เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 102 มีปัญหา มีเรื่องที่ไม่ชัดเจน
ครับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบพูดขานรับทันที
ตามมาด้วย หลิวหลินมองไปยังฉินเฟิง ค่อนข้างที่ไม่อยากจะพูด แต่ว่ายังคงพูดกล่าวว่า : ขอบคุณนะ แหล่งกบดานนี้ พวกเรากำลังสืบหามาโดยตลอด แต่ว่าแอบซ่อนไว้มิดชิดเลย ในที่สุดวันนี้ก็จับพวกเขาได้แล้ว ส่วนคนที่คอยคุ้มกันนั่น คุณวางใจได้ ฉันไม่มีทางผ่อนผันให้โดยไม่มีหลักการแน่ จะต้องนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายแน่นอน
เธอเกลียดฉินเฟิงทายาทเศรษฐีคนนี้ แต่ว่าหน้าที่ต้องเป็นหน้าที่
แม้ว่าเธอไม่รู้ ทำไมทายาทเศรษฐีคนนี้ถึงได้ปิดบังไว้ แถมยังทำเรื่องที่ดี แต่จากการสันนิษฐานทายาทเศรษฐีส่วนใหญ่แล้ว ไม่น่าจะใช่คนที่ใจดีมีเมตตา
ก็เหมือนกับครั้งก่อน เบื้องบนออกคำสั่งมาเลยยังไงอย่างนั้น
สำหรับเธอแล้ว สิ่งที่เกลียดมากที่สุดก็คือพฤติกรรมของทายาทเศรษฐีแบบนี้ ตระกูลมีทั้งอำนาจและกองกำลัง ไม่ธรรมดา สักวันหนึ่ง เขาจะต้องจับตัวฉินเฟิงให้ได้
มีรางวัลไหม?
ทันใดนั้น ในเวลานี้อิ่นหนิงหยู่ที่อยู่เบื้องหลังของฉินเฟิง โผล่ศีรษะออกมาพร้อมเอ่ยถาม
มีมันก็มีอยู่หรอก หนึ่งแสนหยวน แต่ว่าเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน คนที่หนึ่งอาทิตย์มีเงินพันล้าน เอาเงินหนึ่งแสนก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้นำมาสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ตำรวจดีกว่า หรือไม่ก็ซื้อสุนัขตำรวจเพิ่มสักสามสี่ตัว
หลิวหลินส่ายหน้าแล้ว กลับว่าไม่อยากให้ฉินเฟิงทายาทเศรษฐีคนนี้
ไอ้หมอนี่ไม่ได้ขาดแคลนเงิน
หนึ่งแสนหยวน ให้ทายาทเศรษฐีคนนี้ สู้บริจาคให้โครงการสงเคราะห์เด็กจะดีกว่า
พูดจบ หลิวหลินก็ไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุแล้ว เพียงแต่ว่าอิ่นหนิงหยู่ไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ เดินตามไปอย่างโมโห ไม่นานก็ออกมาแล้ว เขย่าๆโทรศัพท์มือถือ : คุณฉิน เห็นแล้วยัง หนึ่งแสนหยวน ไม่ขาดแม้แต่สตางค์เดียว
ด้านบนมียอดเงินโอน
หลิวหลินแค่รู้สึกว่าฉินเฟิงไม่ได้ขาดแคลนเงินก็เท่านั้น คิดอยากที่จะนำเงินหนึ่งแสนหยวนนี้ไปทำเรื่องที่ดีกว่านี้ แต่เมื่ออิ่นหนิงหยู่มาเอา เธอยังคงต้องให้ไป
ถึงอย่างไร กฎระเบียบก็อยู่ตรงนี้
มีความสามารถดีเลยทีเดียวนะ
ฉินเฟิงยิ้มแล้ว ไปแล้ว กลับแล้วนะ
โอเค
ยัยเด็กคนนี้แม้ว่าจะสมัครงานไม่สำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้ดีใจมากเลยทีเดียว
แต่ว่าระหว่างทางกลับ อิ่นหนิงหยู่ใช้สายตาที่แปลกๆ สังเกตมาที่ฉินเฟิงอย่างละเอียด พูดกล่าว : คุณฉิน คุณมีความแค้นกันกับหลิวหลินนั่นใช่ไหม?
พูดอย่างไรดี? ฉินเฟิงเอียงศีรษะพร้อมพูดกล่าว
ฉันเห็นสายตาของเธอ แทบอยากจะกลืนกินคุณเลย ยังจะพูดไม่หยุดอีกว่าคุณเป็นทายาทเศรษฐี บอกว่าอาทิตย์หนึ่งคุณมีเงินเป็นพันล้าน นี่มันเพราะอะไรเหรอ?
