เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 119 อิ่นซินประสบปัญหาอีกแล้ว
2วันผ่านไป อิ่นหนิงหยู่กระโดดโลดเต้นกลับมาจากด้านนอก ในมือถือสัญญาฉบับหนึ่ง ท่าทางปลื้มปริ่มสุดๆ: ฉันได้งานแล้ว ฉันได้งานแล้ว
อะไรคือได้งานแล้ว?
คนกลุ่มหนึ่งเดินออกไป
อิ่นซินกับฉินเฟิงก็ลงมาด้านล่าง ฉินเฟิงเห็นท่าทางของอิ่นหนิงหยู่ คงเป็นเรื่องมู่หรงเจียงเสว่
พี่ ฉัฯจะบอกให้ เมื่อวานผู้กำกับใหญ่มู่หรงเจียงเสว่มาที่มหาลัย รับสมัครนักแสดงในภาพยนตร์‘Moods of Love’และฉันก็ถูกเลือ แถมยังได้ไปกิบข้าวกับผผู้กำกับมู่หรง พี่ดูสิฉันมีรูปด้วย
อิ่นหนิงหยู่หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น มันคือรูปที่พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกัน
มู่หรงเจียงเสว่!
อิ่นซินก็เคยได้ยินชื่อนี้ เป็นผู้กำกับที่ใหญ่โตมาก เธอเคยดูหนังทุกเรื่อง จึงพลอยตื่นเต้นไปด้วย
ฉันจะบอกให้นะ บทตัวประกอบของฉันนี้ไม่ใช่บทธรรมดาๆ เป็นบทที่รอดจนจบ ถ้าฉันแสดงดีไม่แน่อาจดังเป็นพลุแตกก็ได้
อิ่นหนิงหยู่ยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น
ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งที่แล้วมันไม่ถูกต้อง และเธอก็ไม่ได้โง่ หลังจากตั้งสติได้แล้วก็เข้าใจขึ้นทันใดว่าเป็นอุบาย แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องจริง
เป็นผู้กำกับมู่หรงเจียงเสว่จริงๆ
แถมยังไปกินข้าวด้วยกัน
หรือว่าติดสินบน
ฉินเฟิงคิดเช่นนี้ในใจ ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้ เขากลัวเด็กคนนี้ฝีมือแสดงไม่ดี แล้วเป็นตัวถ่วงกับทั้งกองถ่าย ดังนั้นจึงให้เป็นแค่บทงิ้ว
หรือจะให้ออกค่ากเดียวแล้วตายก็ได้
แต่ไม่คิดว่ามู่หรงเจียงเสว่จะให้บทตัวประกอบที่อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ
หนิงหยู่ นักศึกษาที่มหาลัยมีตั้งกี่คน เป็นหมื่นใช่ไหม แต่ทำไมเขาถึงเลือกเธอ ฝีมือการแสดงของเธอเหมือนจะไม่ใช่ที่หนึ่งในมหาลัยนี่ใช่ไหม?
อิ่นหนิงหยู่นรู้สึกมีอะไรผิดปกติ
หาอิ่นหนิงหยู่เจอจากหนึ่งในหมื่นคน ถือว่าเป็นโชคดีของอิ่นหนิงหยู่ แต่ผู้กำกับใหญ่อย่างมู่หรงเจียงเสว่ ไปกินข้าวกับตัวประกอบเล็กๆเนี่ยนะ?
ไม่สมควร
คนอยากกินข้าวกับมู่หรงเจียงเสว่มีตั้งมากมาย แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าว เกี่ยวกับมู่หรงเจียงเสว่ไปกินข้าวกับใครหลุดบนอินเทอร์เน็ตเลย
นี่มันไม่ธรรมดา คุณตู้ ตู้ต้วนเทียนจัดการสินะ เพราะยังไงตอนนี้อิ่นหนิงหยู่ก็เป็นแฟนเขา แค่ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีตัวตน เมื่อหนิงหยู่ได้เป็นดาราดัง ถึงตอนนั้นเขาคงมาสู่ขอแล้วล่ะ
จางลี่คาดเดาออกมาอย่างตื่นเต้นทันใด
ตู้ต้วนเทียนจัดการ
นี่คือแบ็คหลังที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลพวกเขา
คือ……พวกเราอาจจะ……มีความคืบหน้า……
อิ่นหนิงหยู่ลูบหัวไปมา อยากพูดว่าไม่ได้คืบหน้าเร็วขนาดนั้น จนถึงตอนนี้เธอยังไม่มีช่องทางการติดต่อของตู้ต้วนเทียนเลย หลังจากเจอกันแค่ครั้งเดียวที่สนามแข่งรถครั้งก่อน ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก
ตู้ต้วนเทียนก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายรุกติดต่อเธอมาก่อน
แต่ว่ายังพูดไม่ทันจบ จางลี่ก็เข้ามากอดอิ่นหนิงหยู่: หนิงหยู่ ลูกใกล้จะได้แต่งเข้าตระกูลเศรษฐีแล้ว ได้เข้าไปแล้วอย่าลืมแม่ล่ะ
ตระกูลตู้เป็นตระกูลเศรษฐีของเมืองเจียงเฉิง
หากแต่งเข้าไปก็เท่ากับว่ามีเงินใช้ไม่ขาดสาย งั้นเธอก็สามารถซื้อของฟุ่มเฟือยได้เป็นกอง ลิปสติกเอย กระเป๋าเอย รองเท้าส้นสูงเอย……
