เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 409 บังเอิญเจอคนที่ตายไปแล้ว
“คุณ……เมื่อไหร่จะเสร็จจากทางด้านนั้น?” โม่หานก็ตระหนักได้ว่าตนเองพูดผิดไป ในน้ำเสียงดูไม่เป็นธรรมชาติ
“ไม่รู้เลย เรื่องนี้ต้องดูว่าการถ่ายทำของหานฉุนราบรื่นแค่ไหน!”
“หานฉุนหานฉุน คุณอย่าเอ่ยถึงเขาได้ไหม?” คนบางคนโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
มู่เฉียวหยิบมือถือออกมามองอย่างประหลาดใจ มองๆดูผู้ชายคนนี้โกรธอะไร?
อารมณ์ฉุนเฉียวนี้มาได้อย่างไร? เขาไม่ได้ถามเธอว่าเสร็จงานเมื่อไหร่หรอกเหรอ? เธอมาเป็นล่ามส่วนตัว แน่นอนเธอต้องตามกำหนดการของคนอื่น
“โม่หาน ถ้าคุณจะโทรมาเพื่อชวนทะเลาะ อย่างนั้นฉันจะวางสายแล้วนะ!”
“จะวางก็วางสิ!”
จากนั้นก็ไม่รอให้มู่เฉียวมีปฏิกิริยาตอบกลับ ปลายสายก็เสียงดัง”ตู๊ดๆ”ออกมา
มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า นำมือถือโยนไปที่ผ้าห่ม ผู้ชายคนนี้มีความสามารถที่จะทำให้เธอโกรธได้เสมอ
ตอนเช้า 6:00 หานฉุนก็แจ้งให้เธอทราบว่ากำลังจะออกไป
ชื่อเสียงของหานฉุนยังเป็นที่รู้จักกันดีในท้องถิ่น ดังนั้นคณะของพวกเขาจึงได้รับการตอบรับจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในท้องที่เป็นอย่างดี
เพราะหนังเรื่องนี้จะฉายในจุดชมวิวหลายๆแห่ง จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในขณะนั้น
บนเส้นทาง อีกฝ่ายพูดเป็นภาษาอังกฤษ หานฉุนมีวันนี้ได้ แน่นอนว่าเขามีศักยภาพ เขาเข้าใจได้เกือบทั้งหมด แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดภาษาแอฟริกัน มู่เฉียวจะแปลให้
เมื่อถึงสถานที่ถ่ายทำ ผู้จัดการก็เดินมาบอกว่า “ฉุน เราไปเจอผู้กำกับกันก่อนเถอะ”
“คุณอยู่ดูที่นี่ได้ตามสบายเลยนะ แต่อย่าไปไกลมากล่ะ!” หานฉุนมองออกว่ามู่เฉียวสนใจ
“เดินดูได้ตามสบายเลยเหรอ?”
