เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 420 มีความสุข รักใคร่เอ็นดู
มู่เฉียวมองภาพด้านหลังของคนคนนั้น มุมปากมีรอยยิ้ม ได้เจอเขาบ่อยๆอย่างนี้ ก็พอแล้ว ไม่ต้องส่งข้อความ ไม่ต้องติดต่อกัน ไม่ต้องทักทายกัน แต่เป็นเช่นนี้ก็พอแล้ว เธอถือแฟ้มขึ้นแล้วตบไหล่ผู้ช่วยเบาๆ “เอาล่ะ อย่าบ้าผู้ชายเลย มีงานที่ต้องรับผิดชอบ”
“แต่ว่าคุณเคยได้ยินไหม เดิมทีก่อนหน้านี้บอกว่าจะแต่งงานกับลูกสาวของนายกเทศมนตรี มีข่าวว่าเขาพาดาราสาวคนหนึ่งกลับไปที่บ้าน ดังนั้นการแต่งงานจึงถูกเลื่อนกำหนดการออกไป”
ใช่สิเธอลืมไปได้อย่างไร โม่หานน่าจะแต่งงานเดือนนี้ไม่ใช่เหรอ?
เธอยิ้มนิดๆ “พอเถอะ อย่านินทาเลย ไปทำงาน”
เพราะว่าMYมีธุรกิจที่ต่างประเทศมากมาย ถึงแม้ว่าจะมีการแปลทางธุรกิจโดยเฉพาะ แต่ธุรกิจประเภทนี้ก็มีตามฤดูกาล ถึงแม้ว่าเดือนนี้จะมีมากเป็นพิเศษ แต่เดือนหน้าอาจจะไม่มีเลย เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองบุคลากร การแปลประเภทนี้ของMY ก็จ้างจากบริษัทภายนอกอย่างพวกเธอ
ดังนั้น เธอและผู้ช่วยจึงเทียบเท่ากับพนักงานของบริษัท MY ครึ่งหนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้ถูกพวกเขาควบคุม ไปมาได้อย่างอิสระ พวกเขามีห้องทำงานเฉพาะ เพื่อจัดการกับธุรกิจที่เร่งด่วน
ช่วงนี้บริษัทมีธุรกิจมากมาย ดูเหมือนว่าธุรกิจในแต่ละประเทศของโม่หานได้ขยายกว้างออกไป
“พี่เสี่ยวเฉียว ได้เวลาทานอาหารพอดีเลย” ตอนเช้ามั้งสองคนไปที่บริษัท ช่วยกันทำงานด่วน
มู่เฉียวดูเวลา ที่โรงอาหารของMYอาหารอร่อยมาก ฉะนั้นพวกเธอจึงรีบไปทานข้าวกัน
การตกแต่งในโรงอาหารเป็นแบบยุโรป คล้ายกับบุฟเฟ่ต์ ผลไม้ ขนม เครื่องดื่ม ฟรีทั้งหมด แต่ถ้าพบว่ากินทิ้งขว้างเกิน 100 กรัม จะหักจากเงินเดือนโดยตรง ต้องบอกว่าโม่หานเป็นผู้นำที่เก่งมาก เขาให้สวัสดิการพนักงานดีจนหลายคนอยากจะเข้ามา
เพียงแต่เขามีระบบการจัดการและคัดเลือกบุคลากรที่เข้มงวด ทำให้คนเห็นก็ถอยหลังกลับ ทว่าเมื่อได้เข้ามาที่MYแล้วก็รู้สึกภูมิใจ เพราะเช่นนี้จึงมีคนน้อยมากที่อยากจะเปลี่ยนบริษัท ความกระตือรือร้นในการทำงานของทุกคนยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า
