะมาอยู่ ว่างมาโดยตลอด มีเพื่อนมาพักบางครั้งบางคราว หลังจากนั้น ที่เธอเขามาพัก เขาก็ไม่เคยเข้ามาอีกเลย
พิจารณาเล็กน้อย โดยภาพรวมในห้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง สีดำขาวเทา ตู้ที่เดิมที่วางเสื้อผ้าไว้ แถวหนึ่งวางเต็มไปด้วยหนังสือ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการแปลล่าม
ก่อนหน้านี้ฉินฮ่าวเคยบอกกับเขาว่า ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้เป็นล่าม เหมือนกับว่าความสามารถจะไม่เลวด้วย
เพียงแต่ พอตั้งครรภ์ก็หยุดอยู่บ้านทันที ไม่ออกไปไหนมาไหน ทุกวันผู้หญิงคนนี้ไม่กินก็นอน เขาจนปัญญาที่จะเชื่อมต่อคำว่าความสามารถกับเธอเข้าด้วยกันจริงๆ หนังสือเหล่านี้ อาจจะใช้เป็นการแสดงหรือเปล่า?
“เชิญออกไป ฉันต้องการนอนกลางวัน” มู่เฉียวเห็นเขาไม่ออกไป จึงกล่าวอย่างเย็นชา
“ออกไป?” โม่หานหันสายตากลับมา มองไปที่มู่เฉียว คนอ้วนกลม สวมชุดนอนสีชมพู ผมเผ้ายุ่งเหยิง จะมีเพียงอย่างเดียวที่เข้าตา ก็คงจะเป็นผิวที่ขาวหมดจด และใบหน้าที่แดงมีเลือดฝาด
“ได้ยินมาว่า ผู้หญิงท้อง ความต้องการในด้านนั้นจะค่อนข้างรุนแรง นี่คุณแต่งเข้ามา พวกเรายังไม่เคยเข้าหอด้วยกันเลย ต้องการไหม…..”