เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 144 อิ่นซินที่เหมือนกับเด็กน้อย
จะฆ่าฉัน แกกล้าเหรอ!
แววตาที่โหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในดวงตาของจางว่าน
ไม่ว่ายังไงตัวเองก็เป็นรองหัวหน้าบอดี้การ์ดมังกรเมืองเจียงเฉิง หลานชายของท่านสามจาง ต้าตาวคนนี้กล้าฆ่าเขาเหรอ?
ฆ่า
แต่ว่า นำมาซึ่งน้ำเสียงที่เย็นชาของต้าตาว
ครับ
คนนับหลายร้อยคน ร้องโห่พร้อมเพรียงกัน ถือมีดเล่มใหญ่ในมือ เดิมทีเป็นผู้คนจากโลกใต้ดิน การต่อสู้เป็นเรื่องธรรมดา ทันใดนั้นก็จะฆ่าพวกจางว่านและคนเหล่านั้น
กล้าจริงด้วย!
จางว่านอึ้ง ต้าตาวคนนี้บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว
หยุด พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้ จางว่านรีบตะโกน
พวกเขามีเพียง 100 คน และอีกฝ่ายมี 500 คน หลังจากเวลาผ่านไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกี่ราย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่แน่เขาอาจจะออกไปไม่ได้
ทำได้แค่อ่อนลงเท่านั้น
หยุดเถอะ
ฉินเฟิงให้สัญญาณมือ
เขาไม่อยากให้ หน้าบริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด ทำอะไรที่เกิดการเปื้อนเลือด นี่คือที่ของภรรยาของเขา
รับทราบ
ลูกน้องเหล่านั้นหยุดการกระทำ
ต้าตาวออกคำสั่งที่เด็ดขาดกับลูกน้อง คำสั่งของฉินเฟิงก็คือคำสั่งที่แท้จริง
เวรเอ๊ย
จางว่านแอบสบถ แค้นใจต้าตาว และพูดว่า: ไป
ไอ้เดฌกน้อย ยังถือว่าโชคดี แต่ที่เมืองเจียงเฉิง ไม่ได้มีเพียงการใช้กำลังในการกำหนดทุกอย่างหรอกนะ หวงจงยิ้มอย่างเย็นชา ชี้ไปที่หัวของตนเอง
แสดงให้รู้ว่าต้องหัดใช้สมอง
ที่จริงก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ถึงว่าฉินเฟิงจะมีความเกี่ยวข้องกับคนในสังคมอิทธิพลมืด แต่เขารู้ว่าฉินเฟิงมีความสามารถในการต่อสู้ อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ ต้าตาวคนนั้นถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกันกับฉินเฟิง
โง่จริงๆ
เพราะฉินเฟิงคนเดียว ไปล่วงเกินจางว่าน เสียหายอย่างมาก จางว่านไม่น่ากลัว แต่คนที่น่ากลัวคือท่านสามจางที่อยู่เบื้องหลัง
หลังจากนั้น คนเหล่านี้เดินจากไปอย่างคอตก
พี่ใหญ่
ต้าตาวมาถึงข้างๆฉินเฟิง
ดูเหมือนว่าฉีหยุนจะฝึกคุณมาอย่างดี เห็นผลในไม่กี่วัน ฉินเฟิงเหลือบมองต้าตาว
ไม่เพียงแค่นิสัย แม้แต่บุคลิกลักษณะก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เปลี่ยนเป็นเข้มแข็งเล็กน้อย
ใช่
ต้าตาวพยักหน้า แต่ในสายตาฉายให้เห็นถึงความกลัว เพราะไม่กี่วันนั้นก็เป็นเพราะปีศาจร้ายอย่างฉีหยุนนั่น พวกเขาเกือบตายอยู่ในภูเขาป่าลึกที่ห่างไกล
แต่เพราะเช่นนี้ มันจึงเริ่มแตกต่างจากพวกอันธพาลทั่วไป
แต่พี่ใหญ่ ต่อไปอาจจะเกิดปัญหาแล้ว จางว่านคนนั้นคือหลานชายของท่านสามจาง ท่านสามจางเป็นรองหัวหน้าบอดี้การ์ดมังกร อย่าดูถูกเชียว
ต้าตาวกล่าวเตือนอย่างเป็นปกติ
แม้ว่าเขารู้ว่าฉินเฟิงสุดยอดมากก็ตาม แต่ในเมืองเจียงเฉิงทุกคนต่างก็รู้ถึงความน่ากลัวของบอดี้การ์ดมังกร
ฉันรู้จักท่านสามจาง ตอนนี้เขาไม่มีทางลงมือกับพวกคุณหรอก
ก่อนหน้านี้ฉีหยุนมอบเอกสารให้ชุดหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับท่านสามจางนั่น เขาเป็นผู้จัดการเรื่องกิจการบอดี้การ์ดมังกร มันสมองดีเป็นที่หนึ่ง ไม่มีค่อยสนใจคนอย่างฉินเฟิงหรอก
อีกอย่างเรื่องของต้าตาว ส่วนใหญ่มีเจ้าบาดแผลต้าตาวมาแก้ปัญหา
สังคมอิทธิพลมืดก็มีกฎสังคมอิทธิพลมืด
อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่น่าจะเกิดขึ้น
ถ้ามีปัญหาก็แจ้งฉัน หรือแจ้งฉีหยุน
ฉินเฟิงตบไหล่ของต้าตาว มักจะบอกเสมอว่า ต้าตาวไม่ใช่คนเลวอะไร อีกอย่างวัยเด็กของเขา ทำให้เขาต้องทำหน้าที่ดังกล่าว
อีกอย่างพอทำแล้วก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้
รับทราบ ต้าตาวตอบกลับ
พาคนไป อย่าทำให้คนอื่นตกใจ
หลังจากนั้นฉินเฟิงลงมา ต้าตาวก็พาคนไปแล้ว ตอนนี้บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัดถูกปิดล้อมอย่างเป็นทางการแล้ว
เถ้าแก่ คุณสุดยอดมากเลย
อ้ายเสี่ยวซีเห็นคนพวกนั้นไปแล้ว ถอนหายใจอย่างโล่งอก มองฉินเฟิง นัยน์ตาเป็นประกายเล็กน้อย
อีกอย่างคนเหล่านั้น ก็เรียกฉินเฟิงว่าพี่ใหญ่
น่าเกรงขามมาก
ในที่สุดเธอก็เข้าใจสักที ทำไมอิ่นซินถึงยอมรับฉินเฟิง ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจเลย มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับฉินเฟิง แต่ไม่มีข้อไหนดีสักข้อเลย ต่างก็ว่าเป็นขอทานบ้าง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้อยต่ำบ้าง ลูกเขยจนๆแต่งงานเข้ามาอยู่บ้านฝ่ายหญิงบ้าง ผู้ชายเกาะผู้หญิงกินบ้าง
แม้ว่าเธอมีมารยาท แต่ละคำก็พูดว่าคุณฉิน แต่ในใจของเธอ ก็ดูถูกฉินเฟิงเล็กน้อย รู้สึกว่าฉินเฟิงไม่คู่ควรกับอิ่นซิน
แต่ดูตอนนี้แล้ว ที่แท้ก็เป็นพี่ใหญ่คนหนึ่ง มิน่าล่ะอิ่นซินถึงยอมรับฉินเฟิงได้
เข้าใจหมดแล้ว
โอเค ทำงานต่อเถอะ
หลังจากแก้ปัญหาเสร็จแล้ว ฉินเฟิงก็กลับไป ต้องกลับไปดูแลอิ่นซิน อารมณ์ของอิ่นซินในตอนนี้แปรปรวนมาก
ในเวลานี้ อิ่นซินตื่นพอดี
ปวดหัวมาก โอ๊ย ที่รัก
เพราะหลับนานเกินไป อิ่นซินตื่นมาสิ่งแรกที่รู้สึกคือปวดหัวเล็กน้อย ยกมือขึ้น ทำน้ำเสียงออดอ้อน ต้องการให้ฉินเฟิงช่วยประคองให้
แต่วินาทีต่อมา เธอก็หยุดการกระทำ ดวงตาเบิกกว้างสับสนอย่างเป็นที่สุด: ฉันลืมไปเลย ฉันไล่เขาออกไปแล้วนี่
โธ่
อิ่นซินถอนหายใจยาวๆ รู้สึกร่างกายไม่มีแรง ท้องร้องจ๊อก ๆ หิวแล้ว แต่เธอรู้ว่าตอนนี้ที่บ้านไม่มีอาหาร
เพียงแต่จู่ ๆ เธอก็สังเกตเห็นบางสิ่ง
พูดให้ถูกก็คือ มันเป็นข้อความบนโต๊ะข้างเตียง: ที่รัก เมื่อคืนคุณก็ไม่ได้ทานข้าว เช้าวันนี้ก็ไม่ได้ทานข้าว ตอนนี้อย่ากินของที่มันเลี่ยนเกินไป ในหม้อมีโจ๊ก โจ๊กไข่เยี่ยวม้า ต้มไว้ให้คุณเป็นพิเศษ ระวังร้อนด้วยล่ะ
ลงชื่อ ฉินเฟิง
ติ๊กตอกติ๊กตอก
ทันใดนั้น อิ่นซินรู้สึกว่าดวงตาของเธอชุ่มชื้นอีกครั้ง พูดอย่างทำอะไรไม่ถูก: ฉินเฟิง ทำไมคุณดีกับฉันขนาดนี้ คุณรู้ไหม ฉันค่อยๆตกหลุมรักคุณ แต่ว่า แต่ว่าคุณไม่มีความสามารถ แม้แต่สัญญาก็ทำตามไม่ได้ สักวันหนึ่งเราก็ต้องจากกัน ทำไมคุณ ถึงไม่พยายามหน่อย
ความรู้สึกสับสนแผ่ซ่านไปทั่วตัวเธอ
ทันใดนั้นก็ต้องการที่จะนอนและไม่อ่านโน้ตต่อ แต่สักพักก็รู้สึกท้องร้องจ๊อก ๆ หิวแล้วจริงๆ อิ่นซินเบ้ปาก จนในที่สุดก็ลุกจากเตียง
มุ่งหน้าไปยังห้องครัว
อิ่นซินยืนอยู่ที่ห้องครัว มองโจ๊กไข่เยี่ยวม้ามันในหม้อ กลิ่นหอมโชยออกมา ทำให้เธอกลืนน้ำลาย: ฉันกินสักมื้อ น่าจะไม่หลงรักมากขึ้นอีกมั้ง
อืม คงไม่หรอก
อิ่นซินพูดกับตัวเอง จากนั้นก็หยิบถ้วยและเริ่มตักใส่ เธอชอบกินโจ๊กไข่เยี่ยวมากที่สุด จากนั้นก็นั่งลงบนโต๊ะ หยิบช้อนแล้วกินเบาๆ
อร่อย ฝีมือทำอาหารของสามีดีขึ้นเรื่อยๆเลย
อิ่นซินกินคำแรก ก็อดไม่ได้ที่พูดออกมา แต่วินาทีต่อมาถึงตอบสนองได้ว่า พูดถึงสามีอีกแล้ว ไว้วางใจในตัวฉินเฟิงโดยทันที
แบบนี้ไม่ได้
จะยิ่งทำให้หลงรักมากขึ้น
เจ็บสั้นๆดีกว่าเจ็บยาวๆ ดังนั้นเธอจึงกินคำที่สอง คำที่สาม คำที่สี่ คำที่ห้า ….แต่ละคำกินเข้าไป กินอย่างเอร็ดอร่อย ยังไงซะฉินเฟิงก็ไม่อยู่ ไม่รู้หรอกว่าเธอร้องเรียกสามี
เรื่องที่เหลือ กินเสร็จค่อยว่ากัน
หิวแล้ว
จากนั้น เธอกินหมดพอดี และเลียมุมปากของตัวเอง เธอตกตะลึง เพราะเธอพบว่าฉินเฟิงกำลังพิงอยู่ที่หน้าประตู และมองเธออยู่อย่างนี้