พอนึกถึงอนาคตก็ช่างสวยงามเหลือเกิน
จริงสิ ลูกอย่าเหมือนพี่แกล่ะ คุณชายมีเงินมีความสามารถไม่เอา ไปแต่งกับคนจนๆ ประธานกรรมการแต่งกับคนจนๆ พูดออกไปก็เป็นเรื่องตลก
จางลี่พูดพลางชี้ฉินเฟิงอย่างไว
เจ้าไร้ประโยชน์คนนี้ นับวันเธอยิ่งรำคาญ
อิ่นซินขมวดคิ้ว เดินเข้าไปขวางตรงหน้าฉินเฟิงโดยไม่สนใจอะไร แม้ไร้ความสามารถและธรรมดาไปหน่อย เป็นแค่รปภ. แต่ก็เป็นสามีของเธอ
แม่ พี่เขยดีออก
อิ่นหนิงหยู่ออกหน้าให้ฉินเฟิง
ลูกแม่ ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม
จางลี่ลูบหัวอิ่นหนิงหยู่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล: เมื่อก่อนลูกเกลียดฉินเฟิงจะตาย ทุกครั้งที่กลับมาก็ต้องด่าเขาสักยก ในห้องลูกเคยมีคนต่ำทรามมาสลักไว้ว่าฉินเฟิง ลูกมักจะใช้เข็มจิ้มเขา ลูกลืมหมดแล้วเหรอ ลูกพูดแทนเขาทำไม เขาเป็นคนยากจนจริงๆนี่
ประโยคสุดท้ายคือประเด็นหลักที่เธออพูดถึง
ฉินเฟิงเป็นแค่คนจนๆ ไม่สามารถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ลิปสติกแพงให้เธอได้ ดังนั้นไม่ว่ายังไงเธอไม่ปล่อยให้ฉินเฟิงเข้ามาได้สำเร็จหรอก
มันผ่านไปแล้ว
อิ่นหนิงหยู่ลูบผมไปมา
เมื่อก่อนเธอเกลียดฉินเฟิงมาก เกลียดที่เขาไม่ดี ทำให้พี่สาวเธอต้องลำบากมากมาย แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานๆเข้า เธอพบว่าฉินเฟิงถือว่าโอเค
แค่จนไปหน่อย
แก!ชิ!
จางลี่โกรธจนตัวสั่นเบาๆ สุดท้ายด่าฉินเฟิง: 5เดือนจากนี้ แกต้องออกไปจากบ้านเรา แกมันไร้ประโยชน์กากเดน คิดว่าคู่ควรกับลูกสาวฉันจริงๆเหรอ ดูตู้ต้วนเทียนแล้วมาดูแก ถุ้ย
ด่าเสร็จเธอก็เดินออกไปด้วยความโมโห
เห็นได้ชัดว่าไปเล่นไพ่นกกระจอก
ฉินเฟิงไม่ได้สนใจเธอ หันไปมองอิ่นหนิงหยู่ สายตาแฝงไปด้วยความซับซ้อน ไม่เสียแรงที่รักเด็กคนนี้ เขาไม่คิดเลยว่าเมื่อก่อนอิ่นหนิงหยู่จะเกลียดเขาขนาดนั้น
ขนาดอิ่นหนิงหยู่ยังเกลียดเขาขนาดนั้น แล้วอิ่นซินล่ะ?
คงเกลียดเข้ากระดูกแล้วสินะ
ฉินเฟิงเข้าไปใกล้ๆอิ่นซิน ยื่นมือออกไปจับมือเธอข้างหนึ่ง อิ่นซินหน้าแดง ปกติเธอเป็นคนจับมือฉินเฟิง ฉินเฟิงไม่เคยเป็นฝ่ายจับมือเธอก่อน
คงเป็นเพราะเขาเป็นคนทึ่ม
แต่เธอก็ขัดขืนเล็กน้อยพอเป็นพิธี เมื่อเห็นว่าสะบัดไม่หลุดก็โล่งใจ ความสุขค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว
ทว่าพวกเขายังได้ทันได้คืนหน้า ก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา อิ่นซินจึงรับสาย: ฮัลโหลเสี่ยวซี
ประธานคะ ไซต์ก่อสร้างของเราเกิดเรื่องแล้ว
ปลายสายคือลูกน้องคนเดียวที่สามารถไว้ใจได้ของอิ่นซิน น้ำเสียงอ้ายเสี่ยวซีดูร้อนใจมาก
ตั้งสติ บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรีบไป
หลังจากคุยกัน อิ่นซินก็ปลอบใจอ้ายเสี่ยวซีครู่หนึ่งแล้วรีบวางสาย เตรียมตัวออกไปข้างนอก แต่ขณะก้าวออกมาได้แค่ก้าวเดียวก็โดนลากออกไป
พอหันไปก็พบว่ามือของเธอยังจับมือฉินเฟิงอยู่ แถมยังประสานนิ้วกัน
คุณวางไหม?
อิ่นซินหันไปถาม
ผมจะไปกับคุณ
ฉินเฟิงยิ้มแป้นออกมา
ถ้าคุณต้องการไปทุกหนแห่งในโลกใบนี้ ผมก็สามารถไปกับคุณได้
ไปกันเถอะ
ทั้งสองขับรถออก ตรงไปยังไซต์ก่อสร้าง ก็คือบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป ที่มีพื้นที่1พันเอเคอร์และมีทำเลดีสุดๆแห่งนั้นนั่นแหละ เมื่อลงจากรถอ้ายเสี่ยวซีก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน
เจ้านาย
ไปกัน
ยีหนิงกับฉินเฟิงก็เดินมา แต่เมื่อมาถึงไซต์ก่อสร้างจริงๆ อิ่นซินถึงกับชะงัก ฉินเฟิงกัดปาก