คงเป็นเพราะว่าผมหล่อมั้ง ไม่ได้มาครอบครอง ก็เลยคิดอยากจะทำลาย
ขี้โม้
อิ่นหนิงหยู่กลอกตามองบนใส่ฉินเฟิง แต่ว่าเธอมีข้อสงสัยอย่างมากข้อหนึ่งอยู่ในใจจริงๆ ก็คือเรื่องของเงินรางวัลนั่น
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หลิวหลินเป็นคนที่ปฏิบัติตามกฎอย่างมาก แต่จู่ๆเธอก็ไม่ได้คิดริเริ่มที่จะให้ฉินเฟิง แถมยังพบว่าใช้ประโยคที่ว่าฉินเฟิง ‘ไม่ขาดแคลนเงิน’อีกด้วย
ถ้าเธอไม่ได้ไปล่ะก็ ไม่แน่อาจจะไม่ให้จริงๆก็ได้
นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ!
เป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจน
ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง คุณจะไม่พูดจริงๆเหรอ?
อิ่นหนิงหยู่ใช้สายตาที่สงสัย สำรวจไปยังฉินเฟิง
พูดอะไรเหรอ
ระหว่างคุณกับหลิวหลินไม่ว่าเรื่องไหน ฉันมักจะรู้สึกว่าพวกคุณสองคนผิดปกติ มีบางเรื่อง ถ้าหากวันนี้คุณไม่บอกฉันมาซะดีๆ ฉันจะกลับไปบ้านแล้วบอกพี่สาวของฉันแน่
ก่อนหน้านี้คุณติดเงินสามล้าน
เมื่อฉินเฟิงพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของอิ่นหนิงหยู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้เธอจะคืนเงินหมดแล้วก็ตาม แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป งั้นเธอจะต้องโดนที่บ้านด่าแน่นอน
โดยเฉพาะอิ่นซิน น่ากลัวมาก
ไม่มีอะไรจริงๆ
หลังจากที่ฉินเฟิงใช้อำนาจกดขี่ให้ยัยเด็กคนนี้ยอมจำนนแล้ว ก็อธิบายให้ฟังสักหน่อย
ในความเป็นจริง เขาและหลิวหลินไม่ได้มีอะไรจริงๆ
งั้นก็ได้
อิ่นหนิงหยู่เม้มปากแล้ว เชื่อใจเพียงชั่วคราว อีกอย่างเห็นสีหน้าของหลิวหลินแล้ว ท่าทางเหมือนว่าอยากจะกลืนกินฉินเฟิงอย่างนั้น ก็ไม่มีทางที่จะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันเกินไปแน่นอน
จริงสิ เงินหนึ่งแสนนั่น ฉันช่วยเก็บไว้ให้คุณแล้ว กลัวว่าคุณจะเอาไปใช้จ่ายมั่วซั่ว คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีภรรยามีลูกแล้ว จะต้องขยันให้มาก วันทั้งวันอย่ามัวแต่ออกไปไหนมั่วซั่ว ถ้าหากครึ่งปีหาเงินสองล้านมาไม่ได้ล่ะก็ ครอบครัวของคุณก็จะต้องแตกแยกกัน คุณเข้าใจความสำคัญนี้ไหม
อิ่นหนิงหยู่ใช้มือทิ่มๆไปยังหน้าอกของฉินเฟิงแล้ว ถอนหายใจอยู่ภายในใจแล้ว
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร จากการที่ได้อยู่ร่วมกันมาหลายวันมานี้ พี่เขยคนนี้ ก็ทำให้เธอยอมรับบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าเธอก็ยังรู้สึกว่าไร้ความสามารถเกินไปแล้ว
พี่สาวของเธอ บุคคลที่มีพรสวรรค์อะไร นักเรียนชั้นยอดแห่งมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง เมื่อเรียนจบแล้วก็ก่อตั้งบริษัทซานหยวนกรุ๊ป ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น เธอก็คงจะมีค่าตัวหมื่นล้านแล้ว
และฉินเฟิงเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์อะไร ที่แท้ก็เป็นแค่ขอทานคนหนึ่ง ตอนนี้ ก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ฉินเฟิงก็ไม่เหมาะกับพี่สาวของเธอเลยสักนิด
ถึงมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงแล้ว!
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาถึงจะมาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง อิ่นหนิงหยู่ดึงมือของฉินเฟิง : ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ไปห้องโถงเปียโน เป็นเพื่อนฉันหน่อย
ห้องโถงเปียโน?