“พี่เสี่ยวเฉียว คุณว่าบริษัทใหญ่ขนาดนี้ จึงสามารถทำอาหารแบบนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่บริษัทเราจะทำได้บ้างล่ะ? ท่านประธานคนนั้น เป็นเจ้านายที่ดีจริงๆเลย”
ได้ยินเธอชื่นชมโม่หาน ในใจมู่เฉียวก็มีความสุข เธอทานขนมหวานแล้วยิ้มไม่ได้พูดอะไร
เพราะตอนนี้ความคิดของเธออยู่ที่ผู้หญิงสองคนที่อยู่โต๊ะถัดไป
จากการแต่งตัว พวกเขาน่าจะเป็นคนที่ทำงานให้ประธาน
“เมื่อวานผู้หญิงคนนั้นมา คุณเห็นไหม? ครั้งที่แล้วก็กับดาราคนนั้น ทั้งสองคนเข้าไปในเวลาเดียวกัน ไอ๋หยา ตอนที่ฉันไปส่งน้ำนะ ประหม่าไปหมดเลย ต่อมาก็ได้ยินว่า พวกเขาอยู่ด้านใน……อะแฮ่ม……คุณก็เข้าใจได้”
ผู้หญิงผมสั้นอีกคนก้มหน้าลง “เป็นไปไม่ได้? ทำไมคุณถึงคิดว่าประธานของเราแข็งแกร่งมากขนาดนั้น ครั้งละสองคน ก็ไม่กลัวจะรับไม่ไหวเหรอ”
มู่เฉียวกำลังใส่มะเขือเทศลูกเล็กๆหนึ่งลูกเข้าปาก ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็แทบสำลักตาย
“พี่เสี่ยวเฉียว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
มู่เฉียวดื่มน้ำเล็กน้อย แล้วลุกขึ้น “ไปกันเถอะ” คำพูดนินทาไม่น่าฟังเลยจริงๆ
เพิ่งจะหันกลับก็เห็นโม่หานกับกลุ่มคนอีกหกเจ็ดคนเข้ามาจากด้านนอก ทานอาหารที่นี่มาหลายมื้อ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอเขา
เป็นธรรมดาที่เขาจะเห็นเธอ แต่สายตาของเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่เธอ ดูเหมือนกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกับคนในอาชีพเดียวกัน แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปที่ที่นั่งด้านในโรงอาหาร
“ทำไมวันนี้ประธานมาทานข้าวที่นี่ ไม่ได้บอกว่าให้ส่งขึ้นไปชั้นบนเหรอ?” ผู้หญิงข้างๆนินทาอีกครั้ง
“คาดว่าคงอยากมาสัมผัสประสบการณ์ความยากลำบากของคนทั่วไปมั้ง”
“พี่เสี่ยวเฉียว ไม่ไปเหรอ?” เห็นเธอยืนอยู่กับที่ ไม่มีการตอบสนอง ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆจึงเตือนเธอ
มู่เฉียวเก้อเขินเล็กน้อย เทียบกับหน้าตาที่นิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านของโม่หานแล้ว เธอดูไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
“ไปกันเถอะ!”
