เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 115 นัดกับอิ่นซิน
หลายวันผ่านไป ณ บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด ทุกอย่างมาถูกทางแล้ว วิศวกรคือเฉินจื่อซวน เป็นนักศึกษาป.เอกของมหาวิทยาลัยหยุนเจียง และมีเงินทุนจากบริษัทชิ่งหยาง300ล้าน
ส่วนของอื่นๆล้วนถูกถ่ายภาพในลานประมูลแล้ว
และวันนี้ เป็นวันที่ได้กินมื้อใหญ่
กินของอร่อยๆ
กั่วกั่วที่อยู่ตรงกลาง มือข้างหนึ่งจูงมือฉินเฟิง อีกข้างจูงมืออิ่นซิน พูดเสียงเจื้อยแจ้วน่ารัก
แมวตะกละ
อิ่นซินลูบจมูกกั่วกั่ว
เธอมีนัดกับกั่วกั่ว ในหนึ่งเดือนมีหนึ่งวันที่เธอต้องจัดตารางงานออกมาเที่ยวเล่นกับลูก ต่อให้ยุ่งยังไงเธอก็ต้องหาเวลาออกมาให้ได้
แต่วันนี้แตกต่างออกไป เพราะมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ฉินเฟิงมองทั้งคู่พลางส่ายหัวด้วยความเอ็นดู แต่เมื่อตั้งใจมองอิ่นซินอย่างละเอียด วันนี้เธอใส่ชุดกระโปรงสั้นสีดำ ในขณะเดียวกันก็ดูใจกว้างเหมาะสมและเผยให้เห็นรูปร่างผอมเพรียว
ผมยาวดำสลวย
หญิงงามในแดนมนุษย์
ตอนเดินผ่านไปดึงดูดสายตาผู้ชายไม่น้อย โดยเฉพาะฉินเฟิง ทว่าสายตาเขาแฝงไปด้วยเป็นศัตรู ทำไมถึงแต่งงานกับผู้หญิงสวยขนาดนี้นะ
ถึงแล้ว ภัตตาคารเทียนหยุน
เมื่อฉินเฟิงมาถึง มองไปที่ป้ายภัตตาคารเทียนหยุน เป็นภัตตาคารที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้ยินมาว่าชื่อเสียงดีมาก เขากับอิ่นซินปรึกษากันนาน ถึงได้ตัดสินใจเลือกที่นี่
เดินเข้าไป จากนั้นเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง
เป็นแบบสี่ที่นั่ง อิ่นซินกับฉินกั่วกั่วนั่งด้านหนึ่ง ส่วนฉินเฟิงนั่งตนเดียวอีกด้านหนึ่ง ภาพที่อบอุ่นเช่นนี้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกอบอุ่น
เป็นทหารประสบการณ์โชกโชนมา7ปี มีโอกาสรอดน้อยมาก สิ่งที่มอบให้เขามีแต่เลือดและความหนาวเหน็บ
โดยเฉพาะเพื่อนที่ดีที่คุณรู้จักในวันนี้ พรุ่งนี้กลับต้องไปพลีชีพในสนามรบ ตอนนั้นฉินเฟิงประสบกับเรื่องแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ฝังใจมาตลอด
ต่อมาเขาได้เป็นเทพเจ้าแห่งอีสเตอร์แลนด์ เทพสงครามปกป้องประเทศ ยิ่งต้องคิดเรื่องปกป้องประเทศชาติอย่างไม่ลดละ ขณะตนอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เขาก็ระแวงว่าวันหนึ่งอาจตายย่างกะทันหัน
ทว่าตอนนี้บ้านเมืองสงบ ในที่สุดเขาก็ได้ผ่อนคลาย ได้ใช้ชีวิตที่ตัวเองต้องการ
