เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 412 ความอ่อนโยน
พี่เหมยก็ลุกขึ้นตาม แล้วเก็บรอยยิ้ม “มู่เฉียว เราจะไปรอคุณข้างนอก คุณทานเสร็จก็ออกมานะ”
ถูกพวกเขามาก่อกวน มู่เฉียวก็ไม่อยากอาหารแล้ว หยิบมือถือในกระเป๋าแล้วตามออกไปเลย
หานฉุนสูบบุหรี่อยู่ เห็นเธอออกมา ก็โยนก้นบุหรี่ทิ้งแล้วขึ้นรถ
พี่เหมยขึ้นตามไป มู่เฉียวกำลังจะขึ้นรถ ประตูรถก็ถูกล็อกจากด้านใน
“ไปนั่งข้างหน้า”
มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า ขี้เกียจจะทะเลาะกับเขา จึงเปิดประตูข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง
เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสการถ่ายทำภาพยนตร์ มู่เฉียวตื่นเต้นเล็กน้อย
แต่เมื่อไปถึงที่ถ่ายทำได้คนคนที่อยู่รอบๆแล้ว เธอก็อึ้งไปเลย
หันไปมองพี่เหมย “ทั้งหมดเป็นแฟนคลับของเขาเหรอ?”
พี่เหมยมองออกไปทางนอกหน้าต่าง พยักหน้า จากนั้นก็ยื่นมือออกมา “หมวก แว่นกันแดด เอาออกมา”
มู่เฉียวเปิดประตูรถเดินลงไป จากนั้นบอดี้การ์ดสองสามคนก็ลงมาจากรถคันข้างหน้า มาห้อมล้อมที่ประตูรถ อารักขาหานฉุนลงจากรถ
เวลานั้นเธอเห็นหานฉุนไปที่ไหนบอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ตามไปทุกที่ ยังรู้สึกตลกเขา ดูวางมาดใหญ่โตเหลือเกิน
“ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าคนจะไม่เยอะแยะขนาดนี้ใช่ไหม?” เธอเข้าไปใกล้ๆพี่เหมยแล้วเอ่ยถาม
“ตอนนั้นอยู่ในประเทศจีน คนในแวดวงการก็จะให้เกียรติเรา โดยปกติแล้วการเคลื่อนไหวของหานฉุน ไม่สามารถแพร่งพรายออกไปได้ แต่ทางด้านนี้ มันก็ยากที่จะควบคุม”
มู่เฉียวเข้าใจ
เวลานี้ไม่รู้ว่าถูกใครผลักอยู่ด้านหลัง มู่เฉียวเซจนแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น
สองมือประคองแขนเธอไว้ น้ำเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นข้างๆหู “ระวังหน่อยสิ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
มู่เฉียวกลืนน้ำลาย ใจลอยไปในชั่วพริบตา
เธอเงยหน้าขึ้น เห็นเป็นหานฉุน หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นเขา เธอก็คิ้วขมวดสงสัยว่าตนเองจะได้ยินผิดไป หลังจากที่ได้สติกลับมา ก็ทอดถอนหายใจ ช่างสมกับเป็นนักแสดงจริงๆเลย ความอ่อนโยนนี้ การแสดงนี้
“ฉันไม่เป็นอะไร” เธอตั้งใจยิ้มตอบกลับเขา
หลังจากยืนอย่างมั่นคงแล้ว เธอสะบัดแขนเขาออกโดยจิตใต้สำนึก แต่ชายคนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเธอไป มือใหญ่กลับลื่นลงมาตกอยู่ที่เอวของเธอ แล้วนำผมเธอไปทัดหูอย่างดูใกล้ชิดสนิทสนม
มู่เฉียวได้ยินเสียงกรี๊ดรอบๆ ในชั่วพริบตาเธอก็สติกลับมา หันไปมองพี่เหมยเพื่อขอความช่วยเหลือ
พี่เหมยกระแอมเบาๆ เดินไปแนะนำกับทุกคนว่า “นี่คือล่ามผู้ติดตามคุณฉุนในครั้งนี้”
บางคนก็ร้อง”อ๋อ” สายตาบางคนก็ไม่อยากจะเชื่อ