“คนอื่นไม่ได้ คุณ……ได้!” หานฉุนเข้าไปใกล้ๆมู่เฉียวแล้วยิ้ม เลิกคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างมีเลศนัย
มู่เฉียวหันไปมองเขา ไม่ได้พูดอะไร
“มิเช่นนั้น คุณก็รอก่อน อีกสักพักผู้ดูแลจุดชมวิวก็จะมาถึงแล้ว ฉันจะให้เขาพาคุณไปเดินรอบๆก็ได้” หานฉุนพูดไปพลาง ก้มลงพิจารณาพืชที่หายากตรงหน้าเขา
มู่เฉียวมองหานฉุน จู่ๆเธอก็พบว่าอุปนิสัยของเขากับโม่หาน มีส่วนคล้ายคลึงกัน เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย
พอพูดจบ “หานฉุน พวกคุณมาได้แล้ว!” ผู้ช่วยของหานฉุนวิ่งเหยาะๆเข้ามารายงาน
หานฉุนพยักหน้า แล้วดึงมู่เฉียว “เราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียวไม่ได้พูดอะไร สำหรับหานฉุนแล้วเธอรู้สึกว่ายิ่งพูดน้อยก็ยิ่งดี และเดินตามหานฉุนไปที่ประตูทางเข้า
แต่เมื่อเธอเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงประตูอย่างชัดเจนขาเธอก็อ่อนลงอย่างกะทันหัน
มู่เฉียวยกมือขึ้นขยี้ตา เมื่อแน่ใจว่าตนเองมองไม่ผิด ตัวเธอเอนไปทางด้านหลังอย่างไม่มั่นคง
นี่คือพ่อของโม่หาน
เธอเคยเห็นคนตระกูลโม่มาหลายครั้งแล้ว มีรูปถ่ายมากมายของเขากับพ่อแม่ในคฤหาสน์ที่โม่หานอาศัยอยู่ แล้วก็มีรูปถ่ายของเขากับพ่อด้วย
“คุณเห็นผีเหรอ?” หานฉุนพบว่ามู่เฉียวผิดปกติไป ฉะนั้นเมื่อเห็นเธอเซถอยหลังไป จึงยื่นแขนออกไปประคองเธอไว้
มู่เฉียวกลืนน้ำลาย ใช่ เห็น”ผี”
หันกลับไปมองหานฉุน ยืนขึ้นดึงเสื้อผ้าที่ยับเล็กน้อย “ฉัน……ฉันไม่เป็นไร!”
เพียงแต่…..
พ่อของโม่หานตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เพราะเหตุใดถึงมาอยู่ที่แอฟริกาใต้ล่ะ?
เพราะเหตุใดถึงกลายเป็นคนรับผิดชอบจัดชมวิวนี้ได้ล่ะ? อีกทั้งเธออดไม่ได้ที่จะมองหานฉุนทีหนึ่ง เห็นสีหน้าของเขาไม่ผิดปกติ ก็เก็บความตื่นตระหนกบนใบหน้า
ชั่วขณะ เธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์กะทันหันนี้ได้อย่างไร
“หานฉุน เขาเป็นคนรับผิดชอบจุดชมวิว ให้เขาพามู่เฉียวไปดูสักรอบหนึ่งสิ?”
คนพาชมพยักหน้าให้กับหานฉุน แล้วผายมือให้มู่เฉียว “คุณผู้หญิง เชิญตามฉันมาได้ครับ”
หานฉุนเงยหน้ามองเธอ หรี่ตามองเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่น โค้งริมฝีปากเล็กน้อย แฝงไปด้วยรอยยิ้มตื้นๆ “มู่เฉียว คุณรู้จักเหรอ?”
เธอควรจะตอบหานฉุนอย่างไร?
มู่เฉียวส่ายหน้า แล้วมองเขา “คุณนี่ชอบล้อเล่นจริงๆ”
พูดจบ ก็เดินตามคนไปยังจุดชมวิว
เดินตามหลังคนพาชม ในใจมู่เฉียวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“คุณมู่ คุณรู้จักฉันเหรอ?” สุดท้ายผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกมู่เฉียวมองจนรู้สึกขนลุกเล็กน้อย เขาจึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวถาม
หัวใจมู่เฉียวเต้นแรงเล็กน้อย อย่างไม่สามารถอธิบายได้
สะดุ้งเล็กน้อย คิดๆแล้ว ก็หันไปมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า: “สวัสดีค่ะ ฉันอยากถามคุณหน่อยว่า คุณ….รู้จักโม่หานไหม?”