จุ๊ๆๆ อิ่นซิน คุณที่ถูกออกจากตำแหน่งประธานกรรมการมีเงินมาที่นี่ด้วย?คงไม่ได้เอาเงินของบริษัทมาใช้หรอกนะ ไม่กลัวอิ่นป่ายและคนอื่นๆทำให้เดือดร้อนเหรอ
มีเสียงดังมาจากด้านหนึ่ง
ฉินเฟิงหันไปก็เห็นเป็นหวงจง กำลังนั่งอยู่อีกโต๊ะพอดี แต่มีแค่เขาคนเดียว
คุณอีกแล้ว ทำไมเจอคุณไปซะทุกที่เลย
อิ่นซินมองหวงจง สายตาเผยความไม่สบายใจ บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัดของเธอเพิ่งเริ่ม ไม่เคยรับมือการโจมตีของอิ่นป่ายกับอิ่นเสี้ยงสวี่
ไม่คิดว่าครั้งแรกที่เจอจะเป็นหวงจง แห่งหวงซื่อกรุ๊ป
ทั้งอวดดีและใช้อำนาจบาตรใหญ่
ยโสโอหังอย่างยิ่ง
แถมยังประกาศกร้าวว่าจะโจมตีบริษัทกึ่งซานหยวนของเธอ
แต่ที่ทำให้เธอโกรธมากคือตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น บริษัทกึ่งซานหยวนเพิ่งเริ่มต้น แต่ละฝ่ายแค่เพิ่งพร้อม ไม่มีกำลังไปต่อต้านกับหวงซื่อกรุ๊ป
ดังนั้นจึงทำได้เพียงกัดฟันกลืนลงไป
อิ่นซิน ภัตตาคารนี้เป็นระดับไฮเอนด์ ตอนนี้คุณตกต่ำแล้วทำไมยังเข้ามาอีก แถมยังเอารปภ.เข้ามาด้วย จุ๊ๆๆ หน้าไม่อายจริงๆ
หวงจงหันมาพลางพูดอย่างภาคภูมิ
จากนั้น
วินาทีต่อมา ชามใบหนึ่งลอยไปตบปากหวงจง มีเลือดออกมา และกระจกแตกเสียงดังเพล้ง
หุบปาก!
ทุกคนหันไปมอง พบว่าฉินเฟิงเป็นคนปาชามออกมา
โอ๊ย!
หวงจงร้องโอดโอยออกมาพลางกุมปาก แผลไม่ได้หนักมาก เห็นเป็นแค่คราบเลือดก็เท่านั้น แต่หวงจงกลับมองฉินเฟิงอาฆาตแค้น: แกทำอะไร!
ด่าภรรยาของฉัน ปากเสีย สมควรโดน ฉินเฟิงพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
เพราะฉัน?
อิ่นซินอึ้ง เกิดความรู้สึกอุ่นใจวาบผ่านไป เจ้าทึ่มนี้ออกหน้าให้เธอเป็นด้วย?
แต่ว่า
ดีจัง
แม้คิดแบบนั้นแต่อิ่นซินก็ยืนขึ้น เพราะเธอรู้ว่าเจ้าของภัตตาคารแห่งนี้ไม่ใช่หาเรื่องได้ง่ายๆ ได้ยินมาว่ามีแบ็คหลังอันลึกลับ
เดิมทีจะเข้าไปขอโทษ แต่หวงจงกลับกุมปากพลางถอยออกไป: อย่าเข้ามานะ เรื่องวันนี้ไม่จบง่ายๆแน่ กล้าทำร้ายฉัน?แม่งเอ้ย ฉันโตมาขนาดยังไม่เคยโดนทำร้ายมาก่อน
เจ้าของร้านล่ะ รีบออกมา ลูกค้าของพวกคุณจะโดยทำร้ายตายอยู่แล้ว
หวงจงตะโกนเสียงดัง
ที่นี่เป็นโรงแรมระดับไฮเอนด์ที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้ยินมาว่ามีแบ็คหลังใหญ่โต ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องที่นี่ แต่ตอนนี้กลับมีคนกล้าทำร้ายเขาที่นี่
งั้นไม่ต้องให้เขาลงมือหรอก เจ้าของที่นี่สามารถเอาฉินเฟิงถึงตายได้
ฮ่าๆ
กล้าทำร้ายฉัน?
