เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 376 ใครทำให้มู่เฉียวหน้าซีด
เห็นคนด้านในชัดเจน มู่เฉียวก็หันกลับเดินออกไป
แขนถูกดึงจากด้านหลัง
มู่เฉียวจึงหันไปมองผู้หญิงตรงหน้า “ปล่อย!”
“ทำไมละ?ไม่อยากได้งานแล้วเหรอ?”
มู่เฉียวไม่พูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มขึ้นมา เดินไปรอบๆมู่เฉียวแล้วพิจารณาเธอ หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าคุณมาที่เมืองB ฉันรู้ว่าคุณยังหาวิธีที่จะเข้าสู่อาชีพนี้ ฉันจึงตั้งใจให้คนเปิดรับสมัครออกไป แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้”
มู่เฉียวหลับตา สำหรับผู้หญิงคนนี้ที่ทำลายชีวิตเธอ เวลาเธอแทบทนไม่ไหวที่จะบีบคอเธอให้ตายไปซะ
“อย่าบอกนะว่าบริษัทนี้เป็นของคุณ?” มู่เฉียวไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับมู่หยิงที่เมือง B
“บริษัทนี้เป็นของสามีฉัน ฉันอยู่บ้านเบื่อๆ ก็เลยมาดูหน่อย มู่เฉียวได้ยินมาว่า คุณยังอยู่คนเดียวเหรอ?เฮ้อ โม่หานคนนี้ตายไปหนึ่งปีแล้ว อีกทั้งคุณไม่ใช่ว่าไม่ชอบเขาหรอกเหรอ?ทำไมยังต้องไว้ทุกข์แก่เขาด้วยเหรอ?ไม่หาใครสักคนล่ะ?อืม ใช่สิ เฮ่อเทียนคนนั้นยังคงตามหาคุณอยู่ คุณหาพ่อเลี้ยงให้มู่เสี่ยวโยวคนนั้นน่าจะดีกว่านะ” มู่หยิงพูดจบ ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
เสียงหัวเราะนั้นแสบแก้วหูมาก
มู่เฉียวยกแก้วน้ำบนโต๊ะสาดใส่มู่หยิง
จากนั้นก็หันกลับออกไป
“ฉันแนะนำให้คุณยอมแพ้ซะเถอะ คุณอาจสงสัยว่าทำไมโม่กรุ๊ปถึงต้องการกำจัดคุณในตอนแรกใช่ไหม?ฉันจะบอกคุณให้ก็ได้ เป็นฉันเองที่ทำให้เป็นแบบนี้” มู่หยิงพูดจบก็ยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชูบนโต๊ะ เช็ดน้ำบนตัว แล้วเดินไปตรงหน้ามู่เฉียว “มู่เฉียว มีฉันอยู่ เส้นทางนี้คุณก็อย่าคิดที่จะได้เข้ามา ไม่ใช่ว่าคุณทะนงตัวเพื่องานนี้หรอกเหรอ?ฉันอยากดูว่าต่อไปคุณจะหยิ่งทะนงตัวได้อย่างไร?”
ความโกรธของมู่เฉียวปะทุขึ้นมา เธอมองมู่หยิง “ทำไมกัน?ทำไม?ฉันเคยทำให้คุณไม่พอใจหรือไง คุณถึงได้ลงโทษฉันอย่างนี้?โม่หานตายไปแล้ว ทำไมคุณถึงได้จับฉันไม่ปล่อยเลย?”
มู่หยิงนำทิชชูในมือโยนทิ้งลงถังขยะ “เพราะอะไรนะเหรอ?ก็เพราะว่าโม่หานชอบคุณไง!” พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของมู่หยิงก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าที่ปกปิดไว้ไม่อยู่ บางคนที่จากไป คุณจึงจะเข้าใจว่าเขาสำคัญกับตนเองมากแค่ไหน มู่หยิงคิดมาตลอดว่าเธอรักตัวเองมากกว่าโม่หาน แต่เมื่อโม่หานจากไปแล้ว เธอจึงรู้ว่าเธอรักเขา รักจนถึงขั้นว่าคนไหนมาสัมผัสเธอ เธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
แต่ว่าโม่หานตายไปแล้ว
ในใจมู่เฉียวเต้นระรัว สีหน้าเธอผิดปกติไป “ฉันฟังไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร?”
