เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 124 การพุ่งเป้าไปที่เจียงจื่อจิ้น
คุณคิดจะทำอะไรน่ะ!
อิ่นหนิงหยู่ถอยหลังออกไปสองก้าวด้วยความตื่นตระหนก
คิดจะทำอะไร เรื่องนี้ คุณมองไม่ออกเหรอ?
เจียงจื่อจิ้นโมโห เขาเดินเข้าไปใกล้อีกสองก้าว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ดุร้าย ผมจะบอกคุณให้นะ ห้องทำงานนี้มันกันเสียงดีมาก ไม่มีใครมาหรอก ยัยกะหรี่อย่างคุณ กล้าดียังไงมา…
ทันทีที่เสียงเงียบลง
ปัง
ประตูถูกถีบเปิดออก
กันเสียงงั้นๆ คุณภาพก็ธรรมดา
ฉินเฟิงเดินผ่านประตูเข้ามา
การกันเสียงนั้นดีมาก แต่สำหรับเขาแล้ว มันก็ไม่เท่าไหร่
พี่เขย
พอเห็นฉินเฟิง อิ่นหนิงหยู่ก็วิ่งไปหาแล้วซ่อนอยู่ข้างหลังฉินเฟิง ราวกับว่ามองเห็นฟางช่วยชีวิต
คุณนั่นเอง!
เจียงจื่อจิ้นมองไปที่ฉินเฟิงด้วยสายตาแปลกๆ
เขาเคยพบกับฉินเฟิงที่ร้านกาแฟแห่งนั้น เมื่อหลิวลานเมิ่งบอกว่าเขาเป็นประธานบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป ก็ทำให้เขาสะดุ้งตกใจทันที แต่ตอนนี้พอเขาเห็นว่า
อิ่นหนิงหยู่เรียกฉินเฟิงว่าพี่เขย
เขาเคยตรวจสอบประวัติของอิ่นหนิงหยู่มาก่อน รู้ว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่เขยของเธอนั้นเป็นใคร เขาเป็นเพียงแค่เศษสวะ เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่น เป็นพวกขี้ขลาดเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงถูกหลอกในคราวที่แล้ว
การเอาลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่น พวกเกาะเมียกิน มาเป็นประธานบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ปเป็นเรื่องตลกสิ้นดี
หลังจากนึกออก สีหน้าของเขาก็บึ้งตึงทันที
คุณมันก็แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่น พวกเกาะเมียกิน
เจียงจื่อจิ้นมองไปที่ฉินเฟิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็คลายความโกรธลง เขามาที่นี่เพื่อตามจีบอิ่นหนิงหยู่ ตอนนี้ไม่ควรมาทะเลาะกับฉินเฟิง
ไม่อยากให้มันกลายเป็นปัญหา
เจียงจื่อจิ้นเดินออกไปทันที แต่ตอนที่เขาเดินออกไป ได้พูดกับอิ่นหนิงหยู่ว่า ผมจะให้เวลาคุณคิดทบทวนให้ดี ว่าบทบาทนี้จะอยู่กับคุณได้อย่างมั่นคงหรือไม่
พูดจบก็เดินออกไป
ฮึ!
อิ่นหนิงหยู่จ้องมาที่เขา เมื่อเห็นวิกฤตคลี่คลายลงแล้ว เธอก็มองไปที่ฉินเฟิงอย่างทะนงตัว คนแซ่ฉิน คุณมาที่นี่ทำไม?