อยากตายจริงๆใช่ไหม
แย่แล้ว
อิ่นซินร้อนรน ถ้าเจ้าของร้านออกมาได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
และในขณะที่หวงจงกำลังตะโกน รปภ.ในร้าน5-6คนก็เดินมา ล้วนรูปร่างกำยำทั้งนั้น หนึ่งในนั้นมีผู้จัดการตรงล็อบบี้ด้วย
คุณครับ เกิดอะไรขึ้น?
ผู้จัดการตรงล็อบบี้คนนั้นเดินมาแล้วถามขึ้น
ไอ้หมอนี่หน่ะสิ ทำร้ายคนโดยไร้เหตุผล เห็นๆอยู่ว่าฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มันกลับทำร้ายฉัน ดูรอยแผลบนหน้าฉันสิ ป่าเถื่อนมาก
หวงจงชี้คราบเลือดบนหน้าตน
นี่มัน……
ผู้จัดการตรงล็อบบี้ขมวดคิ้ว หันไปมองฉินเฟิงพลางถาม: คุณเป็นคนทำเหรอครับ?
ไม่ใช่
ฉินเฟิงส่ายหน้าไปมา: ผมแค่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่จู่ๆเขาก็คว้าชามขึ้นมากรีดหน้าตัวเอง จากนั้นยืนขึ้นแล้วบอกว่าผมเป็นคนทำ คงเป็นบ้า พวกคุณรีบพาไปโรงพยาบาลเถอะ
ในเมื่อหวงจงบอกว่าตนไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น งั้นเขาก็ไม่ถือสาที่จะพูดแบบนี้
เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเหมือนกัน
ทว่าผู้จัดการตรงล็อบบี้งงไปแล้ว
เป็นบ้า?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ขณะเขากำลังสับสน หวงจงก็ถอดนาฬิกาของตนออกมา แล้วสอดให้ผู้จัดการตรงล็อบบี้: นี่มีน้ำหนัก24Kราคาหนึ่งแสน วันนี้ฉันต้องการให้หมอนี่กลายเป็นคนพิการ อาศัยแบ็คหลังของพวกคุณคงทำได้
ครับ
ทันทีที่ได้สัมผัสนาฬิกาเรือนนั้น ผู้จัดการตรงล็อบบี้ก็ไม่สนแล้ว ยิ้มจนหน้าจะบานอยู่แล้ว ราคาตั้งแสนนึง กับคำของ่ายๆที่แค่ทำให้หมอนี่กลายเป็นคนพิการเนี่ยนะ
เรื่องกล้วยๆ
ทำร้ายเสร็จคนคนนี้ก็ไม่กล้าแก้แค้นหรอก เพราะแบ็คหลังของพวกเขาใหญ่มาก
เจ้าหนุ่ม อย่าใส่ร้ายคนอื่นไปหน่อยเลย เห็นๆอยู่ว่าคุณคนนี้ไม่ได้ทำอะไร แต่คุณกลับคว้าชามโยนใส่หน้าเขา นี่มันผิดกฎของร้าน
ผู้จัดการตรงล็อบบี้เปลี่ยนน้ำเสียง พูดใส่ฉินเฟิงอย่างรังเกียจ
ไม่ใช่ เขาเป็นคนด่าคนอื่นก่อน
อิ่นซินยืนขึ้นแก้ต่างให้ฉินเฟิง ส่วนฉินกั่วกั่วที่อยู่ข้างๆเธอ พูดเสียงไร้เดียงสาออกมา: ใช่ค่ะ เขาด่าแม่หนูก่อน
ตอนนี้หลักฐานชัดเจน ว่าพวกคุณเป็นคนลงมือก่อน เห็นๆอยู่ว่าคุณคนนี้ไม่ได้ทำอะไร แต่กลับถูกพวกคุณใส่ร้าย พวกคุณนี่หน้าไม่อายจริงๆ
ผู้จัดการตรงล็อบบี้พูดอย่างมั่นใจ สีหน้าเผยความโหดร้าย: คนอย่างพวกคุณไม่เหมาะกับร้านเรา และอิงตามกฎของร้าน พวกคุณทำชามของร้านแตกไปหนึ่งใบต้องชดใช้หนึ่งพันล้าน ถ้าไม่ชดใช้วันนี้ก็คลานออกไปเถอะ