ชายคนนั้นได้ยิน ก็หันหน้ากลับมา ชำเลืองมองมู่เฉียวอย่างเย็นชา แววตาเข้มขึ้น
เขายกมือขึ้น ลูบเบาๆที่ต้นไม้ใหญ่ข้างทาง “คุณมู่ คนที่คุณพูดถึง ฉันไม่รู้จัก”
ไม่รู้จัก? ในสายตาของมู่เฉียวหดหู่เล็กน้อย หรือว่าจะเป็นแค่คนหน้าคล้ายเท่านั้น
เธอพูดว่า”อ๋อ”คำหนึ่ง แล้วก็ยิ้มๆ
ทัศนียภาพที่นี่ไม่เหมือนกับในประเทศ นิเวศวิทยาในท้องถิ่นที่แทบจะเป็นแบบดั้งเดิม ถึงแม้จะเห็นภูเขาและลำน้ำภายในประเทศมาจนเคยชินแล้ว แต่พอได้เห็นที่นี่ ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นที่แตกต่างออกไป
เดินชมรอบหนึ่งแล้วกลับมา หานฉุนกำลังร่วมหารือเรื่องของเค้าโครงเรื่องละครกับผู้กำกับอยู่ ดูท่าจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร สีหน้าของเขาไม่น่าดูเล็กน้อย
เพราะคู่ต่อสู้ทางละครคือคนแอฟริกา ดังนั้น งานที่สำคัญของมู่เฉียวก็คือตอนที่พวกเขาคุยกับฝ่ายตรงข้าม เธอถึงจะคอยเป็นล่ามอยู่ข้างๆ อื่นๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ หานฉุนก็แทบจะไม่ต้องใช้เธอเลย
ดังนั้น เวลานี้ เธอจึงมีอิสระอย่างมาก
ผู้จัดการหยิบบทละครเข้ามา ส่งให้มู่เฉียว “นี่คือส่วนที่คุณต้องแปล คุณลองอ่านคร่าวๆก่อน”
มู่เฉียวพยักหน้า หลังจากแปลบทละครของหานฉุนรอบหนึ่งแล้ว เธอก็ขมวดคิ้ว “ค่าตอบแทน เหมือนกับว่าจะไม่มาก”
ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์ แต่หานฉุนเป็นนักแสดงนำ พูดตามเหตุผลแล้ว ไม่ควรที่จะได้ค่าตอบแทนที่น้อยขนาดนี้ มิน่าล่ะดูท่าทางไม่เต็มใจเลย
ผู้จัดการส่ายหน้า “ไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่า จะถูกลดค่าตอบแทน เดิมทีฉันก็คิดที่จะไปเจรจา แต่ฉุนบอกว่า เขาจะไปเอง”
มู่เฉียวไม่พูดจา กับการดำเนินการนี้ เธอก็ไม่ได้เข้าใจมากมายนัก แต่เธอรู้ว่า ที่จู่ๆลดค่าตอบแทนลง จะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน
เพราะตอนบ่ายไม่มีงาน เธอจึงเอ่ยที่จะกลับเข้าในเมืองก่อน จะไปเดินเที่ยวบริเวณใกล้ๆโรงแรมสักหน่อย
เมื่อหานฉุนกลับถึงโรงแรม เธอก็เพิ่งทานข้าวเสร็จ เห็นเขาเดินเข้ามายังตนเอง เธอก็ตกใจ เคี้ยวอาหารช้าลงเล็กน้อย
ชามเซรามิกสีขาวที่อยู่บนโต๊ะถูกคว้าขึ้น จากนั้น ก็ทุ่มลงพื้นอย่างแรง
มู่เฉียวตกใจ เธอกลืนน้ำลายลงคอ หยิบเครื่องดื่มบนโต๊ะ มาจิบเล็กน้อย “คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย?”
แต่หานฉุนเอาแต่จ้องมองเธอ มองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากว่า “คุณนี่มันมีเสน่ห์จริงๆเลยนะ มีเสน่ห์ถึงขั้นที่ เขาสามารถทำเพื่อคุณได้ โดยไม่เสียดายเงินทองเลย”
พูดจบ ก็ทำเสียงไม่พอใจ แล้วหันเดินจากไป