เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 386 เธอแกล้งโม่หาน
“พี่สาว ฉันไม่เป็นไรแล้ว คุณมาเถอะ ?”
มู่เฉียวยิ้มเบาๆ แต่ก็ไม่สามารถดึงความสนใจได้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังรู้สึกเหงาเล็กน้อย
จนกระทั่งตอนเช้า มู่เฉียวถึงรู้ว่า ที่แท้ เพื่อนเจ้าสาวก็มีเพียงคนเดียว ลูกสาวคนโตของตระกูลเซี่ยแต่งงาน แต่กลับมีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียว
เธอไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเซี่ยหยูคิดอะไรอยู่กันแน่ ? ด้วยนิสัยของเธอ ความนิยมของเธอน่าจะดีเยี่ยม และการหาเพื่อนเจ้าสาวสักสองสามคนก็น่าจะเป็นเรื่องที่ง่าย
เธอไม่เข้าใจ จนกระทั่ง เธอเห็นเฮ่อเทียนในชุดเพื่อนเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่บนเวทีข้างมู่หลิง เธอถึงเข้าใจ สถานการณ์นี้
เมื่อเฮ่อเทียนเห็นเธอ ดวงตาของเขาก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“วันนี้ คุณสวยจริงๆ” เขาก้าวมาข้างหน้า และชมเชยเธออย่างไม่สะทกสะท้าน
มู่เฉียวปิดปาก “อย่าชมฉัน วันนี้คุณต้องชมเจ้าสาว”
เฮ่อเทียนมองไปที่เซี่ยหยู “ทุกคนล้วนสวยมาก”
ที่มุมห้องจัดเลี้ยง ชายคนหนึ่งหมุนแก้วไวน์แดงและหันไปมองบนเวที ผู้หญิงคนนี้ขมวดคิ้วและยิ้ม ดวงตาของเธอมืดมนลงเรื่อยๆ
“โม่หาน พวกเราไปทักทายตัวเอกของงานก่อนไหม ?” เหอเจี๋ยจับมือของโม่หาน แล้วพูดแนะนำอย่างอบอุ่น
โม่หานหันศีรษะ และชำเลืองมองเธออย่างมืดมน พร้อมคำเตือนในดวงตาของเขา มือของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย
เธอคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจบลงไปนานแล้ว อย่างไรก็ตามในการทะเลาะในครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก เธอจึงคิดว่า ความสัมพันธ์ของโม่หานและมู่เฉียวจบลงไปนานแล้ว แต่ว่า สายตาของเขาบอกเธอย่างชัดเจนว่า เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น
และด้วยวิธีการของเหอเจี๋ย โม่หานรู้โดยธรรมชาติว่าเธอจะต้องไปตรวจสอบเขาอย่างแน่นอน ถ้างั้นสถานะของมู่เฉียว ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้
มู่เฉียวไม่ว่ายังไงก็คาดไม่ถึงเลยว่า จะมาพบกับโม่หานที่นี่ ครั้งที่แล้ว ก็รีบบอกลา ลาก่อน แต่จริงจริงมันก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว
ถึงแม้ว่ามักจะเห็นเขาในสื่อหลักบ่อยบ่อย แต่ความรู้สึกนี้เมื่อเทียบกับการเจอคนเป็นเป็นแล้ว มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เธอได้ยินเสียงหัวใจเต้นราวกับฟ้าร้อง
เธอหัวเราะตัวเองอายุ 28 ปีแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังเต้นราวกับเด็กสาววัยรุ่น
ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขามีบุคลิกที่สง่าสงาม และเหมาะสมกับเขา เธอหันศีรษะเล็กน้อย และปกปิดความโศกเศร้าของเธอ
เฮ่อเทียนก้าวขาไปที่มู่เฉียวสองก้าวและถามว่า “หนาวไหม ?”
มู่เฉียวเหลือบมองเขา “หนาว” หนาวที่หัวใจ !
