เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 429 อันตราย
มู่เฉียวอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เป็นธรรมดาที่เธอจะเข้าใจว่านี่หมายความว่าอะไร มันหมายความว่าเขายังคงมีอันตราย
“โม่หาน ถึงอย่างไรเขาก็คือพ่อของคุณ คุณอาจจะมีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่า?” อันที่จริงมู่เฉียวก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่าพ่อคนหนึ่งจะไร้ความเมตตาปรานีได้ขนาดนี้
“เขาก็ไม่ใช่คนมานานแล้ว” โม่หานพูดจบ ก็นำมู่เฉียวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ในสายตาเขามีแค่ผลประโยชน์ ไม่มีความรักให้กับครอบครัวเลย
มู่เฉียวไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะไม่ได้ใกล้ชิดกัน มู่เฉียวนึกไม่ออกว่าจะมีพ่อแบบนี้ในโลกได้อย่างไร
เมื่อทั้งสองคนมาที่เมืองA โม่หานส่งเธอที่ชั้นล่าง มู่เฉียวกำลังจะลงจากรถ จู่ๆโม่หานก็ดึงแขนของเธอ
ในตาเขามู่เฉียวเห็นความกังวลใจ เธอจึงยิ้มพูดว่า “อย่ากังวลใจขนาดนั้นเลย ฉันไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างเขาอาจจะคิดว่าเราเลิกกันแล้วก็ได้”
โม่หานพยักหน้า แต่ความกังวลในแววตากลับมากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดที่รอบคอบของชายคนนั้น บางทีเขาอาจจะรู้ความสัมพันธ์ของตนเองกับมู่เฉียวแล้วก็ได้
กลับมาถึงบ้าน พ่อแม่ก็นั่งอยู่บนโซฟา เห็นเธอเข้ามาสีหน้าก็เคร่งขรึมลงอย่างมาก
“เมื่อคืนคุณไปไหนมา?” พ่อเอ่ยถามก่อนเลย
มู่เฉียวเม้มๆปาก แล้วเกาหัว “พ่อฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่กลับบ้านแค่วันเดียว เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”
ใบหน้าแม่ดูมีความสุข เดินเข้ามา “เฉียวเอ๋อ หรือว่า……คุณมีความรักเหรอ?”
มู่เฉียวก้มหน้า ใบหน้าแดงขึ้นมา
“ผู้ชายคนนั้นทำงานอะไร? อายุเท่าไหร่ วงศ์ตระกูลเป็นอย่างไร? มีความชัดเจนหรือเปล่า?” พ่อถามเหตุผลมากมาย นำผักในมือโยนใส่ตะกร้าแล้วมองมู่เฉียว
“พ่อ แม่ เมื่อถึงโอกาสแล้ว ฉันจะพาเขามาเจอพวกคุณนะ” พูดจบก็เข้าไปในห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมจะไปทำงาน
ที่คฤหาสน์ตระกูลโม่
“โม่หาน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ได้ยินว่าโม่หานกลับมา ผู้เฒ่าสองคนรออยู่ข้างนอกประตูมานานแล้ว สีหน้าของนายท่านโม่ ดูโหดเหี้ยมจนน่าตกใจ
โม่หานมองแม่ แล้วยิ้ม “ไม่เป็นไร”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของคุณ ที่ไปรับสัตว์เดรัจฉานเข้ามาในบ้าน คาดไม่ถึงว่าจะลงมือกับลูกชายของตนเองได้ คุณยังพูดถึงเขาดีๆ คุณมันโง่หรือเปล่า?” นายท่านโม่ชี้หน้าด่าคุณนายโม่
คุณนายนายท่านโม่ตบๆหลังเขา “คุณอย่ากระตือรือร้นเกินไป หมอบอกไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าเครียด”
“ไม่พูดไม่กล่าว โม่หานอยู่ในเงื้อมมือเขาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดตั้งหลายครั้ง จะไม่ให้พูดเลยเหรอ?” จู่ๆเสียงของนายท่านโม่ก็ดังขึ้น ทุกๆคนจึงไม่พูดอะไร
คุณนายโม่เงยหน้าขึ้นมองโม่หาน ด้วยแววตาที่ขอโทษอย่างสุดซึ้ง “ลูก แม่ไม่ดีเอง แม่ไม่รู้ว่า เขา……เขาจะเป็นคนอย่างนี้”
โม่หานมองเธอ อารมณ์ในแววตาสับสนยุ่งเหยิง “ฉันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“หานฉุนกับหานเสว่ล่ะ? โทรหาพวกเขาหรือยัง?” แม้ว่าเด็กทั้งสองจะไม่ได้เติบโตเคียงข้างกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่นายท่านทั้งสองยังคงมีความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
คุณนายโม่มองภาพด้านหลังของโม่หาน สีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย เธอไม่ได้ตอบคำถามพ่อ แต่บ่นพึมพำว่า “ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ใกล้จะจบสิ้นแล้ว”
ที่ด้านนอกประตูมีเสียงรถจอด
ทั้งสามคนหันไป ก็เห็นหานฉุนกับหานเสว่เดินเข้ามาด้านใน
“คุณปู่ คุณย่า แม่……”
“คุณปู่ คุณย่า แม่……”
“พวกคุณกลับมาได้อย่างไร?” คุณนายนายท่านโม่เดินเข้าไป แล้วเอ่ยถาม ดึงมือของหานเสว่ “เสว่เอ๋อ คุณอย่าเหนื่อยล้าเกินไปนะ หน้าคุณดูซูบๆไป”
หานเสว่ยิ้ม “คุณย่า ฉันเหมือนกับแม่นั่นแหละ รูปหน้าไม่ใช่คนอ้วน” พูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองคุณนายโม่ “แม่ สีหน้าคุณดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจเลยนะ”
หานฉุนก็หันไปมองหน้าแม่ แววตายุ่งเหยิง “ได้ยินมาว่า พี่ชายเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมรถถึงได้เกิดอุบัติเหตุได้?”
“ต้องขอบคุณพ่อเลวๆคนนั้นของคุณไงล่ะ”
“พ่อ!” คุณนายโม่ เธอยังไม่อยากเปิดโปงจุดบกพร่องของพ่อพวกเขาต่อหน้าเด็กๆ
“ทำไมล่ะ? คุณยังอยากจะปิดบังอีกเหรอ? พวกเขาล้วนไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ แยกแยะดีเลวได้ชัดเจน” หลังจากตำหนิคุณนายโม่เสร็จ นายท่านโม่ก็หันหน้าไปมองหานฉุนและหานเสว่ ด้วยสายตาที่คมกริบอย่างมาก
“พ่อของพวกคุณต้องการจะฆ่าพี่ชายของพวกคุณ”
คนทั้งสองหน้าถอดสีอย่างชัดเจน
“พ่อ นั่นอาจจะเป็นเพียงเหตุสุดวิสัย คุณมีหลักฐานอะไร…….”
“คุณหุบปากเลยนะ!” นายท่านโม่ชี้หน้าคุณนายโม่ อาจเพราะหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น จากนั้น ในขณะที่สายตาของทุกคนกำลังตึงเครียด เขาก็หมดสติไปโดยตรง
“พ่อ…..”
“คุณปู่….”
“รีบโทรไป120เร็วเข้า จากนั้นก็แจ้งหมอประจำตระกูล”
โม่หานได้ยินเสียงรถพยาบาลจากด้านนอก จึงออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?” โม่หานกล่าว หานฉุนหันหน้ากลับไปมองเขา หาได้ยากที่จะไม่ทะเลาะกับเขา
“ถูกทำให้โมโหจนหมดสติไป”
โม่หานหันหน้ากลับไปจ้องมองเขา แล้วตามขึ้นรถไป
ด้านนอกห้องผ่าตัด
คนในครอบครัวไม่พูดจา มีเพียงคุณนายโม่ที่สะอื้นไห้เป็นระยะๆ
คุณนายนายท่านโม่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้านิ่งสงบอย่างมาก
ผ่านไปนานมาก ประตูห้องฉุกเฉินจึงเปิดออก คุณหมอออกมา ดึงผ้าปิดจมูกลงเล็กน้อย แล้วพยักหน้ากับทุกคน “หัวใจของนายท่านโม่ค่อนข้างอ่อนแอ ทนรับการกระตุ้นอะไรไม่ได้ บวกกับอายุที่มากแล้ว พวกเราอยากจะขอความคิดเห็นจากครอบครัวพวกคุณว่า ต้องการทำการผ่าตัดหรือไม่?”
