เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 452 ความผิดปกติของมู่เฉียว
เพราะเด็กทั้งสองต้องการนมแม่ แล้วระหว่างตั้งครรภ์เธอก็ถูกตรวจพบว่า บริเวณหน้าอกมีปัญหาเล็กน้อย ในช่วงเวลานั้นหมอแนะนำให้เธอขยายเวลาให้นมลูกให้นานที่สุดหลังจากคลอด ดังนั้นจึงไม่สามารถลดน้ำหนักได้ชั่วคราว
เมื่อเห็นเธอกับโม่หานเดินอยู่ด้วยกัน ทุกๆคนก็มองด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เธอจึงรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย
เธอไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น แต่เธอไม่อยากให้โม่หานถูกคนอย่างนี้วิพากษ์วิจารณ์
เมื่อมาถึงที่จอดรถใต้ดิน โม่หานก็ไม่ได้สตาร์ตรถ เขานั่งอยู่ฝั่งคนขับมองมู่เฉียว นิ้วเรียวยาวเชยคางเธอขึ้น ก้มลงไปคิดที่จะจูบ
แต่ถูกมู่เฉียวหลบหลีก “ที่นี่คนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ คุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
โม่หานออกแรงเล็กน้อยหันหน้าเธอกลับมา ประกบลงไปอีกครั้ง ด้วยอารมณ์ความรักของทั้งสอง ทำให้มู่เฉียวลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ
หลังจากแยกจากกันแล้ว เธอเห็นความรักที่จริงใจในสายตาของโม่หาน เธอไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าโม่หานใช้วิธีนี้เพื่อจะบอกเธอว่า เขาไม่ได้สนใจว่าเธอจะเปลี่ยนจนกลายเป็นอย่างไร
แต่เธอก็ยังคงเจ็บปวดใจอยู่
เวลานั้นหลังจากคลอดมู่เสี่ยวโยวแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะอ้วน แต่เมื่อเทียบกับวันนี้ นั่นแตกต่างกันหลายระดับเหลือเกิน
ต่อมาเธอก็ไม่กล้าออกจากบ้าน แล้วก็ไม่กล้าออกไปกับโม่หานอีก
นอกจากจะป้อนนมลูกทั้งสองคนแล้ว เธอก็ค่อยๆคิดในแง่ลบ ทั้งอ่อนไหว ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ
แม่เห็นความผิดปกติของเธอ จึงบอกเธอว่าอย่ากังวล รอหย่านมแล้ว ค่อยลดน้ำหนัก แต่เธอก็ดูถูกตนเองเล็กน้อย ในเวลานั้นมันมีแรงกระตุ้นจากคนตระกูลโม่กับโม่หานและก็การทำงาน แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงกระตุ้นอะไรเลย ก็รู้ว่าอารมณ์อย่างนี้มันไม่ดี แต่ก็รู้สึกซึมเศร้าไม่มีชีวิตชีวาเลย
แม้ว่าโม่หานจะพยายามหยอกล้อให้เธอมีความสุขทุกๆวัน แต่รอยยิ้มของเธอยังคงลดน้อยลง
คนในครอบครัวค่อยๆตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ คุณนายโม่จึงเชิญหมอมา หมอบอกว่าเธออาจเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด
หลังจากที่หมอไปแล้ว มู่เฉียวก็ค้นหาในอินเทอร์เน็ต ดูเหมือนว่าจะพูดไม่ผิดเลย เธอบอกตนเองให้พยายามปรับสภาพจิตใจ แต่เมื่อพบเจอเรื่องเล็กๆน้อย ก็เกิดขึ้นมาอีกอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เฉียวเอ๋อ คุณไม่สบายใจอะไร คุณก็บอกแม่ได้นะ อย่าให้อัดอั้นอยู่ในใจ คุณดูสิตอนนี้คนบ้านสามีของคุณปฏิบัติกับคุณดีขนาดนี้ ลูกๆก็มีแล้ว โม่หานก็ทำดีกับคุณมาก ชีวิตมีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆนะ
มู่เฉียวมองแม่ ไม่อยากพูดอะไร อันที่จริงเธอรู้สึกว่าตนเองเป็นประสาทเล็กน้อย แม้แต่อารมณ์ก็หดหู่ ไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่ชีวิตคู่สามีภรรยา
เธอคิดไปเองว่า ที่โม่หานยังเต็มใจใช้ชีวิตคู่สามีภรรยากับเธอ เพียงเพื่อทำให้เธอมีความสุข
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของคนก็คือการอยู่ในโลกจองตัวเอง
เธอเริ่มต่อต้านการสัมผัสใกล้ชิดกับโม่หาน และทั้งสองคนก็เริ่มแยกผ้าห่มกันนอน
ตอนแรกๆโม่หานก็เกลี้ยกล่อมเธอหยอกล้อเธอ แต่ทุกๆครั้งที่โม่หานไปสัมผัสร่างกายเธอ เธอก็โดดลงจากเตียงอย่างบ้าคลั่ง แล้วนำผ้าห่มมาพันตัวเองไว้แน่น
นานๆไปโม่หานก็ไม่ทำอีก เขาไม่หยอกล้อเธอ อีกทั้งเธอก็รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป แล้วก็ระแวงว่าโม่หานต้องนอกใจอย่างแน่นอน