เฮ่อเทียนถอดเสื้อคลุมนอกออก แล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอ มู่เฉียวขมวดคิ้ว “คุณเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว………นี่……….”
“ไม่มีปัญหา อีกเดี๋ยวค่อยใส่”
มู่เฉียวพยักหน้า
เหอเจี๋ยรู้สึกว่าแขนที่ตัวเองควงอยู่แข็งทื่อในทันที เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ผู้หญิงบนเวทีคนนั้นอีกครั้ง
“ประธานโม่ ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับ ?” พ่อเซี่ยเดินมาทางโม่หานจากที่ไกลไกลด้วยความเร็ว
เมื่อดูทัศนคติของพ่อเซี่ย มู่เฉียวก็รู้ว่า โม่หานในวันนี้ฉันเกรงว่าเขาจะไม่เหมือนเดิม แต่เขาก็อยู่ห่างจากเธอเกินไป
โมห่านยิ้มออกมาแบบปกติ “ยินดีด้วยประธานเซี่ย ได้ยินมาว่าลูกเขยเป็นคนที่มีพรสวรรค์ พรสวรรค์ทางด้านผู้จัดสรรงบประมาณ ?”
การแสดงออกของพ่อเซี่ยแข็งทื่อเล็กน้อย มู่เฉียวยิ่งเงยหน้าขึ้น และจ้องมองไปที่เขา
รู้ทั้งรู้ว่ามู่หลิงไม่ได้ทำธุรกิจ แต่เป็นผู้จัดสรรงบประมาณ แต่เขากลับจงใจจ้องจับผิด ดูก็รู้ว่าคิดจะทำให้เขาอับอายไม่ใช่รึไงกัน ?
โชคดีที่มู่หลิงเป็นคนอารมณ์ดีเสมอ ไม่หงุดหงิดและไม่โกรธ ก็แค่มองกลับไปที่โม่หานและพูดว่า ขอบคุณครับ….ประธานโม่ชมเกินไปแล้ว
จากนั้นก็เป็นพิธีการ และขึ้นตอนต่างๆ มู่เฉียวรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ดังนั้นจึงอยากที่จะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ยังไม่ทันที่จะปิดประตู เธอก็เห็นร่างหนึ่งแวบเข้ามา จากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงล็อคประตู เธอก็หันหลังกลับไปดู เมื่อเห็นคนที่เข้ามา เธอก็พยายามควบคุมตัวเอง “ประธานโม่ เกรงว่าคุณจะเข้าผิดห้องแล้วนะ ?”แล้วเธอก็ก้าวถอยออกมาสองก้าว และเว้นระยะห่างจากเขา
ชายคนนั้นมองมาที่เธอ “นานขนาดนี้แล้วก็ยังไม่แต่งงาน คุณมู่ คงไม่ใช่รอผมอยู่หรอกใช่ไหม ?”
ผ่านไปกว่าสองปี ได้ยินเสียงของเขา มู่เฉียวก็มึนงงเล็กน้อย เมื่อสองปีก่อน ก็เป็นเสียงนี้ที่พูดกับเธอว่า มู่เฉียว ถ้าหากว่าชีวิตคนเราสามารถเริ่มใหม่ได้ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รู้จักคุณใหม่อีกครั้ง
คำพูดเดียว ทำให้เธอพังพินาศตั้งแต่นั้นมา
เธอยิ้ม และสบตากับชายคนนั้นอย่างเป็นกลาง “ถ้าหากฉันบอกว่าใช่ล่ะ ?”
ดูเหมือนว่าชายคนนั้นไม่คิดว่าเธอจะตอบแบบนี้ จะเป็นคนที่เด็ดขาดกับเขาที่ห้าง แต่ตอนนี้หัวใจของเขากลับอ่อนลงทันที เขาก็กางแขนออก และอยากจะไปกอดมู่เฉียว
หญิงสาวก้าวถอยหลังอย่างกะทันหัน “ประธานโม่ไม่เข้าใจที่ฉันพูดว่าถ้าหากเหรอ ?”