ฉินเฟิงเอ่ยถาม
ห้องโถงเปียโน เป็นห้องโถงฝึกซ้อมเปียโนที่เปิดอยู่ข้างๆมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง ตอนนี้มาได้เวลาพอดีเลย ไปเป็นเพื่อนฉันฝึกซ้อมหน่อย ถึงยังไงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลา ฉันจะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับทักษะการเล่นเปียโนที่เพราะพริ้งของฉันสักหน่อย
อิ่นหนิงหยู่ลากฉินเฟิงไป ทางฝั่งนั้นแล้ว
อันที่จริง เธอก็เหมือนกับเด็กน้อยที่วาดภาพแล้ว อยากจะให้ผู้ใหญ่ได้ดู ชมเชยเธอยังไงอย่างนั้น นิสัยเหมือนเด็ก ถึงอย่างไรอิ่นหนิงหยู่ก็เพิ่งจะ 18 ปีเอง
ได้
ฉินเฟิงก็ไม่ได้ขัดขืน ก็เดินตามเธอไปแล้ว อยู่บนถนนการค้าทางด้านขวามือ หลังจากที่เดินไปแล้ว เป็นห้างสรรพสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตสามสี่แห่ง หลังจากที่เลี้ยวสองครั้ง ก็ถึงห้องโถงเปียโนนั่นแล้ว
เดินเข้าไปด้านใน เจอกับคนรู้จัก2คนของอิ่นหนิงหยู่พอดีเลย
อุ๊ย อิ่นหนิงหยู่ ที่รู้จักกันในนามอิ่นหนิงหยู่ผู้ที่บริสุทธิ์และสูงส่ง ดูถูกผู้ชาย วันนี้เดินใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายขนาดนี้ ?จุ๊ๆๆ คงไม่ได้ทำข้อตกลงอะไรกันหรอกนะ ให้เงินเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย
ผู้หญิงสองคนเข้ามาแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่ง เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแต่งหน้าจัด มองไปยังฉินเฟิงแวบหนึ่ง พูดเสียดสีออกมา
เฉิงหง เป็นแกอีกแล้วเหรอ
อิ่นหนิงหยู่มองไปยังเธอ ขมวดคิ้วแล้ว และก็อธิบายให้ฉินเฟิงฟังครู่หนึ่ง : เทพบุตรของยัยคนนี้กำลังจีบฉัน แต่ถูกฉันปฏิเสธแล้ว แต่ว่าผู้ชายคนนั้นก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เพราะงั้นเธอจึงพุ่งเป้ามาที่ฉันตลอด
ทำไม อิ่นหนิงหยู่ ตอนนี้ขี้ขลาดแล้วเหรอ ?ไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกมาแล้วเหรอ?
เฉิงหงเดินเข้ามาแล้ว มีใบหน้าที่เยาะเย้ย
แกปฏิเสธเฉินเจียงแล้ว ก็เลยมาคบหาดูใจกับผู้ชายคนนี้?ผู้ชายคนนี้ สารรูปยากจนข้นแค้น บวกกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนตัวแล้ว แม้แต่หนึ่งร้อนหยวนก็ไม่น่าจะมีถึงหรอก แกนี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ เฉินเจียงชอบแก เป็นเกียรติของแก รู้ไหมว่าเฉินเจียงเขามีสถานะคืออะไร ลูกชายของผู้บริหารมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง โอกาสแบบนี้ แกก็ได้พลาดมันไปแล้ว
ผู้หญิงอีกคนก็เดินเข้ามาแล้ว ส่ายหน้าอย่างดูถูก
เกี่ยวอะไรกับแกด้วย
อิ่นหนิงหยู่ดึงมือของฉินเฟิง พูดตอบกลับไปประโยคหนึ่งอย่างมั่นใจ
เกี่ยวอะไรกับฉันน่ะเหรอ เหอะๆ ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันหมด ฉันก็ต้องช่วยเหลือแกไม่ใช่เหรอ แต่ว่า นี่มันก็ใช่นะ ที่นี่มีใครบางคน ทะนงตัวเกินไป หาคนจนๆมาเป็นแฟน แถมยังภาคภูมิใจในตนเอง ปล่อยโอกาสที่จะได้เป็นหงส์ที่แท้จริงไปแล้ว
เฉิงหงเงียบไปครู่หนึ่ง ตามมาด้วยมุมปากยกสูงขึ้นพร้อมพูดกล่าวว่า : จริงสิ ฉันบอกแกอย่างไม่ถือสาได้เลยนะ ฉันจีบเฉินเจียงติดแล้ว โอกาสนี้ แกพลาดแล้วแหละ แกจะต้องเสียใจภายหลังแน่