การอยู่ร่วมกันแบบนี้ เธอเหนื่อยมาก และเธอรู้ว่าโม่หานก็เหนื่อย
จนกระทั่ง หลังจากโม่หานเชิญโค้ชฟื้นฟูหลังคลอดคนหนึ่งที่ดีที่สุดในเมืองAเข้ามา เธอก็ต้องหดหู่ใจถึงที่สุด เธอเอะอะโวยวายกับคนอื่น แล้วยังทำลายข้าวของภายในบ้าน ปากบอกว่าโม่หานรังเกียจเธอ
แท้ที่จริงแล้ว ภายในใจ มีเสียงบอกเธออย่างชัดเจนว่า โม่หานเพียงแค่ทำเพื่อเธอ แต่คนก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงด้านร้าย
มู่เฉียวรู้สึกว่าตอนนี้เธอกำลังมองโลกในแง่ร้าย เรื่องที่ทุกคนทำ เธอล้วนคิดในแง่ร้าย มู่เฉียวที่มองโลกในแง่ดี เหมือนกับว่าจะวิ่งสวนทางกันกับเธอ
หลังจากไล่โค้ชฝึกสอนไป มู่เฉียวก็ขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว เธอยืนอยู่หน้ากระจก ถอดเสื้อผ้าของตนเองออก เมื่อเห็นเนื้อหนังที่อ้วนฉุของร่างกายนั้น เธอก็ปิดหน้าแล้วร้องไห้อย่างเจ็บปวด
ขณะที่เธอพยายามปรับอารมณ์ความรู้สึกให้ดีขึ้น เมื่ออยากให้ตนเองพยายามเดินออกมา แต่กลับเห็นภาพของโม่หานที่นัดพบกันกับหลินซาน
มองภาพของคนนั้นที่ดูสดใส ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ที่ครึ่งตัวพิงอยู่บนตัวของผู้ชายของตนเอง มู่เฉียวมองตนเองอีกครั้ง ยากที่จะสู้ได้ เหมือนถูกน้ำเย็นสาดเข้ามาอีกครั้ง
เธอเริ่มปฏิเสธที่จะร่วมห้องกับโม่หาน
“ภรรยา นั่นเป็นข่าวไร้สาระของสื่อมวลชน แค่ร่วมรับประทานอาหารกับแผนกพวกเขาครั้งหนึ่ง หลินซานดื่มไปเยอะ แล้วฉันกำลังรอรถอยู่ด้านนอก เธอพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฉันหลีกหนีไม่ทัน จึงถูกสื่อมวลชนถ่ายรูป คุณภรรยา คุณเปิดประตูหน่อยได้ไหม?”
มู่เฉียวได้แต่พิงประตูร้องไห้ เธอคิดว่าจนเองสามารถเชื่อโม่หานได้ แต่เธอไม่อยากพบหน้าเขา
“คุณภรรยา ฉันผิดไปแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะให้หลินซานลาออก ดีไหม? คุณออกมาก่อน ได้ไหม?”
มู่เฉียวปิดหน้า เจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัส
เธอเคยคิดว่าภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของผู้หญิง เกิดจากการนิสัยที่เอาแต่ใจ แต่เวลานี้ เธอเพิ่งรู้ว่า ความเจ็บปวดใจนี้ กดดันจนเธออึดอัดใจ
ต่อมา มู่เฉียวก็ร้องไห้แล้วหลับไปตลอด
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โม่หานก็นอนอยู่ข้างๆเธอแล้ว ประสานมือทั้งสองไว้หลังศีรษะ หลับตา ผู้ชายแบบนี้ สมบูรณ์แบบจนทำให้คนไม่สามารถละสายตาได้
เธอยกมือขึ้น คลำใบหน้าของเขาเบาๆ ช่วงนี้ทรมานตนเอง จนซูบผอมลงไปไม่น้อย มู่เฉียวสงสารอย่างมาก แล้วก็ยิ่งเกลียดตัวเอง
ชายหนุ่มสามารถรู้สึกได้ถึงสัมผัสของเธอ เมื่อมู่เฉียวเตรียมจะดึงมือกลับ โม่หานก็กุมฝ่ามือของเธอไว้อย่างรวดเร็ว แล้วยิ้มมุมปาก “คุณภรรยา”
เวลานี้ มู่เฉียวได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างรวดเร็ว เธอลุกขึ้นนั่ง คุกเข่าบนเตียง แล้วโน้มตัวลง จูบบนริมฝีปากของชายหนุ่ม
ทุกสิ่งทุกอย่างคล้ายกับดีขึ้นมา
แต่เมื่อมือของชายหนุ่มจับที่เอวของเธอ เธอก็เหมือนกับถูกไฟช็อต กระโดดออกอย่างรวดเร็ว ทำท่าทางจะลงจากเตียง มือของเธอก็ถูกดึงเอาไว้ โม่หานมองมู่เฉียวอย่างเจ็บปวดใจ “ถ้าเป็นเพราะอ้วน จึงทำให้คุณดูถูกตัวเองแบบนี้ อย่างนั้นพวกเราก็ไปลดน้ำหนักกัน มู่เฉียว ทำไมคุณถึงไม่ยอมเชื่อฉัน ฉันไม่เคยสนใจว่าคุณจะเปลี่ยนไปอย่างไร ฉันสนใจแค่เป็นมู่เฉียว แค่เป็นคุณ เท่านั้น”
มู่เฉียวมองโม่หาน ในใจเธอรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ปากกล่าวว่า: “ถ้าฉันไม่ลดน้ำหนัก มีรูปร่างแบบนี้ คุณก็จะหย่าเหรอ”
คำพูดที่พูดออกมานี้ คนทั้งสองต่างก็ตกตะลึง มู่เฉียวเห็นความเจ็บปวดในสายตาของโม่หาน แต่เธอก็ยังออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามอง