เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) 混沌剑神 - ตอนที่ 18 อัตราการบ่มเพาะพลังด้วยแกนอสูร
- Home
- เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) 混沌剑神
- ตอนที่ 18 อัตราการบ่มเพาะพลังด้วยแกนอสูร
Chaotic Sword God ตอนที่ 18 อัตราการบ่มเพาะพลังด้วยแกนอสูร
ได้รับแกนอสูรระดับหนึ่งทุกเดือนและสามารถเข้าไปใน 5 ชั้นแรกของหอหนังสือได้อย่างอิสระ ได้ยินคำอธิบายเช่นนั้นของไป่เอิน หัวใจเจี้ยนเฉินพองโตขึ้นอย่างน่าพิศวง เป็นไปได้หรือที่จะมีลูกศิษย์ได้รับแกนอสูรระดับหนึ่งทุกเดือน และใครจะคาดคิดว่าหอหนังสือที่มีข้อจำกัดมากมายจะถูกอนุญาตได้เช่นนี้กัน
หลังจากรับเหรียญรางวัล เจี้ยนเฉินวางแผนเรียบร้อย ในการที่จะพูดคุยกับพี่ใหญ่ เจียงหยางหู่ เกี่ยวกับสิ่งนี้ทีหลัง เขาอยู่ในสำนักนี้เป็นเวลา 3- 4 วันแล้ว แต่ใช้เวลาถึง 3 วันไปกับการแข่งขันของเหล่าเด็กใหม่ แม้ว่าวันแรกที่เขาแทบให้เวลากับตัวเองกว่าค่อนวัน ดังนั้นเขาจึงมีเวลาน้อยมากที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสำนักนี้
หลังจากเจี้ยนเฉินออกจากเวทีการประลอง เถี่ยต้าและเทียนมู่หยงก็เดินเข้าไปรับรางวัลของพวกเขา หลังจากพิธีสิ้นสุด บรรดาลูกศิษย์ได้เริ่มแล้วจะแยกย้ายกันไป
น้องสี่ เจ้าช่างน่าตื่นตาตื่นใจมากจริง ๆ ! เจ้าได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขันจริง ๆ ด้วย หากท่านพ่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันแน่นอนว่าเขาจะต้องมีความสุขมาก ขณะที่ทั้งสองเดินไปที่ห้องพักของเขา เจียงหยางหู่ นั้นไม่อาจเก็บความสุขของเขาไว้ได้ขณะที่พูดคุยกับเจี้ยนเฉิน
ขณะที่ทั้งสองยังคงพูดคุย เจี้ยนเฉินเริ่มที่จะหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขารู้สึกอบอุ่นเมื่อระลึกถึงมารดาของเขา
ถ้าท่านแม่รู้เรื่องนี้ มันแน่นอนว่านางจะต้องมีความสุขมากทีเดียว เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง
ชั่วพริบตาเดียวเจียงหยางหู่และเจี้ยนเฉินก็มาถึงที่หอพักและเข้าไปในห้องของเจี้ยนเฉิน เจียงหยางหู่ถามขึ้นด้วยความใจร้อน น้องสี่ เร็วเข้าสิ!. รีบเอาแกนอสูรขั้นสามมาให้ข้าดูหน่อย
เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของเจียงหยางหู่ เจี้ยนเฉินหัวเราะและนำแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติ ยื่นมันไปยังเจียงหยางหู่
เจียงหยางหู่รับแกนอสูรมาถือไว้ในมือของเขาและหมุนดูรอบ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกือบราวกับว่ามันเป็นของรักของหวง เขาเดาะลิ้นตัวเองด้วยความชื่นชม น้องสี่ เจ้าช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง เจ้าแทบจะได้รับแกนอสูรขั้นสามทันทีหลังจากที่เข้าสำนัก พี่ชายของเจ้าอยู่ที่สำนักนี้มากว่าสองปี มากที่สุดข้าก็ได้รับเพียงแกนอสูรระดับสอง นอกจากนี้ข้ายังต้องจ่ายเงินสำหรับมัน
ได้ยินอย่างนี้แล้ว เจี้ยนเฉินก็เพียงแค่หัวเราะออกมา พี่ใหญ่ ข้าเคยได้ยินว่าท่านได้มาถึงจุดสูงสุดของระดับสิบ และเร็ว ๆ นี้ท่านจะตัดผ่านไประดับเซียน ท่านควรจะใช้แกนอสูรระดับสามนี้ เจี้ยนเฉินไม่ได้ถือแกนอสูรเป็นสิ่งที่สำคัญนัก ถึงแม้ว่าแกนอสูรระดับสามจะเพิ่มอัตราการบ่มเพาะพลังก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ต้องการมันมากเท่าไหร่นัก
เจียงหยางหู่ตะลึงกับคำพูดของเจี้ยนเฉิน เขารีบยัดแกนอสูรระดับสามใส่มือของเจี้ยนเฉินและกล่าวว่า นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ แกนอสูรระดับสามอันนี้ น้องสี่ เจ้าได้รับมันด้วยความอุตสาหะของเจ้า แล้วจะให้พี่ใหญ่นำมันไปใช้เช่นนี้ได้อย่างไร
จ้องมองแกนอสูรที่กลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง เจี้ยนเฉินยิ้ม เขาชื่นชมการกระทำของเจียนหยางหู่อย่างแท้จริง อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเจียงหยางหู่จะเป็นเหมือนพี่สามของเขา เจียงหยางเค่อ และจะกลายเป็นอุปสรรคต่อเขา
อีกครั้งหนึ่งที่เจี้ยนเฉินวางแกนอสูรระดับสามใส่มือของเจียงหยางหู่ พี่ใหญ่ นี่เป็นแกนอสูรระดับสามที่เหมาะกับท่าน ครั้งนี้เจี้ยนเฉินอยากให้เจียงหยางหู่ยอมรับแกนอสูรอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าไม่ ! เจียงหยางหู่ปฏิเสธที่ออกมาอย่างหนักแน่นและชัดเจน โดยไม่ต้องลังเลใด ๆ เขาส่งแกนอสูรกลับไปให้เจี้ยนเฉินและกล่าวว่า น้องสี่ แกนอสูรนี้ควรถูกใช้โดยเจ้า นี่คือรางวัลของเจ้าสำหรับการเป็นผู้คุมกฏ แน่นอนว่าสิ่งนี้ พี่ชายของเจ้าย่อมไม่ต้องการเอามันไปจากเจ้าเลยสักนิด
เมื่อเห็นการยืนกรานอย่างหนักแน่นของเจียงหยางหู่ เจี้ยนเฉินจึงรู้สึกช่วยไม่ได้ที่จะนำแกนอสูรระดับสามกลับมา
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะถามพี่ชายของเขา ไม่กี่คำถามเกี่ยวกับความเป็นไปของสำนักนี้ กว่าหนึ่งชั่วยามที่เจียงหยางหู่ค่อย ๆ อธิบายกฎบางข้อที่เจี้ยนเฉินไม่เข้าใจอย่างละเอียดรอบคอบ ในไม่ช้าเจี้ยนเฉินก็คุ้นเคยกับสำนักแห่งนี้ ลำดับแรกคืออาจารย์ใหญ่ของสำนักคากัตนี้ซึ่งเป็นผู้ให้การช่วยเหลือแก่คนที่ไม่ได้มีพื้นเพมาจากตระกูลที่สูงส่ง ถ้าเขาพบว่ามีการกลั่นแกล้งลูกศิษย์สามัญผู้ยากจน แน่นอนว่าผู้ที่ทำจะไม่สามารถที่จะหลบหนีจากการลงโทษได้ หากเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างคนชั้นสูง เขาจะทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือมากกว่านั้นคือเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับพวกมันทั้งหมด
นอกจากนี้ภายในสำนักคากัต ลูกศิษย์จะต้องก้าวไปเป็นเซียนระดับสูงเพื่อที่จะสำเร็จการศึกษา บรรดาผู้ที่สำเร็จการศึกษา มีทางเลือกที่จะยังคงอยู่ในสำนักนี้หรือด้วยการแนะนำของสำนักคากัต พวกเขาสามารถให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรและเข้าร่วมในกองทัพได้ สำหรับผู้ที่มีศักยภาพสูงจะสามารถได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้นด้วยข้อเสนอของสำนัก
ภายในสำนักแห่งนี้ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนลงไปจะมีโอกาสได้รับแกนอสูรระดับหนึ่งทุกเดือนในการบ่มเพาะพลัง หากเป็นลูกศิษย์ระดับเซียนที่สามารถสร้างอาวุธเซียนจะได้รับแกนอสูรระดับสองทุกเดือน นอกเหนือจากนี้ ลูกศิษย์เหล่านี้ยังจะสามารถที่จะไปยังป่าที่ห่างจากสำนักคากัตราว 20 ไมล์ เพื่อล่าสัตว์อสูรและเอาแกนอสูรของพวกมัน แม้ว่าป่าจะไม่ได้ใหญ่มากนัก มันก็ยังคงกว้างถึง 10 กิโลเมตรจากพื้นที่บริเวณนั้น สัตว์อสูรที่อยู่ภายในป่าทั้งหมดนั้นสามารถล่าได้อย่างอิสระ แต่พวกมันส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ โดยทั่วไประดับของสัตว์อสูร พวกมันมีความแข็งแกร่งอยู่ในสัตว์อสูรระดับต่ำ และการโจมตีที่ได้รับก็ไม่ได้รุนแรงนัก
สำนักคากัตเพาะพันธุ์สัตว์อสูรระดับต่ำเหล่านี้สำหรับลูกศิษย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ์ของพวกเขาในสถานการณ์ต่อสู้จริง ตลอดจนเพื่อให้สัตว์อสูรปรับตัวให้เข้ากับป่า สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในป่าก็ไม่แข็งแกร่งเกินไปกว่าระดับสอง ในขณะเดียวกันก็มีสัตว์มากมายที่เป็นเพียงแค่สัตว์ป่าปกติ ซึ่งไม่อาจวัดว่าเป็นสัตว์อสูรระดับหนึ่งด้วยซ้ำ แต่ถ้าสัตว์อสูรระดับสองปรากฏตัวขึ้นมา ทางสำนักจะส่งผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนไปดูแลป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรทำร้ายลูกศิษย์บาดเจ็บ
โดยป่าถูกแยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกก็เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่ไม่ถึงระดับ 1 ของสัตว์อสูร ส่วนที่สองคือสถานที่ที่มีสัตว์อสูรระดับ 1 อาศัยอยู่ ส่วนสุดท้ายก็เต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับ 2 อาศัยอยู่ ทั้งสามส่วนได้รับการปิดผนึกและได้รับการปิดกั้นจากศัตรูอย่างสมบูรณ์ด้วยฝีมือของอาจารย์ใหญ่คนก่อน จึงไม่มีใครจะมีความกังวลเรื่องสัตว์อสูรหนีออกมาจากป่า
สำนักแห่งนี้ ยังมีหอหนังสือซึ่งได้รับการแยกออกเป็น 7 ชั้น ภายในหอหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมากและข้อมูลที่หลากหลาย นอกเหนือจากหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทวีป นอกจากนั้นยังมีคัมภีร์เคล็ดวิชาลับสำหรับผู้ฝึกยุทธอีกจำนวนหนึ่ง ลูกศิษย์ที่ยังไม่ถึงระดับเซียนจะสามารถเข้าถึงหอหนังสือได้เพียง 2 ชั้นแรกเท่านั้น ขณะที่ลูกศิษย์ระดับเซียนและสามารถกลั่นอาวุธเซียนของตัวเองได้ พวกเขาจะได้รับการยินยอมในการเข้าไปในชั้นสามและชั้นสี่ สำหรับชั้นที่สูงไปกว่านั้น มีเพียงแค่อาจารย์หรือลูกศิษย์ที่เป็นเซียนระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้าไปได้
…..
ในที่สุดเจียงหยางหู่ก็สามารถอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับสำนักแห่งนี้ให้เจี้ยนเฉินฟังจนหมด มันก็ดึกมากแล้ว เจียงหยางหู่จึงรีบออกมาจากหอพักของเจี้ยนเฉินและวิ่งกลับไปหอพักของเขาเอง
ในขณะเดียวกันที่ด้านบนสุดของหอคอยที่ตั้งอยู่ในใจกลางของสำนักคากัต รองอาจารย์ใหญ่ไป่เอินยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ที่ด้านหน้าของเขาคืออาจารย์ใหญ่ที่เจี้ยนเฉินเคยพบมาก่อน
อาจารย์ใหญ่ของสำนักคากัตยกมือของเขาขึ้นมาลูบเครายาวของเขา เขามองไปที่รองอาจารย์ใหญ่และกล่าวว่า ไป่เอิน เจ้าจะบอกว่าชื่อของลูกศิษย์หน้าใหม่ที่ได้รับชัยชนะในการแข่งขัน เป็นเด็กที่ชื่อว่าเจียงหยาง เซียงเทียน? น้ำเสียงอาจารย์ใหญ่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ไป่เอินพยักหน้าและกล่าวว่า ใช่ ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าพบว่า เจียงหยาง เซียงเทียน ค่อนข้างโดดเด่น เขาอยู่เพียงระดับแปดของพลังเซียน แต่แล้วกลับสามารถเอาชนะลูกศิษย์ระดับเก้าได้ การโจมตีของเขาไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังค่อนข้างคล่องตัวและว่องไว นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าเขาจะมีประสบการณ์ด้านการต่อสู้มากมาย ซึ่งเขาไม่ควรจะมีมัน แม้เถี่ยต้าจะที่มีร่างกายที่ได้รับพลังจากสวรรค์ก็ยังพ่ายแพ้ต่อเจี้ยนเฉินที่ใช้รูปแบบการโจมตีที่เรียบง่ายโดยไม่สามารถตอบโต้ได้
ได้ยินเช่นนี้ อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้วของเขาและถามว่า ไป่เอิน สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ? เจียงหยางเซียงเทียนน่าประหลาดใจถึงเพียงนั้นจริงหรือ?
เรียนอาจารย์ใหญ่ ทุกอย่างที่ข้าพูดคือเรื่องจริง ไป่เอินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง
อาจารย์ใหญ่ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเขาและพึมพำว่า มันดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ เจียงหยางเซียงเทียน เป็นอัจฉริยะมากกว่าที่เจียงไป่ได้กล่าวไว้ เขาไม่ได้ใช้แกนอสูรหรือสมบัติสวรรค์ใด ๆ และเขาก็ยังก้าวไปที่ระดับแปดของพลังเซียนด้วยอายุเพียง 15 ปี ช่างเป็นความสำเร็จที่น่าพิศวงนักที่จะคิดว่าเขายังเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการต่อสู้มากมายจนไม่อาจหยั่งถึง แม้อาจารย์ใหญ่ก็ยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ได้ยินเสียงพึมพำของอาจารย์ใหญ่กับตัวเอง ไป่เอินยังมีความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้ใช้สมบัติสวรรค์หรือแกนอสูรเพื่อบรรลุระดับแปดโดยที่มีอายุเพียง 15 ปี คนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ในอาณาจักรเกอซุนสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่ฟ้าประทานมาเลยก็ว่าได้
อาจารย์ใหญ่ มันดูราวกับว่าเจียงหยางเซียงเทียนมีอนาคตอันไร้ขีดจำกัด ไป่เอินถอนหายใจออกมา
อาจารย์ใหญ่พยักหน้าและกล่าวว่า ตราบใดที่เขายังคงก้าวหน้าในอัตราเช่นนี้ ด้วยทักษะที่เขาแสดงในวันนี้ แน่นอนมันจะพัฒนาไปสู่บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดูเหมือนว่าสำนักคากัตของเรา ในที่สุดก็จะสามารถที่จะโอ้อวดบุคคลที่แข็งแกร่ง ตราบใดที่เขาไม่ตายบนเส้นทางที่กว้างใหญ่เช่นนี้
ตราบใดที่เขาเติบโตเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งของทวีปเทียนหยวนแล้ว ไม่เพียงแต่สำนักคากัตของเราจะกลายเป็นที่รู้จักกันดี แม้แต่อาณาจักรเกอซุนของเราก็จะมีชื่อเสียงมากขึ้น ภายในทวีปตอนนี้ อาณาจักรรอบตัวเรามีความแข็งแกร่งและระส่ำระสายมากขึ้น หลังจากนี้ 10 ปีหรือถ้าอาณาจักรเกอซุนของเราไม่ได้มีบุคคลที่แข็งแกร่งใด ๆ แล้ว ข้าเกรงว่าไม่ช้าก็เร็วอาณาจักรของเราจะถูกโจมตี
หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าไป่เอินเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมา อาณาจักรเกอซุนนี้อาจไม่ได้กว้างใหญ่ มันเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ แต่ก็อุดมสมบูรณ์ทำให้หลายอาณาจักรโดยรอบก็อิจฉา ถ้ามันไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในอาณาจักรเกอซุนแล้วล่ะก็ เกรงว่าอาณาจักรโดยรอบคงโจมตีพวกเขาไปนานแล้ว
ไปเอิ่นครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนที่ถามอย่างระมัดระวัง อาจารย์ใหญ่ เราควรพิจารณาที่จะให้แกนอสูรระดับหนึ่งและสองอย่างอิสระ ? วิธีการนี้ที่เราจะสามารถกระชับความสัมพันธ์ของเรากับเขาได้
อาจารย์ใหญ่พิจารณาข้อเสนอของรองอาจารย์ใหญ่ ก่อนที่จะส่ายหน้าของเขา นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าการใช้แกนอสูรสามารถใช้ในการเพิ่มอัตราการบ่มเพาะพลังคน ๆ หนึ่ง แต่พวกมันมีผลข้างเคียงว่าเป็นการดูถูกเขา เจียงหยางเซียงเทียนยังเด็กนัก พวกเราไม่ควรให้เขากลายเป็นเด็กที่เสพติดแกนอสูร มิฉะนั้นรากฐานของเขาจะสั่นคลอนมาก ซึ่งจะขัดขวางความก้าวหน้าในอนาคตของเขา ด้วยอายุปัจจุบันของเขา ควรเน้นการฝึกวินัยในตนเองอย่างเงียบ ๆ มันจะช่วยวางรากฐานและเพิ่มโอกาสที่เขาประสบความสำเร็จในการตัดผ่าน
รับทราบ ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าเข้าใจสิ่งที่ต้องทำตอนนี้แล้ว ไป่เอินไม่กล้าที่จะคัดค้านอาจารย์ใหญ่ นอกจากนี้สิ่งที่อาจารย์ใหญ่ได้กล่าวออกมา มันก็ดูสมเหตุสมผลมากทีเดียว
อาจารย์ใหญ่ ท่านวางแผนอย่างไรกับเถี่ยต้า? ไป่เอินถาม
พรุ่งนี้เช้านำเถี่ยต้ามาพบข้า ถ้าเขายินดี ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ส่วนตัว อาจารย์ใหญ่ตอบหลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับมันในขณะนั้น
รับทราบ ท่านอาจารย์ใหญ่!
หลังจากเจียงหยางหู่ออกจากห้องของเขา เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนเตียงของเขาและแยะแยะข้อมูลใหม่ ในขณะที่ เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงและพร้อมกับแกนอสูรระดับสามในมือของเขา และเริ่มที่จะดูดซับพลังงานจากแกนอสูรระดับสามเข้าไปในร่างกายของเขา
ภายในแกนอสูรเป็นจิตวิญญาณของสัตว์อสูร พลังงานภายในนั้นไม่เพียงแต่บริสุทธิ์เท่านั้น แต่ยังเป็นพลังงานธรรมชาติที่แข็งแกร่งมาก ตามที่เจียงหยางหู่ได้เคยได้กล่าว ในเวลานั้นเองเจี้ยนเฉินเริ่มที่จะดูดซับแกนอสูรแล้ว เขาจะเริ่มรู้สึกถึงกระแสที่ยาวนานของพลังงานบริสุทธิ์และแข็งแรงไหลออกมาจากแกนกลาง มันไหลผ่านแขนของเขาและค่อย ๆ ถูกดูดซึมในร่างกายของเขา
เจี้ยนเฉินจัดการกับการรั่วไหลออกไปด้านนอกของแกนอสูรโดยนำทางพลังงานนั้นเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง การปรับแต่งพลังงานเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาค่อย ๆ เปลี่ยนพลังงานเป็นพลังเซียน ก่อนที่จะค่อย ๆ ดูดซับลงในจุดตันเถียนของเขา
การใช้แกนอสูรในการบ่มเพาะพลังช่วยให้การบ่มเพาะพลังรวดเร็วขึ้น .. เพราะตามปกติจะมีการดูดซับพลังงานโลกอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะแปลงให้เป็นพลังของตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับพลังงานบริสุทธิ์จากแกนอสูรได้ ปราณธรรมชาติ ไม่สามารถเปรียบเทียบกับพลังงานจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของแกนอสูร นอกจากนั้นจิตวิญญาณของแกนอสูรยังเป็นส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดของสัตว์อสูร ด้วยการใช้พลังงานจากแกนอสูร ความเร็วในการบ่มเพาะพลังจะเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ด้วยเหตุนี้แกนอสูรจึงมีราคาแพงมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแกนอสูรระดับหนึ่งก็ตาม
รัศมีของแสงหลากสีค่อย ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดิน ดวงอาทิตย์สีแดงสดใสในที่สุดก็พยายามที่จะเคลื่อนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่องแสงออกมาด้วยแสงที่อ่อนโยนและอบอุ่น แสงแดดสีทองที่อาบแผ่นดิน ราวกับพื้นดินโดยรอบถูกเคลือบไปด้วยทองคำ
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินซึ่งนั่งไขว้ขาอยู่บนเตียง เขาลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความสุขและมุมปากของเขายังคงมีรอยยิ้มที่ติดอยู่ หลังจากการบ่มเพาะพลังเมื่อคืน เจี้ยนเฉินได้รับประโยชน์อย่างมากโดยเทียบได้กับการบ่มเพาะพลังหลายวัน โดยการดูดซับพลังงานภายในแกนอสูรนั้นทำให้ความเร็วการบ่มเพาะพลังของเจี้ยนเฉินได้เพิ่มขึ้นถึงสิบส่วน ตอนนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังเซียนในจุดตันเถียนของเขา บนพื้นฐานการคำนวณของเขา เขาคาดว่าเขาก็อยู่ไม่ไกลจากการบรรลุถึงระดับเก้าของพลังเซียน ด้วยอัตราความเร็วในปัจจุบันของเขา มันไม่ควรจะถึงสัปดาห์ที่เขาจะตัดผ่านระดับเก้าของพลังเซียน
แน่นอนนั้นมันก็เป็นเพียงการคาดการณ์ของเจี้ยนเฉิน ซึ่งมันต้องได้รับการทดสอบ
หากความจริงที่ว่าปริมาณของพลังงานที่เจี้ยนเฉินได้ดูดซับจากภายในแกนอสูรมากกว่าที่บ่มเพาะพลังตามปกติถึงสิบส่วนเปิดเผยออกไป พวกเขาจะต้องรู้สึกตกใจเป็นอันมาก แม้ว่าแกนอสูรสามารถเพิ่มอัตราการบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็ว มันก็ยังห่างไกลจากการได้รับมันเต็มสิบส่วน ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนปกติใช้แกนอสูรเพื่อบ่มเพาะพลังนั้นจะเพิ่มอัตราการบ่มเพาะพลังได้ 2-3 ส่วนเท่านั้น แม้ว่าคนที่มีพลังมากขึ้นอัตราการบ่มเพาะพลังของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเพียง 6-7 ส่วน พิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าพลังของเจี้ยนเฉินยังไม่ถึงระดับเซียน แต่เขาสามารถเพิ่มอัตราการบ่มเพาะได้ถึงสิบส่วน มันชัดเจนว่าเป็นความก้าวหน้าที่น่ากลัวยิ่งนัก
มองแกนอสูรในมือของเขา แม้ว่าสีของแกนอสูรไม่ได้เปลี่ยนไป แต่เจี้ยนเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแกนอสูรมีขนาดเล็กลงหลังจากที่มันอยู่ในมือของเขาตลอดเวลา
หลังจากออกจากหอพัก เจี้ยนเฉินตรงมาถึงที่ห้องอาหาร เช้านี้อาหารเช้าที่ห้องอาหารอุดมสมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนี้ภายในแก้วก็ยังเป็นนมจากสัตว์อสูร ก็ยังมีบางส่วนของเนื้อสัตว์อสูรที่เจี้ยนเฉินเคยได้กินตอนที่อยู่ตระกูลเจียงหยาง ซึ่งในโลกของเขาก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินไม่เคยกินอาหารอร่อยเช่นนี้มาก่อน