“ถ้าหาก ก็หมายความว่ายังมีโอกาส ไม่ใช่เหรอ ?”มุมปากของชายคนนั้นยกขึ้น
“ใช่เหรอ ? ถ้างั้นคำว่าถ้าหากของประธานโม่ล่ะ ?” หมายความว่าอะไร ? ชายคนนั้นตกตะลึง และเข้าใจได้ในทันทีว่าที่เธพูดนั้นหมายความว่าอะไร เขาก้มศีรษะลง และไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
มู่เฉียวมองมาที่เขา ทันใดนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า ใช้มือทั้งสองข้างเกี่ยวคอของเขาไว้ และเขย่งเท้าขึ้น ริมฝีปากแดงแตะปากริมฝีปากบางของชายคนนั้น รู้สึกเย็นและแปลกเล็กน้อย
เธอไม่รู้ว่าตัวเองบ้าไปแล้วรึเปล่า ถึงทำแบบนี้ แต่ว่า เธอก็แค่ต้องการจะทำแบบนี้ ต้องการมาก ต้องการมาก
เธอเห็นได้ชัดว่าการหายใจของชายคนนั้นถี่เล็กน้อย เธอค่อยค่อยยกมุมปากขึ้น มือของเธอลูกลงมาที่เอวของชายคนนั้น และสอดเข้าไปใต้เสื้อสูทของเขา เธอสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบางของชายคนนี้
โม่หานรู้ว่ามู่เฉียวจงใจยั่วยวนเขา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะโลภต้องการร่างกายของเธอ
หลายปีมานี้ เขามั่นใจในร่างกายของตัวเองมากว่าสามารถควบคุมไว้ดีมาก แต่ในขณะนี้ เขากลับเสียการควบคุมของตัวเอง
เขากอดเธอกลับ และอยากที่จะเรียกร้องมากยิ่งขึ้น
แต่เธอไม่ต้องการ ทันใดนั้นหญิงสาวก็ผลักเขาออก “แน่นอนว่าคนที่มาไม่ปฎิเสธ ? ในสถานการณ์แบบนี้ ประธานโม่ก็ยังมีปฎิกิริยาตอบสนอง ?”
พูดเสร็จ เธอก็หยิบผ้าเช็ดปากบนโต๊ะ มาเช็ดปากของตัวเองอย่างแรง
โม่หานหลับตาลง ความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากร่างกายของเขา ทำให้เขารู้สึกแย่มาก ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือหัวใจ ความปราถนาในผู้หญิงคนนี้ของเขาได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว
เขาก้าวไปข้างหน้า ไม่รอให้หญิงสาวมีปฎิกิริยาตอบสนอง เขากดเธอทับไว้ “คุณก็รู้ ผู้ชายจะแกล้งเล่นเล่นไม่ได้ ในเมื่อไฟมันติดแล้ว คุณก็มีหน้าที่รับผิดชอบดับไฟนั่น”
หญิงสาวตกตะลึง ลืมตาขึ้น และสบตากับดวงตาสีแดงเข้มของชายคนนี้
“คุณไม่กลัวฉันกรีดร้องเหรอ ?”
ชายคนนี้ขมวดคิ้ว “ถ้าหากคุณอยากให้คนอื่นเห็นพวกเราแบบนี้ คุณก็ร้องเรียกได้เลย ด้วยความไม่เท่าเทียมของฐานะเรา ผมว่าคงไม่มีใครเชื่อ ผมจะหลงรักผู้หญิงที่หย่าร้างและยังเคยให้กำเนิดลูกด้วย ทุกคนจะเชื่อเพียงว่า คุณเป็นคนมายั่วยวนผม”
เป็นเธอที่ยั่วยวนเขา สองสามคำนี้ คมราวกับใบมีด กรีดลึกเข้ากลางใจของมู่เฉียว เธอไม่เข้าใจจริงจริงว่าผู้ชายคนนี้จะชั่วร้ายได้ขนาดนี้ เธอหย่าร้าง เธอให้กำเนิดลูก คนอื่นไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าในใจเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเหรอ ?