เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 379 ผู้หญิงบนเตียง
อีกฝ่ายดูงุนงงอยู่พักหนึ่ง จากนั้น ถึงตอบกลับมาว่า “อ้าว ฉันนึกว่าใคร? มู่เฉียวเองเหรอ ตระกูลโม่ของเรา อยากได้เด็กแบบไหนแล้วไม่ได้ ต้องไปลักพาตัวเด็กบ้านอื่นเลย?”
มู่เฉียวโกรธมาก เธออยากจะตอบกลับว่า ถ้าโม่หานตาย พวกคุณจะไปหาเด็กมาจากที่ไหน?
แต่รู้ว่าตอนนี้ จะชวนทะเลาะไม่ได้ สูดหายใจเข้า เหมือนว่ากำลังทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ พูดเหมือนอ้อนวอน “เสี่ยวโยวเป็นลูกของโม่หาน เรื่องนี้ พวกคุณสามารถตรวจDNAได้ โม่หานไม่อยู่แล้ว คุณจะใจร้ายถึงขนาดที่จะให้ตระกูลโม่ไร้ผู้สืบสกุลเลยเหรอ?”เพราะไม่รู้ว่าตระกูลโม่รู้เรื่องที่โม่หานไม่ตายหรือเปล่า มู่เฉียวจึงไม่กล้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า
นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอเอ่ยปากอธิบายตัวตนของมู่เสี่ยวโยว
เพิ่งจะพูดจบ คุณนายโม่ก็พูดขึ้นเสียงดัง “มู่เฉียว เธอพูดอะไรน่ะ? ไร้ผู้สืบสกุลอะไร? อ๋อ ใช่ ฉันลืมบอกเธอ โม่หานยังมีน้องชายกับน้องสาวอีกหนึ่งคน ตระกูลโม่ ไม่มีทางไร้ผู้สืบสกุล และพวกเราก็ยิ่งไม่สนใจลูกคนนั้นของเธอ”
พูดจบ ‘ตึ่ง’ วางสายไป
มู่เฉียวถือโทรศัพท์ไว้ ไม่ได้สติอยู่สักพัก คุณนายโม่บอกว่าโม่หานมีน้องชายกับน้องสาวหนึ่งคน
เป็นลูกที่เกิดจากสามีคนรักเหรอ? แต่ทำไม ย่าโม่ถึงไม่รู้ล่ะ?
“พี่ เป็นยังไงบ้าง?”มู่หลิงลงมาจากรถของเซี่ยหยู
“ทำไมพวกนายก็กลับมาแล้วล่ะ?”
“พ่อส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มครอบครัว คุณอากับคุณลุงเองก็กำลังมา ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแรงเพิ่มไม่ใช่เหรอ?”
เซี่ยหยูจอดรถเสร็จ ก็วิ่งเข้ามา“พี่คะ ให้ฉันบอกพ่อไหมคะ ให้คนที่บริษัท……”
มู่เฉียวส่ายหน้า “อย่าเพิ่ง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายลักพาตัวเสี่ยวโยวไปมีจุดประสงค์อะไร พวกเรารอก่อน”
จากนั้นมู่เฉียวกับมู่หลิงก็ไปที่สถานีตำรวจ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดข้างทาง แปลกมาก ในทางแยกที่ต้องเข้าออกประจำ ไม่มีวี่แววว่ามีใครอุ้มเด็กเข้าออกเลยสักคน
ไม่มีเบาะแสแม้แต่นิดเดียว ทำให้มู่เฉียวร้อนรน
เมื่อเธอออกมาจากสถานีตำรวจ เธอแทบจะยืนไม่ไหว มู่หลิงประคองเธอ ถึงได้ฝืนยืนอยู่ได้
ขึ้นรถ มือถือก็ดังขึ้น
“เฉียวเอ๋อ เสี่ยวโยวกลับมาแล้ว”
มู่เฉียวพิงเบาะรถไว้ สูดหายใจเข้าแรงๆ “มันเรื่องอะไรกัน? ใครเป็นคนส่งกลับมา?”