โม่หานกำลังคุยเรื่องสัญญากับอีกฝ่ายอยู่ ก็รู้สึกได้ว่ามือถือสั่นเล็กน้อย ด้วยความเกรงใจ เขาจึงไม่ได้หยิบออกมาดู จนกระทั่งหารือกันเสร็จ เขาจึงหยิบมือถือออกมา
แค่เห็นข้อความที่ส่งมาด้านบน กับรูปภาพที่แนบมา เป็นหานฉุนจับเอวของมู่เฉียวอยู่ สีหน้าเขาก็ไม่น่าดูอย่างมาก
แต่เขาไม่ได้โทรกลับไป เพราะคำพูดเมื่อคืนของมู่เฉียว เขาก็เลือกที่จะเชื่อ
เขาไม่ได้เชื่อใจน้องชายคนนี้ของเขา แต่ว่าเขาเชื่อใจมู่เฉียว
เห็นเขาจึงนำมือถือกลับเข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม อู๋เหิงก็เลิกคิ้ว “ไอ๋หยา ใจเย็นจริงๆเลย ฉันยังคิดว่าคุณจะไปฆ่ามันซะแล้ว?”
โม่หานมองเขาแล้วยิ้มนิดๆ “คุณไม่เข้าใจหรอก”
“ฉัน….ไม่เข้าใจ?” อู๋เหิงกลอกตามองบน “เรื่องอื่นๆ ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองดีกว่าคุณ แต่เรื่องความรัก โม่หาน คุณต้องให้ความเคารพฉันในฐานะครู”
โม่หานขยับชุดเครื่องดื่มน้ำชาบนโต๊ะไปมา แล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า: “เคารพคุณในฐานะครู ตอนกลางคืน ฉันมีคนให้กอด คุณมีเหรอ?”
อู๋เหิงอ้าปากค้าง ชี้นิ้วไปยังเขา “นี่….นี่คุณอวดเหรอ”
มองนาฬิกาข้อมือ โม่หานลุกขึ้นยืน นำเอกสารในมือโยนให้อู๋เหิง “วันนี้คุยกันเท่านี้ก่อน ฉันมีธุระ ต้องไปก่อน”
“โม่หาน คุณ….คุณมันไม่มีความก้าวหน้า” อู๋เหิงตามออกจากประตู ชี้ว่ากล่าวเขา
โม่หานเปิดประตูรถ “ใช่ คุณก้าวหน้า ดังนั้น ตอนเย็นทำโอที นำเนื้อหาการเจรจาวันนี้จัดทำให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าฉันต้องการดู”
“คุณมันไม่ใช่เพื่อน”
รถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
หานฉุนเป็นนักแสดงที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่คนหนึ่ง ปกติที่เห็นเขาเหมือนกับเอ้อระเหยลอยชาย แต่เวลาถ่ายหนัง เขาจะเข้าถึงบทบาทได้อย่างรวดเร็ว ฉากในภาพยนตร์จำนวนมาก ล้วนสามารถผ่านได้ในครั้งเดียว มู่เฉียวเพียงแค่ต้องรายงานความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่ดีกว่าของอีกฝ่ายให้หานฉุนฟัง ส่วนอื่นๆก็ไม่ต้องทำอะไรมากมาย
การถ่ายทำช่วงบ่ายเป็นไปได้อย่างราบรื่นอย่างมาก
“เริ่มงานวันแรก ตอนเย็น ฉันเลี้ยงเอง” หลังจากทำงานเสร็จ หานฉุนก็แจ้งกับทุกคน
ในทันทีก็มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจเข้ามา
มู่เฉียวจัดเก็บเอกสารเล็กน้อย
“เสี่ยวเฉียว ไปกันเถอะ หานฉุนเลี้ยงข้าว” พี่เหมยเข้ามาแจ้งมู่เฉียว
มู่เฉียวคลึงๆเอว แล้วส่ายหน้า “พวกคุณไปเถอะ ฉันค่อนข้างเหนื่อยล้า อยากกลับห้องไปพักผ่อน”
“หมกมุ่นทางเพศเกินไปใช่ไหมล่ะ?” ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าที่เหน็บแนม
เงยหน้าขึ้นมองหานฉุนที่ยืนพิงเสาไม้อยู่ข้างๆ มู่เฉียวก็หัวเราะเหอะๆสองที “คุณชื่นชมหรือว่าอิจฉาล่ะ?”
ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นตรง มือทั้งคู่ล้วงกระเป๋า พิจารณามู่เฉียวตั้งแต่หัวจรดเท้า “ก็โม่หานมันรสนิยมต่ำ ถึงได้ลงมือกับคุณได้ คุณเป็นแบบนี้ จะมาเข้าใกล้ฉัน ฉันยังต้องไตร่ตรองดูก่อนเลย”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว เมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ไกลๆกำลังเดินเข้ามาใกล้ เธอก็ดีใจ แต่บนใบหน้าไม่ได้แสดงความผิดปกติ “ใช่ คุณเป็นดาราดัง ฉันเป็นพนักงานตัวเล็กๆ จะกล้าหวังมากเกินไปได้อย่างไรล่ะ”
พูดจบ ก็ยกกระเป๋าขึ้น เดินผ่านหานฉุนไปสองก้าว “หานฉุน คุณมาได้อย่างไร?”
เห็นรอยยิ้มที่ราวกับดอกไม้นั้น จึงวิ่งไปยังผู้หญิงของตนเอง โม่หานรู้สึกว่ากระแสความอบอุ่นหลั่งไหลเข้ามาในทันที รู้สึกมีความสุขไม่เคยมีมาก่อน ดูเป็นธรรมชาติ ที่แท้ นี่ก็คือจุดหมายสุดท้ายของความรักที่ทุกคนเสาะหา อิ่มอกอิ่มใจอย่างมาก
เขาลูบผมของมู่เฉียว “เหนื่อยไหม?”
มู่เฉียวส่ายหน้า “ไม่เท่าไร แค่ยืนนาน เมื่อยเอวนิดหน่อย”
พูดจบ มือใหญ่ๆของชายหนุ่มก็เลื่อนลงไปที่เอวของเธอ แล้วนวดเบาๆ “ฉันจะพาคุณไปทานอาหารก่อน” จากนั้น ก็เข้าใกล้ข้างหูมู่เฉียว แล้วกระซิบเบาๆว่า: “ทานเสร็จแล้ว กลับห้อง ฉันจะช่วยนวดให้คุณ”
หางตาของมู่เฉียวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จูงโม่หาน ก้าวเท้าเดินกระโดดโลดเต้นราวกับเด็ก
เห็นคนทั้งสอง หานฉุนก็เบ้ปาก กล่าวกับพี่เหมยว่า: “คุณดูท่าทางนั้นสิ เหมือนกันคนปัญญาอ่อนไหมล่ะ?”
พี่เหมยมองภาพด้านหลังของคนทั้งสอง “ความแข็งกระด้าง กลับกลายเป็นนุ่มนวลลง!”
หานฉุนขมวดคิ้ว “พี่เหมย คุณไม่ได้ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักใช่ไหม?”
พี่เหมยได้ยิน ก็ชำเลืองมองเขาอย่างสนใจ จากนั้น จากนั้นก็เอ่ยปากด้วยความเคารพว่า: “หานฉุน อาชีพของคุณมาถึงช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดแล้ว ไม่มีความผิดพลาดใดๆ บางสิ่งที่คุณไม่ควรคิด ก็ละทิ้งความคิดก่อนหน้านี้ไปซะ”
พูดจบ ก็หยิบกระเป๋าอุปกรณ์ที่อยู่บนพื้น “ไปกันเถอะ”
หานฉุนไม่พูดจา ขณะที่พี่เหมยหันตัวเข้ามา ความหงอยเหงาก็ปรากฏในดวงตาของเขา เขาไม่ควรคิดเหรอ?