แต่ไม่คาดคิด พอก้าวเท้าออกจากประตูโรงอาหาร ก็ได้พบกับเหอเจี๋ย เห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของเธอแล้ว ก็ชัดเจนอย่างมากว่า เข้ามาหาโม่หาน
เพียงแต่ ที่แปลกก็คือ สายตาของเธอหยุดอยู่ที่เธอชั่วขณะ แล้วจึงมุ่งตรงเข้าไปด้านใน
“เสี่ยวโหรว คุณกลับไปก่อน ฉันจะไปห้องน้ำสักหน่อย” มู่เฉียวแยกผู้ช่วยออกไป
“โอเค”
ทางไปห้องน้ำ ต้องผ่านหน้าประตูห้องรับรองของโม่หาน
“โม่หาน คุณดูสิ ผู้หญิงคนนั้นทำฉันไว้จนเป็นแบบไหน?” หางตาเธอเหลือไปเห็นเหอเจี๋ยดึงคอเสื้อตัวเองออก
มู่เฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้คงจะโมโหจนเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม? จึงไม่คำนึงถึงกาลเทศะ มาฟ้องถึงที่นี่โดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของโม่หาน เพียงแต่ เข้าใจว่าเพราะเหตุใด จึงไม่ได้สนใจเธอ คาดว่า คิดว่าเธอเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่ง
“มีเรื่องอะไร ค่อยกลับไปคุยที่ห้องทำงาน” ท่าทีของโม่หานเย็นชาอย่างมาก น้ำเสียงไม่แสดงความตื่นตระหนก
“โม่หาน ทำไมคุณถึงเข้าข้างเธอแบบนี้ คุณไม่รู้หรอก เธอไปพูดข้างนอกว่า ตัวเองจะแต่งงานกับคุณ”
มู่เฉียวเม้มริมฝีปาก เอาล่ะ ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย “หญิงชู้”ของโม่หาน เธอฟังให้น้อยหน่อย เพราะกลัวจะระงับไม่อยู่ เธอเชื่ออย่างนั้น
วันเวลาที่เงียบสงบ ชั่วพริบตาก็มาถึงปลายปี
ระหว่างเธอและโม่หาน นอกจากพบหน้ากันเป็นครั้งคราวแล้ว จากนั้นก็แสร้งทำเป็นเดินเฉียดกันไปมาอย่างไม่รู้จักกัน ไม่มีการติดต่อกันแต่อย่างใด
ถ้าหากไม่ใช่หนึ่งปีนั้น ประคับประคองจิตใจตัวเองไว้ มู่เฉียวก็ยังสงสัยว่า ตนเองคงจะถูกโม่หานหลอกแล้วล่ะ
คริสต์มาส
“พี่เสี่ยวเฉียว ฉันเหมือนจะไม่สบายนิดหน่อยน่ะ สามารถ……”
มู่เฉียวมองเวลา สามทุ่มครึ่งแล้ว ถึงปลายปีแล้ว ทุกคนต่างเร่งรีบจัดการงานในมือให้เสร็จสิ้น ดังนั้น จึงยุ่งมาก เลยบอกว่าจะทำโอทีถึงห้าทุ่ม เธอเงยหน้า “ไปเถอะ”
ผู้ช่วยเข้ามากอดเธอเล็กน้อย “พี่เสี่ยวเฉียว คุณดีจริงๆเลย”
ตอนเป็นวัยรุ่นไม่มีใครไม่รู้ เธอเข้าใจอย่างมาก ที่เรียกว่าไม่สบายเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง คาดว่าช่วงนี้สาวน้อยจะมีแฟนแล้ว ตอนทำงาน เห็นเธอแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
หลังจากผู้ช่วยไปแล้ว มู่เฉียวก็มุ่งความสนใจไปที่งาน เธอพยายามทำให้ตนเองยุ่งขึ้นมา จึงจะได้ไม่ต้องไปคิดถึงโม่หาน คิดถึงว่าวันนี้เขา ในวันเทศกาลแบบนี้ กำลังทำอะไรอยู่ แล้วไปอยู่กับหญิงสาวคนไหน
ไฟด้านนอกห้องทำงานค่อยๆมืดลงมา มู่เฉียววางแผนว่าทำงานในมือเสร็จแล้วจึงจะกลับไป
เธองานยุ่งอย่างมาก จนกระทั่ง ประตูเปิดปิด ชายหนุ่มเข้ามาในห้อง เธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งมีมือโอบที่บริเวณเอว เธอจึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
เธอวางปากกาในมือ นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันตัวกลับ นำมือไปคล้องคอของชายหนุ่ม เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดจา
ชายหนุ่มจับเอวเธอเบาๆ “คิดถึงคุณจัง” จากนั้น ก็คลำไปรอบเอวของเธอ แล้วขมวดคิ้ว “ผอมไปแล้ว”
“เห็นอยู่ทุกวัน ยังคิดถึงอีกเหรอ?”
“เห็นแต่ไม่ได้กิน ยิ่งคิดถึง”