“ไม่รู้ เมื่อกี้พ่อกับแม่ลูกกำลังหาอยู่ข้างนอก กลับมาก็ได้ยินเสียงร้องไห้”
มู่เฉียวได้ยินแบบนั้น ก็ร้องไห้ตาม เธอไม่รู้ว่าใครกำลังเล่นตลกกับเธอ หรือว่าเป็นเรื่องอะไรกัน?
เมืองa
โรงจอดรถใต้ดินโม่กรุ๊ป
ชายสวมหน้ากากยืนอยู่ข้างรถหรู จ่อมีดไว้ที่คอของเจ้าของรถ “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าห้ามยุ่งกับพวกเธอ คุณฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?”
ชายที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับผลักมีดออกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “โม่หาน นายน่าจะรู้นะ นี่เป็นแค่การทดสอบเล็กๆ ฉันแค่จะให้นายรู้ว่า ถ้านายไม่แข็งแกร่งขึ้น ไม่มีใครสามารถปกป้องคนที่นายรักได้ ถ้าหาก นายยังหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ นายอย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจ นายคงรู้ ลงมือกับนาย แม่ของนายจะเกลียดฉัน ส่วนฉันเอง ก็ทำไม่ลง แต่ว่า ลงมือกับพวกเขา ฉันคิดว่าบางทีแม่นายอาจจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ”
สายตาของโม่หานมืดลง “คุณดูเค้นสมองหาหนทางกับผมมากเลยเนาะ? ผมจะบอกคุณ ถ้าบังคับจนผมทนไม่ไหว ผมไม่ถือสาที่จะนำหยกที่เป็นของสูงค่าไปเผารวมกับหินที่เป็นของด้อยค่า จะดูซิ สิ่งยิ่งใหญ่ที่สวยงามของคุณ ถูกทำลายโดยลูกชายของคุณเอง สีหน้าของคุณจะเป็นยังไง?”
คำขู่ของชายนั้นที่ให้เขา เขาไม่ได้โกรธ แต่กลับหันไปมองเขา มุมปากยิ้มน้อยๆ “โม่หาน ไม่ว่านายจะปฏิเสธยังไง ฉันก็คือพ่อของนาย นายเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ”
“คนที่สามารถเอาชีวิตของลูกชายมาปูทาง คนที่เป็นศัตรูฆ่าพ่อ ผมไม่มีทางยอมรับ คุณเลิกคิดไปเถอะ”
“ต้องมีสักวัน ที่ผมจะไล่คุณออกจากตระกูลโม่ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ถ้าหากคุณกล้ายุ่งกับพวกเขาอีก ผมก็จะลงมือกับลูกชายและลูกสาวคุณ”
เหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้ ชายคนนั้นขมวดคิ้ว “นั่นเป็นน้องชายและน้องสาวแท้ๆของนาย”
“ใช่เหรอ? แต่คนที่คุณไปยุ่ง เป็นคนรักของผม ลูกของผม ถ้าหากสามารถละเลยคนรักและลูกได้ น้องชายกับน้องสาว ทำไมจะไม่ได้?”