มีธุระนิดหน่อย
คุณเป็นแค่รปภ. จะมีธุระอะไร คุณมาหาฉันต่างหาก ใช่ไหม? มาหาฉันก็ไม่ต้องอายหรอก พูดมาตรงๆ เถอะ ฉันก็ไม่ได้จะเอาไปรายงานพี่สาวของฉันสักหน่อย อีกอย่างต่อให้ฉันเอาไปบอกเธอ เธอก็อาจจะชมเชยคุณก็ได้
อิ่นหนิงหยู่สะกิดฉินเฟิง
เธอคิดว่าฉินเฟิงนั้นมาหาเธอ แต่ก็อายเกินกว่าจะพูดออกมา จึงต้องใช้ธุระบางอย่างมาเป็นข้ออ้าง แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะมีธุระอะไรได้
การโกหกนี้ ไม่ต้องชี้แจงแก้ไขก็ยุติเอง
…
ฉินเฟิงเอ่ย ก็ได้ ผมมาหาคุณ
ฉันบอกแล้ว เดาถูกอีกแล้ว
ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของอิ่นหนิงหยู่ แต่แล้วก็พูดต่อว่า เออใช่ อีกแป๊บหนึ่งจะมีอีกหนึ่งฉาก ถ่ายเสร็จแล้ว คุณต้องเลี้ยงข้าวฉัน
ผมไม่มีเงิน ฉินเฟิงบอก
ฉันไม่สน
พูดจบอิ่นหนิงหยู่ก็วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น
ไร้เหตุผล ไร้ยางอาย
ฉินเฟิงนั้นยกนิ้วให้อิ่นหนิงหยู่อยู่ในใจ จากนั้นก็ทิ้งเธอไว้แล้วขึ้นไปชั้นบนเพื่อตามหามู่หรงเจียงเสว่ วันนี้เพียงแค่ปรึกษาอะไรบางอย่าง
อย่างเช่นการทำความเข้าใจเรื่องรายละเอียดและบรรยากาศเป็นต้น
มันไม่ใช่การแต่งเพลงจริงๆ
ในเวลานี้ อิ่นหนิงหยู่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังลองแสดงฉากกลิ้ง
เตรียมพร้อม แอ๊คชั่น
ป้ายสเลทถูกนำออกไป เพื่อบอกว่าการถ่ายทำได้เริ่มขึ้นแล้ว
อิ่นหนิงหยู่ดีดตัวขึ้น กลิ้งลงไปตามทางลาดแล้วกรีดร้องโหยหวน นี่คือบทบาทของเธอ หลังจากกลิ้งลงมาแล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดี
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยผู้กำกับที่อยู่ข้างๆ ได้โบกมือ เล่นอะไรน่ะ เอาใหม่
ค่ะ
ทีมงานละครเริ่มเตรียมการอีกครั้ง
เอาวะ
อิ่นหนิงหยู่ไม่ปริปากบ่น ถึงอย่างไรการแสดงก็ต้องเล่นซ้ำๆ แต่หลังจากกลิ้งไปรอบหนึ่ง ร่างกายก็เจ็บมาก เธอปัดร่างกายตัวเองแล้วทำอีกครั้ง
บนทางลาดชัน
ดีดตัวขึ้น
กลิ้งลงไป
นอกจากเสียงกรีดร้องก็ไม่มีบทพูดใดๆ ไม่มีมุมมองด้านหน้า เป็นคลิปวิดีโอที่เรียบง่ายมากๆ แค่รอบเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้ทดสอบทักษะการแสดงอะไรเลย
แต่หลังจากกลิ้งเสร็จแล้ว ผู้ช่วยผู้กำกับก็โบกมือ เล่นบ้าอะไร เอาใหม่
ค่ะ
อิ่นหนิงหยู่ปัดร่างกายตัวเองอีกครั้ง การถ่ายทำมันก็ง่ายที่จะพบเจอปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว
แต่ทว่า
จากนั้นเธอก็กลิ้งไปแปดเก้ารอบ
เมื่อครั้งที่สิบมาถึง ทีมงานรอบๆ ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ บทละครธรรมดาๆ เช่นนี้แค่รอบเดียวก็ใช้ได้แล้ว แต่ทำไมผู้ช่วยผู้กำกับถึงให้ทำตั้งหลายครั้ง
พวกเขาแอบมองไปทางผู้ช่วยผู้กำกับ ชายวัยกลางคน พุงพลุ้ย สวมหมวก และมีหนวดเคราสองข้าง ตอนนี้สีหน้าไม่ดีนัก
ดูเหมือนว่า กำลังพุ่งเป้าไปที่อิ่นหนิงหยู่
คุณเล่นละครเป็นไหม เล่นมาสิบรอบแล้ว แต่ปัญหาก็ยังมากอยู่ เอาใหม่ เอาใหม่!
