เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 411 มีความสุขอย่างมาก
“มู่เฉียว!” จู่ๆโม่หานก็เรียกเธอจากปลายสายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง หยุดชะงักเล็กน้อยแล้วพูดว่า : “งานหมั้นของฉันกับเหอเจี๋ย ยังไม่สามารถยกเลิกได้ในตอนนี้ เพราะฉันมีผลประโยชน์เกี่ยวกับธุรกิจอยู่เล็กน้อย แต่ฉันรับประกันว่า ฉันจะรับผิดชอบต่อคุณเอง”
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนมู่เฉียวปรับตัวไม่ทัน
มู่เฉียวเม้มๆปาก พูดตามความจริงแล้วปัญหานี้ เธอยังไม่รู้ว่าจะคุยกับโม่หานอย่างไร คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาเอง
เพียงแต่ว่า รับผิดชอบเหรอ? ลูกก็มีแล้ว ตอนนี้จะพูดคำว่ารับผิดชอบ เธออยากจะหัวเราะ
แต่ในใจมีความสุขอย่างมาก เธอคนนี้ไม่ได้ศรัทธาในเกียรติอันจอมปลอม เธอไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองเธออย่างไร โม่หานบอกว่าจะรับผิดชอบ เธอก็รู้สึกพอใจแล้ว เพียงแต่ยังคงถามว่า : “คุณเตรียมจะรับผิดชอบอย่างไรล่ะ?”
เป็นเวลาสักพักอีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร มู่เฉียวจึงพูดต่อว่า “โม่หาน คุณชอบฉันใช่ไหม?” นี่คือประเด็นสำคัญ
“อืม ชอบ” เสียงแหบเล็กน้อยของชายคนนั้นสัมผัสได้ถึงความเขินอาย มู่เฉียวสามารถจินตนาการท่าทางของเขาในเวลานี้ออกได้
เธอดีใจเหมือนเด็กๆ ม้วนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง
หัวใจเต้นระรัว
“อย่างนั้น รักด้วยหรือเปล่า?”
“รัก!” ชายคนนั้นพูดโดยไม่ต้องคิด แล้วเพิ่มอีกประโยคหนึ่งว่า “มากด้วย”
มู่เฉียวรู้สึกว่าตนเองต้องหน้าแดงอย่างแน่นอน เธอยิ้มแก้มปริอีกครั้ง “อย่างนั้นฉันก็จะรอคุณ รอคุณมารับผิดชอบฉัน”
เธอรู้สึกโล่งใจกับชายคนนี้ บางทีเขาอาจจะคิดว่าตนเองจะโวยวายทะเลาะกับเขา!
“อย่างนั้น ฉันทำงานก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิ……” มู่เฉียวเรียกเขาไว้
เธออยากบอกกับโม่หาน ว่าตนเองไปเจอคนคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายคลึงกับพ่อของเขาที่ตายไปแล้ว
แต่ก็กลัวว่าจะเป็นแค่คนหน้าเหมือนกันก็เท่านั้น
“ทำไม? ตัดใจทิ้งฉันไม่ลงเหรอ?” โม่หานเอ่ยปาก
มู่เฉียวคิดๆดูแล้ว ก็กลัวว่าตนเองจะเข้าใจผิดไปจริงๆ “เปล่า ฉันอยากจะบอกคุณว่า” เธอหยุดไปชั่วขณะ สูดลมหายใจเข้า “โม่หาน ฉันก็ชอบคุณ”
ลมหายใจของชายคนนั้นถี่ขึ้นเล็กน้อย มู่เฉียวหัวเราะ เธอคิดว่าอย่างน้อยเขาจะแสดงความรู้สึกออกมา แต่ไม่คิดว่าโม่หานจะพูดว่า “ฉันรู้แล้ว”
โม่หานขมวดคิ้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย?
“เรื่องทางด้านนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ตอนเช้าฉันเลยต้องรีบมา ตอนกลางคืนจึงจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณได้”
นี่เขาบอกว่าจะมาพักอยู่กับเธอใช่ไหม? ความสุขเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนทำให้มู่เฉียวทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย จึงกระแอมเบาๆ “ใครขอให้คุณมาอยู่ด้วยล่ะ?”
“อืม โอเค ไม่ให้ฉันอยู่ด้วย ก็ให้ฉันนอนด้วยก็พอ”
“ไปให้พ้นเลย!”
จิตใจถลำลึกเข้าไปเล็กน้อย
ผู้หญิงเป็นสัตว์ที่เย้ายวนจริงๆ เธอก็เช่นกัน……
เมื่อได้ยินอีกด้านหนึ่งของโม่หานจากตู้เสี่ยวซิน อันที่จริงเธอยอมรับเลยว่าตั้งแต่นั้นมา เธอก็ถลำลึกเข้าไปโดยสิ้นเชิง
เธอรักโม่หานด้วยใจจริง!
ฉะนั้นเมื่อคืนจึงได้ยินยอมพร้อมใจ……
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากในสาย มู่เฉียวพูดอย่างตกตะลึง “เป็นอะไรไป?”
“เรื่องการลดค่าตอบแทนในการแสดง ก็จัดการแก้ไขปัญหาแล้ว แต่ถ้าฉันรู้ว่าคุณกล้าใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาจนเกินไปล่ะก็ ฉันจะทำเรื่องนี้อีกครั้งทันที” น้ำเสียงของโม่หานเคร่งขรึม แฝงไปด้วยความหงุดหงิดอย่างมาก
มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า รู้ว่าเขามองไม่เห็น แต่ก็ยังพยักหน้าซ้ำๆ “รับรองได้ว่าไม่มี”
คิดๆแล้ว ก็กล่าวอีกว่า: “อย่างนั้นก็ห้ามยุ่งกับผู้หญิงเหล่านั้น…..”
“ต่อไปไม่มีแล้ว เมื่อวานฉันก็ไม่ได้แตะต้อง” ชายหนุ่มคล้ายกับรู้ว่าเธอจะพูดอะไร จึงตัดบทคำพูดของเธอ
จากนั้นก็เงียบไม่พูดจา
“มู่เฉียว!” รออยู่นานไม่ได้คำตอบของเธอ โม่หานจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เรียกเบาๆด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
มู่เฉียวกัดริมฝีปาก กลิ้งบนเตียงเล็กน้อย บนผ้าคลุมหมอน ยังคงหลงเหลือกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์บนร่างกายของโม่หาน เธออดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าอีกสองครั้ง
“อืม!”
ท่าทีแบบขอไปทีของเธอทำให้โม่หานขุ่นเคืองเล็กน้อย ขมวดคิ้ว น้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อย แต่แฝงไปด้วยอารมณ์ที่เง้างอน: “นอกจาก’อืม’แล้ว คุณพูดอย่างอื่นไม่เป็นเหรอ?”
พูดจบ โม่หานก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ คล้ายกับลังเลใจอะไรอยู่ ผ่านไปสองสามวินาที เสียงของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง: “ลุกขึ้นทานอาหารเถอะ”
“โอเค” อันที่จริงมู่เฉียวไม่ได้ไม่อยากตอบกลับเขา แต่หิวจนไม่มีแรงต่างหาก
วางสายแล้ว ก็ลุกขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว ก็เตรียมลงไปทานอาหารชั้นล่าง
พอเปิดประตูห้อง ก็พบหานฉุนยืนอยู่ข้างๆประตู กำลังสูบบุหรี่ บนพื้นที่ก้นบุหรี่หลายชิ้น ดูท่า น่าจะยืนอยู่พักหนึ่งแล้ว
“คุณ….ทำไมไม่เคาะประตู?”
หานฉุนดีดบุหรี่ที่อยู่ในมือ หันหน้ากลับมา มองมู่เฉียว ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ฉันกลัวว่าจะเห็นสิ่งที่ฉันไม่อยากเห็น เดี๋ยวตาจะบอดเอาได้”
มู่เฉียวหลบเลี่ยงสายตาที่ร้อนแผดเผาของหานฉุน ก้มหน้า หดหู่ใจเล็กน้อย ก้าวถอยหลังไปสองก้าว ให้หานฉุนเดินเข้ามา
“คุณมีธุระอะไรเหรอ?”
หานฉุนไม่ตอบ เพียงแต่มองเธอ แล้วก็มองผ้าปูเตียงที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ตากนั้นก็ดึงบุหรี่ออกมามวนหนึ่งแล้วจุดไฟ
เดินไปยังหน้าต่าง แล้วก็ดูดบุหรี่ในทันที “คุณบอกมาซิว่า ตกลงคุณมีอะไรดี? ที่สามารถทำให้โม่หานคนนั้นถูกคุณครอบงำได้”
มู่เฉียวเม้มปาก นำผมไปทัดที่หู ไม่สบายใจเล็กน้อย “ไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไร ฉันจะไปทานข้าว หิวแล้ว ถ้าคุณไม่ถือ คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อน”
ขณะมื้ออาหาร หานฉุนจ้องมองเธอโดยตลอด
มู่เฉียวตบช้อนที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ “คุณมองอะไรห๊ะ? ไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ?”
หานฉุนพยักหน้า “ไม่เคยเห็น ถูกหมากัดแล้ว ยังจะกล้าออกมาโอ้อวดแบบนี้อีก”
มู่เฉียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “หมา?” เธอหันหน้ากลับไปมอง จากนั้นก็ตอบสนองโดยการเอามือปิดคอ “คุณพูดไร้สาระอะไร? ใครเป็นหมา? เขาเป็นหมา แล้วคุณเป็นคนงั้นเหรอ?”
สายตาของหานฉุนเคร่งขรึม เขาคิดว่ามู่เฉียวรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับโม่หาน
ทันทีก็ได้ยินเสียงบ่นพึมพำของเธอ “การดูถูกคนอื่น ก็ไม่เท่ากับดูถูกตัวคุณเองเหรอ”
ผู้จัดการที่อยู่โต๊ะด้านหน้า ไหล่ทั้งคู่สั่นมาโดยตลอด คนทั้งสองนั่งใกล้กัน มู่เฉียวรับรู้ได้ จึงหันกลับไป มองพี่เหมย “พี่เหมย คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
พี่เหมยเม้มปาก ส่ายหน้า เธอกลั้นหัวเราะ กล้ามเนื้อบนใบหน้ายับเยินไปหมด “ไม่เป็นไร…..ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ เพียงแต่ ฉุน คุณแน่ใจเหรอว่าหมากัดเธอ?”
“โครม”เสียงเก้าอี้ล้มลง หารฉุนลุกขึ้นยืน จ้องมองพวกเธอทีหนึ่ง แล้วหันเดินจากไป
พี่เหมยปิดปากอยู่ด้านหลัง หัวเราะจนตบโต๊ะ
มู่เฉียวแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ “พี่เหมย คุณขำอะไร?”