พูดจบ เขาก็ชักมือกลับ ดึงหน้ากากขึ้น แล้วหันตัวจากไป
มองแผ่นหลังของเขา ใบหน้าที่คล้ายกันของชายคนนี้ ขมวดคิ้ว แต่ในสายตากลับมีความชื่นชม ความยิ่งใหญ่ที่เขาสร้างมา ต้องการคนสืบทอดแบบนี้
ตระกูลโม่ ก็เป็นเพียงแค่ส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็ง นี่เป็นเพียงวิธีที่บังคับให้เขาสืบทอดเส้นทางนี้ก็เท่านั้นเอง
เขาโทรหาฉินฮ่าว “ครั้งที่แล้วที่ฉันพูดเรื่องแต่งงานกับตระกูลเหอ นายพูดถึงเรื่องนี้กับเขาได้แล้ว”
ฉินฮ่าวควงกุญแจรถเล่นในมือ “นายท่าน นิสัยแบบนั้นของโม่หาน คุณเดินทางนี้ อันตรายเกินไปหรือเปล่าครับ ในเมื่อเขามีใจให้มู่เฉียว เขาไม่มีทางไปรักผู้หญิงคนอื่นอีก เรื่องนี้ผมเข้าใจเขาดี”
ชายคนนั้นเปิดกระจกขึ้นมา จัดทรงผมนิดหน่อย “พูดเถอะ!เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขาจะยอมรับแน่นอน ส่วนหญิงจากตระกูลเหอจะประสบความสำเร็จไหม เรื่องนี้ก็ต้องดูที่การกระทำของเธอแล้ว”
“นายท่าน ผมไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมคุณต้องให้โม่หานทนทรมานขนาดนี้ ทำไมคุณถึงไม่……”
“มีใครที่จะกลายเป็นเทพเจ้าแล้วไม่ลำบากบ้าง? โม่หานเขายังเด็กเกินไป ยิ่งมีความทุกข์และลำบากตอนนี้มากเท่าไหร่ ต่อไป ถึงจะรู้จักหวงแหนมากกว่าคนอื่น ทางด้านการพิจารณา ถึงจะครบด้าน ที่สำคัญที่สุด นายคิดว่าถ้าฉันยกตำแหน่งให้เขาตอนนี้ เขาจะรับเหรอ? ไม่มีทาง เขาจะทำลายมันด้วยมือตัวเองด้วยซ้ำ”
“แต่ว่า เรื่องการตายของพ่อเขา ทำไมคุณถึงไม่อธิบายล่ะ?”
ชายคนนั้นไม่พูด เขาไม่ได้ฆ่าปั๋วเล่อ แต่ปั๋วเล่อกลับตายเพราะเขา เขาโกรธเขา เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ยิ่งกว่านั้นระหว่างเขากับโม่หาน ไม่ได้มีแค่ปมเรื่องนี้
ฉินฮ่าวรู้ว่าตัวเองถามสิ่งที่ไม่ควรถามออกไป จึงเปลี่ยนเรื่อง “แล้วมู่เฉียวล่ะครับ?”
“ไม่ต้องสนใจไปชั่วคราว เรื่องนี้ต้องดูพวกเขาเองแล้ว ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นสามารถทนสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้ ถ้าหากเธอรักโม่หานจริงๆ ฉันก็ไม่ถือสาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เรื่องคู่ครอง เขาเป็นอิสระ เพียงแต่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาอิสระของเขา ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นตัวถ่วงของเขา ถ้าอย่างนั้นก็กำจัดทิ้งซะ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีหนทาง”
ฉินฮ่าวสูดหายใจ ไม่พูดอะไร ตั้งแต่วันแรกที่ส่งเขาไปอยู่ข้างตัวโม่หาน เขาก็รู้แล้ว ว่านายท่านไม่ได้แค่เพียงให้เขาคอยเป็นผู้ช่วยของโม่หานอย่างเดียว ก่อนจะมา เขาคิดว่า ที่บ้านยังมีคุณชายรองอยู่ นายท่านคงไม่มีทางลงมือกับโม่หาน แต่ว่า ต่อมาเขาถึงได้รู้ว่าความคิดของนายท่านอยู่ที่โม่หานมาตั้งแต่แรก เทียบกับคนที่ลุ่มหลงมัวเมาแต่เรื่องความรัก ปั้นไม่ขึ้นอย่างคุณชายรองแล้ว โม่หาน เด่นกว่ามากจริงๆ
เพียงแต่ เส้นทางที่ต้องสืบทอดนี้ มองแล้วดูยาวนาน และยากเย็นแสนเข็ญ