เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 451 คลอดแล้ว
ขอเพียงแต่โม่หานมีเวลา เขาก็จะทำให้เธอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จนทุกๆครั้งที่เธออยากจะบ่นว่า ก็ต้องกลืนมันกลับไป
“เฉียวเอ๋อ แม่ปรารถนาให้การตั้งท้องนี้ของคุณได้ลูกชายจริงๆเลย” วันนี้หลังจากทานข้าวเสร็จ แม่ก็เอาผลไม้ที่ล้างเป็นอย่างดีมาส่งให้ แล้วก็นั่งลงข้างๆเธอ
มู่เฉียวมองรูปร่างที่เปลี่ยนไปเป็นอ้วนกลม เธอก็ยิ้มเจื่อนๆ “ฉันก็หวังอย่างนั้น” เพราะเธอไม่กล้าจะมีลูกเป็นครั้งที่สามจริงๆ อันที่จริงเธอเสนอว่าจะไปตรวจเลือดดูว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว แต่โม่หานก็ปฏิเสธ
นอกจากนี้ยังขอให้หมอไม่เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเธอ มู่เฉียวรู้ว่าเขากลัวที่จะส่งผลต่ออารมณ์เธอในระหว่างตั้งครรภ์
เธอไม่ได้เห็นว่าผู้ชายดีกว่าผู้หญิง แต่โม่หานเป็นลูกชายคนเดียวมาหลายชั่วอายุคน หานฉุนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลโม่ ฉะนั้นเขาจึงต้องการมีลูกเพื่อมาสืบทอดต่อพวกเขา
ตอนกลางคืน โม่หานนวดขาที่บวมน้ำอย่างมากให้เธอทั้งสองข้าง
มู่เฉียวกินเนื้อวัวแห้ง อาจเป็นเพราะเกี่ยวกับลูกทั้งสองคน เธอเลยหิวง่ายเป็นพิเศษ
“โม่หาน คุณว่าฉันอ้วนจนกลายเป็นอย่างนี้ คุณไม่ว่าผู้หญิงข้างนอกเหล่านั้นสวยเป็นพิเศษเหรอ?”
โม่หานไม่พูดอะไร มือยังคงทำเหมือนเดิมไม่หยุด
“โม่หาน ฉันพูดกับคุณนะ……”
โม่หานดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมขาเธอ นำเธอมาไว้ในอ้อมกอด “พูดเหลวไหลอะไรมากมายขนาดนี้ กินแล้วก็รีบนอน” ชายคนนั้นพูดจบ มือก็ลูบอยู่บนท้องนูนๆของเธอ มุมปากยกยิ้มขึ้น
มู่เฉียวเบะปาก “เห็นไหม คุณหมดความอดทนกับฉันแล้ว”
โม่หานลุกขึ้นนั่งแล้วมองเธอ พูดอย่างจริงจังว่า : “ฉันได้ยินหมอบอกว่า ในช่วงสองสามเดือน จึงจะเหมาะสมไม่ใช่เหรอ?”
มู่เฉียวผลักเขาออก เปิดผ้าห่มลุกขึ้น ไปที่ห้องน้ำ ตลอดทางก็ไม่ได้ฟังว่าโม่หานพูดอะไร
ชายคนนั้นเห็นเธอทำเป็นไม่รู้เรื่อง จึงเดินตามไปที่ห้องน้ำ
“โม่หาน เมื่อกี้ฉันแค่พูดผิดไป”
ชายคนนั้นนำผ้าเช็ดตัวมารองไว้ที่พื้นห้องน้ำ ถอดเสื้อคลุมให้เธออย่างมีระเบียบ
หญิงคนนั้นกัดริมฝีปากล่าง “ทำไมคุณไม่ไปหาสาวสวยๆข้างนอกล่ะ?”
ดีดหน้าผากเธอเบาๆ “รอคุณคลอดลูกแล้วค่อยหา”
เขาพูดประโยคนี้อย่างจริงจังมาก มู่เฉียวเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณพูดจริงๆเหรอ?”
“คลอดลูกสาวแล้ว ไม่เรียกว่าสาวสวย แล้วจะเรียกว่าอะไร?”
มู่เฉียวหัวเราะ
ชีวิตเป็นอย่างนี้ตลอดจนกระทั่งมู่เฉียวคลอดลูก
เพราะมีลูกคนหนึ่งที่มีตำแหน่งของทารกในครรภ์ไม่ค่อยดี คนในบ้านกับโม่หานจึงเป็นกังวล ฉะนั้นจึงเลือกที่จะไม่ให้เธอคลอดธรรมชาติ
ในวันที่ผ่าคลอด โม่หานบอกว่าตนเองจะเข้าไปด้วย แต่มู่เฉียวไม่ยอม รูปร่างน่าเกลียดขนาดนี้ เธอกลัวว่าในอนาคตเขาจะรู้สึกแย่
“โม่หาน คุณรอฉันอยู่ด้านนอกนะ”
โม่หานลูบผมของเธอ ก้มลงไปจูบหน้าผากเธอ “คุณภรรยา ทำให้คุณต้องลำบากเลย ฉันอยู่ด้วยตลอดนะ”
ต่อหน้าผู้คนมากมาย โม่หานเรียกเธออย่างน่าซาบซึ้งใจอย่างนี้ มู่เฉียวก็หน้าแดงเล็กน้อย
โม่หานมองประตูที่ปิดอย่างช้าๆ จึงหลับตาลง ครั้งแรกที่มู่เฉียวคลอดลูก เข้ามาช้า เวลานั้นเขายังไม่มีความรักต่อเธอ เดิมทีก็ไม่ได้ตระหนักถึงความกลัวและความกังวลเลย
“โม่หาน คุณดื่มน้ำหน่อยเถอะ” พ่อมู่มองโม่หานที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในฐานะที่เป็นผู้ชาย เป็นธรรมดาที่เขาจะสัมผัสได้ถึงสภาพจิตใจเช่นนี้ แต่ก็รู้สึกปลื้มใจเล็กน้อย ที่ลูกสาวไม่ได้แต่งผิดคน
โม่หานรับน้ำมา “ขอบคุณครับพ่อ”
เมื่อฉีดยาชาเข้าไป ร่างกายของมู่เฉียวก็ค่อยๆหมดสติไป เธอพยายามบังคับให้ตัวเองมีสติสักเล็กน้อย ดังนั้น เธอจึงได้ยินการสนทนาระหว่างหมอ
แต่สุดท้ายก็เคลิ้มแล้วหลับไป ในความสะลึมสะลือ เธอรู้สึกว่ามีคนเรียกเธอ
พอลืมตา ก็เห็นคุณหมอเจ้าของไข้
“คุณนายโม่ ยินดีกับคุณด้วย ได้ลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน เป็นฝาแฝดชายหญิง คุณนายโม่โชคดีจริงๆ” คนในห้องคลอดต่างก็แสดงความยินดี ถึงแม้พวกเธอจะไม่คาดคิดว่า ผู้ชายที่ดีเลิศขนาดนั้น หล่อเหลาขนาดนั้น และร่ำรวยขนาดนั้น ทำไมถึงมาแต่งงานกับผู้หญิงที่”ไม่เข้าตา”แบบนี้ได้ อีกทั้งยังดูแลเอาใจใส่ แต่ใครก็รู้ว่า บางทีอาจเป็นเพราะแม่ได้ดีเพราะลูกหรือเปล่า?
มู่เฉียวถอนหายใจอย่างโล่งอก หลับตา ความอ่อนแรงและผ่อนคลายของร่างกาย ทำให้เธอหลับไป
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คนก็มาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยแล้ว
โม่หานนั่งอยู่ข้างๆเตียงของเธอ กุมมือของเธอเอาไว้ เห็นเธอตื่นขึ้นมา ก็แสดงการโล่งอกอย่างชัดเจน ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ยังเจ็บอยู่ไหม?”
มู่เฉียวพบว่า ขณะที่โม่หานพูดคำนี้ ในดวงตามีน้ำตาคลอเบ้า
เธออยากจะหัวเราะเยาะเขา แต่พออ้าปาก หางตาก็มีน้ำตาไหลออกมา
“โม่หาน ฉันไม่อยากคลอดลูกอีกแล้ว”
แม่เดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อได้ยิน จึงกล่าวว่า “คุณคิดว่าตัวเองเป็นหมูเหรอ? ตั้งสามคนแล้ว ยังคิดจะคลอดลูกอีกเหรอ?”
ริมฝีปากของมู่เฉียวกลายเป็นเส้นตรง
เวลานี้ คุณนายโม่และคุณนายนายท่านโม่ก็เข้ามา ด้านหลังมีพยาบาลอุ้มเด็กสองคนตามเข้ามา
“แม่ คุณย่า….” เธอกล่าวทักทาย
“อย่าเพิ่งรีบพูด ตอนนี้ร่างกายคุณอ่อนแอ อย่าออกแรงมากไป” คนที่พูดคือคุณนายนายท่านโม่ พูดพลาง แสดงเจตนาให้กับพยาบาล “เอาเด็กสองคนมาให้แม่ดูสิ คนหนึ่งเหมือนแม่ คนหนึ่งเหมือนพ่อ ตระกูลโม่ของพวกเราช่างมีบุญวาสนาจริงๆเลย”
มู่เฉียวได้ยิน ในสายตาก็เป็นประกาย ค้ำร่างตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเธอได้เห็นลูกทั้งสองคน ก็เบะปาก มองโม่หาน “ทำไมขี้เหร่แบบนี้ล่ะ?”
ตอนมู่เสี่ยวโยวเกิดมา งดงามอย่างมาก เหมือนโม่หานถึงที่สุด สวยมาก แต่เด็กสองคนนี้ ใบหน้าขาวซีด มีรอยย่น คาดไม่ถึงว่าคุณนายนายท่านโม่จะบอกว่าเหมือนพวกเขา
คุณนายโม่ปิดปากหัวเราะเบาๆ คนหนึ่ง2.5กิโลกรัม อีกคนหนึ่ง2.7กิโลกรัม แน่นอนว่าไม่มีทางเทียบกับเสี่ยวโยวตอนนั้นได้ รอเวลาให้เติบโตสักหน่อย ก็สวยแล้ว”
มู่เฉียวพยักหน้า
สองวันต่อมา โม่หานอยู่กับมู่เฉียวสองวันแทบจะไม่ห่างไปไหน ชัดเจนว่ามีพยาบาลดูแลหลังคลอดแล้ว แต่เขาก็ยังดื้อรั้นช่วยเช็ดตัวให้เธอ
“คุณไม่กลัวเงามืดในอนาคตเหรอ?” มู่เฉียวละอายใจ จึงห้ามปรามเขา
“หนี้ของคุณไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ที่จะสามารถชดเชยได้”
มู่เฉียวน้ำตาคลอเบ้า สะอื้นเล็กน้อย เธอคิดว่าตนเองเกิดใหม่สามรอบก็ยังคงมีความสุข
หลังจากหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ โม่หานก็จ้างคนเข้ามาสามคน สองคนให้ดูและลูกแต่ละคน ส่วนอีกคนให้ปรนนิบัติมู่เฉียวโดยเฉพาะ บอกกับพ่อแม่รวมทั้งคุณนายโม่และคุณนายนายท่านที่เข้ามากันแทบทุกวัน คฤหาสน์ของเธอและโม่หานก็ดูครึกครื้นขึ้นมา
เดิมทีก็เป็นห่วงว่ามู่เสี่ยวโยวจะน้อยใน ที่ไหนได้เจ้าตัวน้อยคนนี้ กลับชอบเด็กสองคนอย่างมาก ทุกวันที่กลับมาจากโรงเรียนอนุบาลก็ต้องวิ่งเข้ามา ทำให้มู่เฉียวรู้สึกโล่งใจ
ชีวิตงดงามอย่างมาก ลูกสามคน มู่เฉียวก็ไม่ต้องเป็นห่วงจนเกินไป แต่ต้องปลงกับร่างกายที่อ้วน หลังจากทำการอยู่เดือนแล้ว น้ำหนักของเธอยังคงหนักกว่าตอนที่คลอดมู่เสี่ยวโยว เวลาก้มหน้า แทบจะมองไม่เห็นปลายเท้า แม่บอกว่า อาจเพราะเธอโครงสร้างเหมือนคุณยาย อาจจะผอมลงยากแล้ว เธออยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
หลังคลอดหนึ่งเดือน เธอไปตรวจอีกครั้ง คาดไม่ถึงคุณหมอแต่ละคนจะพูดว่า: “ตรวจครรภ์ชั้นล่างค่ะ”
ตรวจครรภ์???
โม่หานหัวเราะเบาๆอยู่ข้างๆ มู่เฉียวมองตนเองที่ยังคงเหมือนคนท้องสี่ห้าเดือนอยู่ ก็อยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ
เมื่อออกมา โม่หานจะไปจูงมือของเธอ แต่เธอเก็บมือไปด้านหลัง และอยู่ห่างจากเขาหลายเมตร
ชายหนุ่มมองเธอ อย่างจนปัญญา
ตรวจแล้วล้วนเป็นปกติทุกอย่าง เมื่อออกจากโรงพยาบาล อารมณ์ของมู่เฉียวก็หดหู่อย่างมาก