“ต้องทำสิ พวกคุณเป็นหมอได้อย่างไร เรื่องนี้ยังต้องมาถามพวกเราอีกเหรอ?”
คุณนายโม่เดินเข้ามา ดึงคุณหมอแล้วตะโกนเอะอะโวยวาย
“แม่” โม่หานเดินเข้าไป ดึงคุณนายโม่มาไว้ข้างๆ
“ถ้าไม่ทำล่ะ?” คุณนายนายท่านโม่เอ่ยปาก ตลอดทั้งปีนี้ชายชราบอกเธอมากกว่าหนึ่งครั้งว่า เขาไม่ต้องการใช้ชีวิตในโรงพยาบาลอีกต่อไปแล้ว
“หากไม่ทำล่ะก็ อาการก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ”
“แล้วถ้าทำล่ะ?”
“ถ้าทำ ด้วยอายุของนายท่านโม่นี้ หลังจากทำเสร็จ อาจจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมาประคองชีวิตเอาไว้ หากอาการดีขึ้น บางครั้งอาจจะ……”
“ไม่ทำ” คุณนายนายท่านโม่กล่าวตัดบทคำพูดคุณหมอ ด้วยเหตุนี้สีหน้าของเธอจึงซีดเผือด ร่างกายสั่นเล็กน้อย
หานเสว่เดินเข้าไป ประคองเธอ “คุณย่า คุณนั่งลงก่อนนะ”
ชัดเจนว่าคุณหมอแปลกใจเล็กน้อย กับการตัดสินใจนี้ของคุณนายนายท่านโม่ จึงหันหน้าไปมองโม่หาน “คุณโม่ อย่างนั้น ก็ตามความคิดเห็นของคุณนายนายท่านเหรอ?”
โม่หานมองคุณย่า เขาเข้าใจอย่างมากว่า คุณย่าไม่ต้องการให้คุณปู่ได้รับความทุกข์เช่นนั้น จึงพยักหน้า
คุณหมอเข้าไปแล้ว คุณย่าก็แทบจะล้มลงในทันที นั่งลงบนเก้าอี้ ก้มหน้า ท่าทีดูไม่ดีอย่างมาก
คุณนายโม่ที่อยู่ด้านหลัง ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
ทันใด คุณนายนายท่านโม่ก็เงยหน้า ดึงมือของโม่หาน “หาน พาเสี่ยวโยวกลับมาได้ไหม ปู่ของคุณ เขาชอบเด็กคนนั้นจริงๆ ถึงแม้จะไม่พูด แต่ในใจของฉันก็รู้ดี”
โม่หานนิ่งเงียบไม่พูดจา
“ฉันรู้ว่าตระกูลโม่ของพวกเรารู้สึกผิดกับพวกเธอแม่ลูก ย่าก็รู้ว่า ในใจคุณก็ปล่อยพวกเธอไปไม่ได้ เพียงแค่ต้องการให้มู่เฉียวกลับมา พวกเราจะชดเชยให้เธออย่างดีแน่นอน” ในสายตาของหญิงชราแสดงความอ้อนวอน แต่โม่หานไม่ได้รับปากออกมาในทันที
“คุณย่า คุณลืมไปแล้วเหรอว่า พี่ชายฉันกับคุณหนูตระกูลเหอ กำลังหมั้นกันอยู่? คุณเอามู่เฉียวกลับมา แล้วคนอื่นจะยอมเหรอ?” หานฉุนที่ไม่พูดจามาโดยตลอดเอ่ยปากประชดประชัน