ผู้ช่วยผู้กำกับพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ทีมงานละครเริ่มใหม่อีกครั้ง
อิ่นหนิงหยู่กัดฟันกรอด เพราะกลิ้งไปมากกว่าสิบรอบแล้ว เนื้อตัวของเธอบางส่วนกลายเป็นรอยฟกช้ำดำเขียวอันเนื่องมาจากถนนหนทางอันขรุขระ เธอกดเสียงต่ำถามทันที ไม่ทราบว่า ผู้กำกับคะ ฉันมีปัญหาตรงไหนหรือเปล่า?
เธออยากรู้ว่า ไม่ได้ถ่ายให้เห็นหน้า ไม่ต้องแสดงละคร เพียงแค่กลิ้งลงไป มันเกิดปัญหาที่ตรงไหน
ทำไมล่ะ นี่คุณกำลังโต้แย้งผมอยู่เหรอ? ฟังให้ดี ผมต่างหากที่เป็นผู้กำกับ ถ้าคุณยังอยากอยู่ที่นี่ต่อไป คุณต้องฟังผม
ผู้ช่วยผู้กำกับแผดเสียงลั่น
คนอื่นๆ ล้วนก้มหน้าลง ไม่กล้าออกหน้าเพื่ออิ่นหนิงหยู่
ค่ะ
อิ่นหนิงหยู่ข่มความโกรธไว้ในใจ เธอแค่อยากรู้ว่าตัวเองมีปัญหาตรงไหน ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะได้แก้ไข แต่ตอนนี้เธอถูกตอกกลับมา
ถ้ายังต้องการจะอยู่ที่นี่ ก็ต้องกลิ้งต่อไป ต้องเชื่อฟังเขา
ไม่ฟังก็ไม่ได้
อิ่นหนิงหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสดงต่อไป
สิบนาทีต่อมา เป็นรอบที่สามสิบ มีรอยบาดแผลบนร่างกายของอิ่นหนิงหยู่อย่างชัดเจน ในเวลานี้ผู้ช่วยผู้กำกับก็โบกมือ ทำบ้าอะไรน่ะ ฉากนี้ไม่ได้ มาที่ห้องทำงานผม เดี๋ยวผมสอนให้ ตอนนี้ไปพักก่อน
ผู้ช่วยผู้กำกับส่งสัญญาณมือ คนอื่นๆ นั่งลงพัก
จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นเดินออกไป
อิ่นหนิงหยู่ไม่มีทางเลือก จำต้องตามเขาเข้าไปในห้องทำงานของผู้ช่วยผู้กำกับ แต่ทันใดนั้นเธอก็พบว่ามีอีกคนอยู่ในห้องทำงานนี้
หนิงหยู่ เป็นไงบ้าง เหนื่อยแล้วล่ะสิ
เป็นเจียงจื่อจิ้นจริงๆ
นอกจากนี้เจียงจื่อจิ้นยังหยิบขวดน้ำออกมา แล้วยื่นให้อิ่นหนิงหยู่ด้วยใบหน้าที่แจ่มใส
พวกคุณสองคนสมรู้ร่วมคิดกัน คุณให้เขามาทำให้ฉันลำบากตลอดเลยใช่ไหม?
อิ่นหนิงหยู่กวาดสายตามองเจียงจื่อจิ้นและผู้ช่วยผู้กำกับ จากนั้นเธอจึงนึกออกว่า ก่อนหน้านี้เจียงจื่อจิ้นบอกกับเธอว่า เขามีอาซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับกองละครเรื่องนี้
เธอร้อนรุ่มด้วยความโกรธในทันที
ขอแนะนำหน่อย นี่คืออาของผม เจียงหยุน เป็นผู้ช่วยผู้กำกับกองละคร Moods of Love เมื่อครู่นี้อาของผมต้องการฝึกฝนคุณอย่างหนัก ถ้าคุณไม่ชอบ ผมก็จะบอกให้เขาเลิกทำแบบนี้
ภายใต้แสงไฟสลัว ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงจื่อจิ้น