มู่หยิงบิดๆนิ้ว “ฟังไม่เข้าใจเหรอ?มู่เฉียวฉันเกลียดคุณ ผู้ชายที่ฉันรักมาหลายปีขนาดนี้ คุณก็แย่งไปอย่างง่ายดาย ถึงแม้เขาจะตายไปแล้ว ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง”
โดนหักหลัง?มู่เฉียวหัวเราะเยาะ เงยหน้าขึ้นมองมู่หยิงด้วยสายตาเย็นชา
“มู่หยิงมีเรื่องหนึ่ง ที่เดิมทีฉันไม่ได้อยากจะบอกคุณหรอก แต่ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ ฉันก็จะบอกคุณให้ คุณรู้ไหม?เรื่องที่คุณทำให้ฉันท้องมู่เสี่ยวโยว โม่หานรู้มานานแล้ว คุณคิดว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบฉัน เขาก็จะมาชอบคุณใช่ไหม?คุณเพ้อฝันไปแล้ว ที่เขาปฏิบัติดีต่อคุณ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ความรักหรอก เป็นเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณก็เท่านั้นเอง”
“มู่เฉียว คุณโกหก เป็นไปไม่ได้ที่โม่หานจะรู้”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ถือว่าเป็นไปไม่ได้แล้วกัน” เธอกลืนๆน้ำลาย “ถึงอย่างไรคุณก็ต้องละอายใจต่อเขาไปชั่วชีวิต”
มู่หยิงคว้าตัวมู่เฉียวเตรียมที่จะเข้าไปทำร้าย
มู่เฉียวหยิบที่เขี่ยบุหรี่เปล่าบนโต๊ะ แล้วคิดจะทุบไปที่หัวของมู่หยิง
“คุณกล้าเหรอ คุณอยากให้ลูกสาวของคุณกลายเป็นเด็กกำพร้าใช่ไหม?” ผู้หญิงคนนั้นประจันหน้าเข้ามา แล้วพูดยั่วยุ
“คุณ……ฉันไม่กล้าหรอก เพราะนั่นคือลูกสาวของโม่หาน ฉันต้องรักและทะนุถนอมเป็นอย่างดี”
นำที่เขี่ยบุหรี่ขว้างลงพื้น ที่เขี่ยบุหรี่ใช้วัสดุหนา เมื่อตกลงพื้น จึงไม่ส่งเสียงดังมาก
มู่เฉียวเดินอยู่บนถนนใหญ่ มองคนเดินผ่านไปมา เธอรู้สึกว่าภายในใจเป็นทุกข์ถึงขีดสุด
นึกถึงประโยคนั้นของมู่หยิง เขาชอบคุณ ประโยคนั้นก่อนที่ชายคนนั้นจะตาย ยังคงดังอยู่ในหู
“มู่เฉียว ถ้าหากมีชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง ฉันอยากที่จะ ใช้ทุกวิถีทาง เพื่อที่จะรู้จักคุณใหม่อีกครั้ง”
เธอเงยหน้า มองท้องฟ้าสีฟ้าสดใส แสงอาทิตย์กระทบดวงตาเล็กน้อย ทำให้แสบตา แต่น้ำตาที่เอ่ออยู่รอบดวงตา ในที่สุดก็ไม่ได้ไหลออกมา โม่หาน ที่จริงแล้ว คุณไม่ได้เลวร้าย แต่ฉันค้นพบในวันที่สายเกินไป จะทำอย่างไรได้?
