เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 435 คาดไม่ถึงว่าคุณจะบันทึกเสียง
ประตูปิดลง มู่เฉียวชำเลืองถ้วยชาที่ถืออยู่ เป็นชาแดง ตอนดื่มรู้สึกขมๆฝาดๆเล็กน้อย ผ่านไปสักพักยังคงมีความหวานติดอยู่ในปาก
“อร่อยจัง”
“เดี๋ยวก็เอาไปด้วยสิ”
มู่เฉียวมองโม่หาน “คุณว่า เลขาคนนั้นจะคิดว่าคุณเป็นโรคจิตหรือเปล่า?”
โม่หานแค่ชำเลืองมองเธอ เดินเข้าไปนวดไหล่ให้เธอต่อ จากนั้นก็ก้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากเธอ “รอก่อน ไว้ฉันจะอธิบายให้คุณฟัง”
“อธิบาย? คุณบอกว่าจะรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ?” อันที่จริงมู่เฉียวก็รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร แต่ยังคงแกล้งโง่อยู่
“ถึงอย่างไรก็อายุมากขนาดนี้แล้ว คงต้องฝืนใจยอมรับไป” หาได้ยากที่ชายคนนั้นจะพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี
มู่เฉียวลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่บนโซฟา และมองไปที่โม่หาน พูดด้วยแววตาที่จริงจัง : “ฉันได้ยินมาว่าคุณถอนหมั้นกับเหอเจี๋ยคนนั้นแล้วเหรอ?”
ชายคนนั้นฝังศีรษะไปที่ไหล่ของเธอ น้ำเสียงทุ้มๆพูดอย่างช้าๆ : “ถูกทิ้งแล้ว คุณก็ฝืนใจยอมรับฉันหน่อยได้ไหม?”
มู่เฉียวเงยหน้าขึ้นมา เห็นเขาเม้มปากเป็นเส้นตรง ก็เหมือนว่าอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“โม่หาน คุณไม่ต้องรีบร้อนเกินไปหรอก ฉันรู้ดี ว่าตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเปิดเผยสถานะของเรา วางใจเถอะ ตอนนี้ฉันไม่ได้รีบร้อน ได้หัวใจคุณไว้ในครอบครอง ดีกว่าฐานะที่จอมปลอมนั่น” มู่เฉียวพูดจบ ก็จิ้มๆที่หน้าอกของโม่หาน ถึงแม้ว่าจะมีข่าวมากมายเกี่ยวกับโม่หาน แต่ก็เป็นเรื่องความเจ้าชู้ของผู้ชายเท่านั้น การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอย่างเขา ถ้าก่อนหน้าเพิ่งเลิกกับลูกสาวของนายกเทศมนตรี จากนั้นก็ประกาศว่าอยู่ด้วยกันกับเธอ ก็จะเกิดปัญหาอย่างไม่ต้องสงสัย มู่เฉียวไม่อยากให้เขาลำบากใจ
นิ้วมือเรียวยาวเชยคางของผู้หญิงคนนั้นขึ้น ก้มหน้าลงไปจูบ
เมื่อมู่เฉียวออกมาอีกครั้ง ทุกคนต่างกระซิบกระซาบว่าเธอทำผิดอะไรจึงถูกเรียกตัวไปที่ห้องทำงานของประธานโดยตรง แล้วยังถูกต่อว่านานขนาดนี้ มีแค่เลขาคนนั้น ลุกขึ้นยืนก้มทำความเคารพให้มู่เฉียว แต่ไม่กล้าสบตาเธอโดยตรง
คนที่ออกคำสั่งท่านประธานได้ แน่นอนว่าเธอต้องประจบประแจงให้มากขึ้น
มู่เฉียวเม้มๆปาก รู้สึกว่าเลขาคนนี้”เข้าใจกฎเกณฑ์”ดีมาก เดินไปตรงหน้าเธอ แล้วกระซิบข้างหูเธอว่า “ประธานโม่บอกว่า เดือนนี้จะเพิ่มเงินเดือนให้คุณ สู้ๆนะ”
หลังจากมู่เฉียวไปแล้ว เลขาก็ยืนตัวตรง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
“เธอพูดอะไรกับคุณเหรอ?”
เลขาส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก อยากให้ฉันพูดถึงเธอต่อหน้าประธานดีๆ”
ทุกคนก็พูดกันสองสามคำ แล้วแยกย้ายกันไป
จากนั้นชีวิตก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง มู่เฉียวจงใจไม่นึกถึง”พ่อตา”คนนั้นที่กำลังจะตาย ตอนกลางคืน เป็นเพราะการควบคุมดูแลของพ่อแม่ เธอจึงไม่ได้ไปหาโม่หานอีก บางครั้งชายคนนั้นก็เรียกมาที่ห้องทำงาน บางครั้งก็ต้องการล่ามจึงพาเธอออกไปทำงานนอกสถานที่
จนกระทั่งเวลาเลิกงานวันนี้ มู่เฉียวก็ได้รับสายแปลกๆที่คุ้นเคย เบอร์แปลกเพราะไม่มีรายชื่อคนติดต่อเก็บไว้ แต่เธอคุ้นเคยจนจำได้ขึ้นใจ
ลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอจึงกดรับสายอย่างหลีกหนีไม่ได้
ร้านอาหารที่หรูหราแห่งหนึ่ง
เมื่อมู่เฉียวเข้ามา คุณนายโม่กำลังก้มหน้า ใช้ช้อนคนชานมที่อยู่ในแก้ว
เห็นเธอเข้ามา ก็ชี้ไปยังเก้าอี้ตรงข้าม
“คุณนี่มันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวจริงๆ” หลังจากที่มู่เฉียวนั่งลง คุณนายโม่ก็เอ่ยปาก
มู่เฉียวไม่รู้จริงๆว่าทำไมคุณนายโม่คนนี้ถึงจงเกลียดจงชังเธอขนาดนี้ ครั้งแรกที่เจอคุณนายโม่เธอจำได้อย่างลึกซึ้ง อ่อนโยนอย่างมาก ไม่มีการวางมาดเลยสักนิด
เธอก้มหน้า ไม่พูดจา ลักษณะท่าทางเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อย อันที่จริง เธอแค่ไม่อยากเผชิญหน้ากับคุณนายโม่ก็เท่านั้น เธอไม่อยากให้โม่หานต้องอยู่ท่ามกลางความลำบากใจ
“มู่เฉียว ฉันไม่ชอบคุณเลยจริงๆ”
มู่เฉียวพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ”
“อย่างนั้นคุณก็น่าจะรู้ว่า ฉันจะไม่มีทางยอมรับให้คุณคืนดีกับโม่หานเด็ดขาด”
มู่เฉียวพยักหน้าอีก “รู้ค่ะ” อย่างน้อยตอนนี้ เธอก็ไม่กล้าที่จะคาดหวังเกินไป
ท่าทีนี้ของเธอ ทำให้คุณนายโม่ยิ่งอึดอัดอย่างมาก เธอจิตใจวุ่นวาย “อย่างนั้นคุณก็ไปจากเขาซะเถอะ คุณต้องการเงินเท่าไร ฉันจะให้คุณ” พูดพลาง หยิบเช็คธนาคารที่ยังไม่ได้กรอกตัวเลขใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า
นี่ทำให้มู่เฉียวต้องเบิกตาโตจริงๆ ตอนที่มา เธอก็คิดเอาไว้แล้วว่า คุณนายโม่จะต้องเอาเงินฟาดหัวเธอ
เมื่อตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย เธอและตู้เสี่ยวซินเคยพูดกันถึงปัญหานี้ เธอเคยบอกว่า ถ้าถึงวันนั้น ฉันจะเอาเงินโยนใส่หน้าเธอแล้วบอกเธอว่า คนอย่างฉันไม่ขาดเงิน
แต่ด้วยเรื่องราวที่มากมาย ที่ตนเองได้ประสบพบเจอมาจริงๆ จึงได้เข้าใจว่า ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น?
“ถ้าฉันไม่รับเงินล่ะ?” เธอจึงเงยหน้าขึ้น มองคุณนายโม่
“หรือว่าคุณลืมเรื่องราวเหล่านั้นเมื่อหลายปีก่อนไปแล้ว? หรือคุณอยากให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ให้พ่อแม่ของคุณและคุณกลายเป็นเหมือนหนูข้างถนนอีกครั้ง? คุณก็น่าจะรู้นะว่า ฉันสามารถที่จะทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งได้”
คนอะไรช่างน่ารังเกียจที่สุด ตัวเองเอามีดมาเฉือนที่ตัวเธอไม่พอ แต่ยังเอาเกลือมาโรยที่บาดแผลอีก
มู่เฉียวยกมุมปากขึ้น เธอหยิบมือถือออกมาจากในกระเป๋า กดปุ่มบันทึก
จากนั้น เธอก็หันหน้าจอมือถือให้คุณนายโม่ กดปุ่มสามเหลี่ยมเพื่อเล่น ด้านในมีเสียงของคุณนายโม่ที่เพิ่งพูดเมื่อกี้ดังออกมา
“ไม่….ไม่นึกเลยว่าคุณจะบันทึกเสียง!” คุณนายโม่โมโหจนตบโต๊ะ
มู่เฉียวเผชิญหน้ากับสายตาของเธอโดยตรง “คุณนายโม่ ฉันคิดว่า คุณคงไม่อยากให้โม่หานได้ยินคำพูดเหล่านี้หรอกใช่ไหม?”
“ได้ คุณนี่มันไม่ใช่เล่นๆเหมือนกันนะ มิน่าล่ะลูกชายของฉันถึงโดนคุณหลอกลวงจนหลงใหล แต่ละคืนไม่อยู่บ้าน มู่เฉียว ฉันจะบอกคุณให้นะ ที่ตระกูลโม่ มีคุณ ไม่มีฉัน คุณคิดจะแต่งงานเข้ามาตระกูลโม่ คุณอย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย” พูดจบ เธอก็หยิบกระเป๋า แล้วเดินออกไป เดินไปได้สองก้าว ก็หันหน้ากลับมา หยิบเช็กที่อยู่ด้านบนโต๊ะ ใส่ลงในกระเป๋า
มู่เฉียวอับอายจนเหงื่อตก น่าเสียดายที่เธอคิดว่าคุณนายโม่เป็นลูกสาวของตระกูลที่มั่งมีมาโดยตลอด
เพียงแต่ เธอไม่สบายใจอย่างมากจริงๆ ในตอนนั้นที่เธอบีบบังคับให้แต่งงาน ชัดเจนว่า โม่หานได้อธิบายกับเธอแล้ว เธอไม่เข้าใจจริงๆว่า เพราะเหตุใดเธอถึงยังเกลียดชังเธออยู่แบบนี้
มองของหวานที่อยู่บนโต๊ะแล้ว แทบจะไม่ได้ทานเลย คิดๆแล้วจึงเรียกบริกรให้ห่อใส่กล่อง
ห่อกลับบ้าน มู่เสี่ยวโยวชอบทานของเหล่านี้
ในลิฟต์ เธอรับโทรศัพท์โม่หาน “กลับมาแล้ว มาหาฉันก่อนนะ”