ถ้าหากมีชีวิตกลับมาอีกครั้ง ฉันอยากจะใช้ทัศนคติอื่น ในการปฏิบัติกับคุณ
แต่ไม่มีคำว่าถ้า
ไม่ได้งานนี้ งานด้านของล่าม ก็ต้องหยุดไปชั่วคราว
มู่เฉียวมองคนข้างถนนที่เดินผ่านไปมา ทันทีก็รู้สึกลังเลสับสน
เวลานี้ มือถือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล ใช่คุณมู่เฉียวไหมคะ?”
“สวัสดีค่ะ ฉันเองค่ะ”
“เมื่อวานคุณส่งเรซูเม่มา ใช่ไหม?อืม พอดีวันนี้ ทางพวกเราขาดคน คุณต้องการเข้ามาไหมคะ?
“อืม สถานที่อยู่ตรงไหนคะ?”
“ฉันจะส่งวีแชตให้คุณ พวกเราต้องการตอนบ่ายด่วน ถ้าคุณสามารถมาได้ อีกสักครู่ก็เข้ามาได้เลย พวกเราจะจัดอาหารกลางวันให้”
“อ้อ โอเคค่ะ”
มู่เฉียววางสาย ไม่นานก็มีข้อความส่งเข้า เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองB จึงใช้จีพีเอสนำทาง จึงพบว่าอยู่ใกล้ตรงนี้เอง
จึงรีบเดินตามจีพีเอสไป
เกินความคาดหมาย กับบริษัทของพ่อของเซี่ยหยูเมื่อวาน ที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่ขนาดนั้น ที่มีมากกว่าสามสิบชั้น แต่บริษัทที่เธออยู่เป็นเพียงอาคารชั้นเดียว จึงเข้าไปตามคำบอกกล่าวได้เลย
“บริษัทล่ามซินหง” เป็นบริษัทขนาดเล็กที่เธอไม่เคยได้ยินชื่อ
พอเปิดประตูเข้าไป ที่บอกว่าเป็นบริษัท อันที่จริงก็คือห้องทำงานขนาดใหญ่ ที่เพิ่มห้องทำงานขนาดเล็กเข้าไป
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ วัดด้วยสายตาแล้วก็มีคนอยู่ราวๆยี่สิบสามสิบคน ทุกคนก้มหน้าก้มตา ยุ่งอยู่กับงาน บนโต๊ะทำงานของทุกคนเต็มไปด้วยเอกสาร แม้แต่เธอเข้าไป ก็ไม่มีใครเห็น
“สวัสดีค่ะ ฉันคือล่ามเฉพาะกิจคนนั้นที่เพิ่งได้รับสายเมื่อกี้นี้ค่ะ”
เมื่อเธอเอ่ยปาก คนทั้งหมดต่างก็เงยหน้ามองมาที่เธอ
จากนั้น ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน “ประธานหลิว ฉันต้องการลาหยุด”
“ฉันบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วนะ”
“อะไร ก็เห็นๆอยู่ว่าฉันยื่นคำร้องก่อน”
“……”
มู่เฉียวอ้าปากค้าง ขมวดคิ้ว ฉากแบบนี้ตอนที่เธออยู่บริษัทก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏ ทุกคนจะมีการจัดระเบียบการทำงานและการพักผ่อนของตัวเองเอาไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว ฉากที่โกลาหล และยุ่งเหยิงแบบนี้ จะไม่มีปรากฏ
“แกร๊ก”ประตูถูกเปิดออก ชายคนหนึ่ง ปรากฏอยู่ด้านหน้ากลุ่มคน
เมื่อชายหนุ่มเห็นมู่เฉียว บนใบหน้าก็ปรากฏความประหลาดใจอย่างชัดเจน “เสี่ยวเฉียว?คุณจริงๆด้วย?”
มู่เฉียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้น ในสมองก็มีภาพหนึ่งปรากฏออกมา